รมว.วธ. เปิดงาน “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ปีที่ 2 ชูซอฟต์พาวเวอร์ 5 ด้าน สร้างโอกาสคนไทยบนทางแยกอนาคต ฝันส่งออกพุ่งถึง 1 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี
วันนี้ (7ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว. วัฒนธรรม กล่าวเปิดงาน “SPLASH – Soft Power Forum 2025” ในหัวข้อ “Thailand Rising: Tourism, Education and the New Soft Power Frontier ระหว่างวันที่ 8-11 ก.ค.โดยมี นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์ พาวเวอร์แห่งชาติ นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.แรงงาน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส. ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้มีโอกาสมางาน Splash อีกครั้งปีที่แล้วเป็นการจัดงานครั้งแรก แต่ครั้งที่ 2 รู้สึกว่างานนี้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม มีคนให้ความสนใจมากกว่าเดิมเยอะ เป็นสิ่งที่น่าชื่นใจ ทีมทำงานและคนในอุตสาหกรรมทุกวันนี้อยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีสิ่งที่เราคาดเดาไม่ได้เกิดขึ้นมากมาย ทั้งเรื่องอากาศ เศรษฐกิจ และอีกหลายปัจจัยทั่วโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเทคโนโลยีที่เข้ามา ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นในหลายรูปแบบ และเกิดการปรับตัวมากขึ้น ความเข้าใจบริบทการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งสำคัญมากการเข้าใจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง การรับมือและการปรับตัวต้องเข้าใจว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้ และตัวเราต้องยืดหยุ่นพอที่จะปรับตัวไปในสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป สิ่งที่เราเคยตั้งความหวังไว้ เช่น การมีบทบาทสำคัญในยานยนต์ หรือหวังที่จะเป็นครัวของโลกหลายอย่างเราต้องปรับตัว ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศที่อยู่โซนใกล้เรา ก็เริ่มปรับตัวบางอย่างอาจจะยังไม่ถนัดในวันนี้แต่ก็ปรับตัวมีความถนัดเพิ่มมากขึ้น เราอยู่เฉยไม่ได้ต้องปรับตัว เพื่อให้ทันต่อการแข่งขันตลอดเวลา วันนี้ประเทศไทยกำลังยืนอยู่บนทางแยกแห่งอนาคต รัฐบาลพยายามจะหาเม็ดเงินใหม่ เข้ามาลงทุนในประเทศ ทั้งเรื่องอุตสาหกรรมอนาคต เรื่องเทคโนโลยี การเป็นศูนย์กลางการขนส่งภูมิภาค ซึ่งเป็นรากฐานเศรษฐกิจ ที่ต้องใช้เวลานานและการลงทุนมหาศาลที่จะเกิดขึ้น และรัฐบาลได้เริ่มแล้ว เป็นการวางรากฐานเผื่ออนาคตให้ทันกับโลกของเรา
