xs
xsm
sm
md
lg

“อุยกูร์” เผย หนีออกจากจีนเพราะหลงเชื่อคนชั่วชักชวน ได้กลับบ้านพบความสุข ปัดเขียน จม.ขอความช่วยเหลือ-ไร้ประเทศที่ 3 ขอรับตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ชาวอุยกูร์บอก “ภูมิธรรม-ทวี” ที่หนีออกจากจีน เพราะหลงเชื่อคนชั่ว มาชักชวนว่าถ้าไปต่างประเทศแล้วชีวิตจะดีขึ้น แต่พอไปแล้วรู้สึกเสียใจ แท้ที่จริงแล้วความสุขอยู่ที่บ้าน เมื่อกลับมาพบว่าบ้านเมืองเจริญขึ้น ปลอดภัย ไม่ได้ถูกควบคุมตัว ได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ ยัน ตอนถูกคุมขังในไทยไม่เคยเขียนจดหมายขอความช่วยเหลืออย่างที่เป็นข่าว และไม่มีประเทศที่ 3 ติดต่อมารับตัว

วันนี้ (19 มี.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ที่เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำคณะผู้บริหารส่วนราชการ และสื่อมวลชน เริ่มภารกิจแรกด้วยการพบปะหารือกับ นายฉี หยานจุน รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรค และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และคณะ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการดำเนินการและการดูแลกลุ่มบุคคลที่ส่งกลับของจีน โดยเฉพาะชาวอุยกูร์ 40 คน ซึ่งถูกส่งตัวกลับเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 68 ณ เรือนรับรอง เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์

หลังจากนั้น นายภูมิธรรม และ พ.ต.อ.ทวี ได้แยกคณะกันออกไปเยี่ยมชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับมาจากไทย เมื่อนายภูมิธรรมเดินทางถึงหน้าบ้านชายชาวอุยกูร์ได้มารอต้อนรับ พร้อมกล่าวว่า การได้กลับมาบ้านรู้สึกดี เพราะ 10 กว่าปีที่จากไป บ้านเมืองเปลี่ยนไปมาก เดิมเคยพักอยู่ในพื้นที่ที่มีแผ่นดินไหว แต่ปัจจุบันรัฐบาลจีนได้มาสร้างที่อยู่ให้ใหม่


นายภูมิธรรม สอบถามว่า ทำไมจึงตัดสินใจเดินทางไปยังประเทศไทย ได้รับคำตอบว่า มีผู้ชักชวนมาบอกว่า ถ้าเดินทางไปต่างประเทศแล้วชีวิตจะดีกว่าอยู่ที่นี่ แต่พอไปแล้วรู้สึกเสียใจ เพราะรู้ว่าแท้จริงแล้วความสุขอยู่ที่บ้าน และก่อนกลับมารู้สึกกังวลกลัวว่าจะถูกคุมตัว แต่เมื่อกลับมาแล้วปลอดภัย ที่หมู่บ้านก็ไม่มีใครดูถูก พร้อมรับเข้าเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ขณะนี้ได้มาทำหน้าที่พ่อครัวในร้านอาหารของน้องสาว

จากนั้นชายชาวอุยกูร์ได้โชว์บัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน ที่ได้รับจากเขตปกครองตนเองซินเจียอุยกูร์ และจะได้รับเงินชดเชยเงินเดือนในช่วงที่ผ่านมาด้วย


นายภูมิธรรม ได้กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีที่ได้กลับบ้าน ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามกฎหมายจึงมีการกักตัว และขอโทษที่คุมตัวนานถึง 11 ปี เนื่องจากไม่มีประเทศใดทำหนังสือยืนยันขอรับตัวไป และขอโทษอีกครั้งหากได้รับความยากลำบากในระหว่างที่ถูกคุมตัว การมาครั้งนี้เพราะอยากมาเยี่ยมเยียน เมื่อมาเห็นมีความสุขทุกคนก็สบายใจ และรู้สึกว่าตัดสินใจถูกต้องในการส่งตัวกลับมา

ต่อมาเวลา 14.45 น. นายภูมิธรรม ได้ไปเยี่ยมบ้านพักของชายชาวอุยกูร์อีก 1 คน ซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ พ่อและพี่น้องรอพร้อมให้การต้อนรับเช่นกัน โดย นายภูมิธรรม ได้สอบถามตามที่มีบางคนบอกว่าได้เขียนจดหมาย 3 ฉบับ เพื่อร้องขอความช่วยเหลือ เพราะไม่ประสงค์เดินทางกลับจีนนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ชายคนดังกล่าวยืนยันว่า ไม่เคยเขียนจดหมายข้อความช่วยเหลืออย่างที่เป็นข่าว แค่หวังว่าอยากจะกลับบ้านเร็วๆ และยืนยันว่า ในช่วง 10 ปี ไม่มีประเทศที่ 3 หรือหน่วยงานไหนเข้าไปให้ความช่วยเหลือ หรือขอรับตัวนอกจากทางการจีน


นายภูมิธรรม ได้สอบถามว่า มีคนไทยบางส่วนเป็นห่วงว่า การกลับมาจีนของชาวอุยกูร์จะถูกทรมานและไม่ได้รับความปลอดภัย มีความคิดเห็นเรื่องนี้อย่างไร