เส้นทางสำคัญคือวัฒนธรรมสร้างสรรค์ ที่ทั่วโลกไม่ได้สนใจซื้อแค่สินค้าหรือแค่บริการแต่การได้ซื้อประสบการณ์หรือซื้อในสิ่งที่สะท้อนความเป็นตัวของเรา ความเป็นต้นตำรับของแต่ละประเทศ โดยเฉพาะไทยมีวัฒนธรรมที่เข้มข้น ทั่วโลกหลงเสน่ห์ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม อาหารความเป็นอยู่ และที่พูดเสมอว่าคนคือ Soft Power ที่สำคัญ คนไทยมีเสน่ห์จากรอยยิ้ม ความช่วยเหลือ มีน้ำใจ นี่คือสิ่งที่ทั่วโลกยอมรับ เป็นเสน่ห์ไทยมานานประเทศไทยต้องเน้นและรวบรวมเป้าหมายที่ชัดเจน ว่าวัฒนธรรมของเรามีรากฐานจากท้องถิ่นจริง และสร้างมูลค่าที่เป็นสากลได้ วันนี้ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีเครื่องมือสื่อสาร สามารถหาได้จาก โซเชียลมีเดียทุกที่ เพราะความเป็นจริง ที่มีประวัติยาวนานทำให้ทั่วโลกมีความสนใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาหาร กีฬา เราไม่ใช่แค่ภูมิใจที่มีวัฒนธรรมที่ดี แต่เราจะเอาวัฒนธรรมเหล่านั้น มาเปลี่ยนให้เป็นเศรษฐกิจของประเทศโดยรวบรวมให้เป็นหมวดหมู่มากยิ่งขึ้น และขายได้ง่ายขึ้นทำให้คนเข้าใจเราได้ง่ายมาก นี่คือสิ่งที่เราต้องตั้งใจมุ่งเน้นทำ
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมานโยบาย Soft Power ของไทยเดินหน้าอย่างมีทิศทางมากขึ้น ซึ่งวัฒนธรรมเรามีมากมายคนเก่งและอุตสาหกรรม มีมากมายจึง ทำให้เอกชนและรัฐทำงานร่วมกัน ปีที่ผ่านมาสิ่งเป็นรูปธรรมอย่างแรกคือการบูรณาการทุกภาคส่วน ให้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ทำให้ทั้งสังคมมีเป้าหมายเดียวกัน ถ้ารัฐกับเอกชนทำงานด้วยกันจะลดเรื่องการทำงานที่ซ้ำซ้อนอันนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ต้องเปลี่ยนบทบาทภาครัฐให้เป็นผู้สนับสนุน เมื่อเราปรับตัวตรงนี้ได้ และเอกชนทำงานร่วมกันงานจึงเดินและทำให้อุตสาหกรรมเข้มแข็งมากขึ้น เมื่อรากฐานมั่นคงแล้ว ขั้นตอนต่อไปของเราคือการยกระดับจากจุดเริ่มต้นที่เน้นจากภายในประเทศสู่สิ่งที่กว้างขึ้นเชื่อมโลกได้มากขึ้นที่สำคัญ
น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราจะมีเป้าหมายที่ใหญ่มากขึ้น โดยกำหนดประมาณ 5 เรื่อง เรื่องแรกคือ อาหารไทย ที่ต่างชาติชอบอาหารไทยบางคนบอกไม่เคยมาประเทศไทยแต่อาหารไทยคืออาหารโปรดอันนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปที่ไหนคนรู้จักส้มตำ ต้มยำกุ้ง และขนม แต่ยังไม่เคยมาประเทศไทยเลยจึงทำอย่างไรให้อาหารเหล่านี้ดึงดูดให้เขามามีประสบการณ์ที่แท้จริง ในประเทศไทย ซึ่งเรื่องของอาหารเรามีจุดหมายปลายทางที่มีโมเดลของร้านที่ชื่อว่าTHAICUISINA รวมอาหารไทยทั้ง 4 ภาคในซุปเปอร์มาร์เก็ต นำผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปรวมไว้ในที่เดียวเป็นศูนย์กลางให้ชาวต่างชาติได้มาซื้ออาหารไทยได้เหมือนกับเวลาที่ซื้อในเมืองไทย และอยากมีไปอยู่ทั่วโลก ซึ่งต้องยกระดับการท่องเที่ยว ที่มีอยู่ให้เกิดการเรียนการทำอาหาร ให้รู้ที่มาเป็นต้นฉบับจริงควบคู่กับการสร้างมาตรฐานไทย select ที่มีอยู่แล้วให้สามารถเทียบเคียงรางวัลมิชลินเมืองนอกให้ได้อันนี้คือสิ่งที่เป็นเป้าหมาย
เรื่องที่ 2 คือ กีฬามวยไทยตนได้ไปอังกฤษเห็นค่ายมวยไทย ของไทยที่เปิดในเมืองนอกชาวต่างชาติให้ความสนใจมากนอกจากทำให้สุขภาพดีถือว่าได้ออกจากปัญหามาโฟกัสในเรื่องของมวยไทยมีสมาธิตั้งใจกระบวนท่าต่างๆทำให้เขาจิตใจสงบร่างกายแข็งแรงชาวต่างชาติให้ความสำคัญและให้ความสนใจมวยไทยอย่างมากฉะนั้นทางอุตสาหกรรมกีฬาก็พยายามที่จะทำให้ดินที่อยู่ในต่างประเทศ ได้สอนหลักมวยไทยที่ถูกต้อง ตรงนี้เราพยายามจะผลักดันต่อไป
เรื่องที่ 3 Thai Wellness ที่คนทั่วโลกแสวงหาความสมดุลผสมสารเรื่องการนวด ใช้สมุนไพรและอาหารไทย เพื่อสุขภาพ พร้อมกับการทำสมาธิสิ่งเหล่านี้จะครบทุกมิติบำบัดทั้งร่างกายและจิตใจ จากวัตถุดิบธรรมชาติ
เรื่องที่ 4 เรื่องภาพยนต์ ที่จะให้ต่างชาติมาถ่ายหนังที่บ้านเราโดยคืนเงินสด 30% รวมถึงคนไทยเราก็ทำเช่นกัน โดยจะคุยกับภาคเอกชนว่ามีอะไร ที่สามารถผลักดันเรื่องนี้ให้เสร็จสมบูรณ์ได้และคิดว่าน่าจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้
เรื่องที่ 5 อัญมณี เป็นอุตสาหกรรมส่งออกอันดับต้นของประเทศ ที่เกิดจากทักษะสร้างสรรค์ของคนไทย เมื่อ 20 ปีที่แล้วมียอดส่งออกอัญมณีประมาณ 50,000 ล้านบาทและปีนี้ที่มีการส่งออกมากขึ้นถึง 10 เท่าคือ 5 แสนล้านบาทที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นมาตลอด โดย5 เดือนแรกของปี ส่งออกแล้ว 380,000 ล้านบาท จึงเป็นอุตสาหกรรมที่น่าสนใจมี มูลค่าการส่งออกต่างประเทศมาก จึงอยากโฟกัสให้นักออกแบบ ช่างเจียระไน ช่างทอง ช่างเงิน ที่มีอยู่จำนวนมากได้ยกระดับความรู้ให้เป็นศิลปิน ซึ่งจะมีค่าตอบแทนที่สูงมากขึ้น ตรงนี้คือเป้าหมายและหวังว่าจะมีมาตรการที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมเหล่านี้มากขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกให้ถึง 1 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่นำมาเล่าให้เห็นโอกาส และยังมีอุตสาหกรรมอีกมากมายที่จะสามารถเพิ่มรายได้ให้กับคนในประเทศ เป็นรายได้ใหม่ ที่จะสามารถทำให้คนไทยมีทางรอด ถ้าไม่ใช่แค่ทางออกเป็นการเพิ่มรายได้และอาชีพใหม่ เพิ่มมูลค่ากับอาชีพใหม่
ปีที่ 2 ของการจัดงานขอให้ทุกคนที่มาในงานนี้ มีกำลังใจ เกิดความคิดสร้างสรรค์ จากนักเขียน ศิลปิน เชฟ นักแสดงและนักกีฬา ที่ประสบความสำเร็จในอุตสาหกรรมนี้จริงที่จะแบ่งปันประสบการณ์ในอุตสาหกรรมต่างๆ รวมถึงอุปสรรคมา เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจและเกิดกำลังใจในการทำงานว่าประเทศไทย มีโอกาสและมีความหวังอีกมากส่วนอะไรที่จะต้องปรับปรุงจะเก็บไปปรับปรุงเพื่อให้งานนี้แข็งแรงขึ้น เพิ่มโอกาสให้คนไทยในอนาคตมากขึ้นทุกปี และขอเชิญชวนทุกคนมาฟังวิทยากรที่จะให้ความรู้และแรงบันดาลใจกับทุกคน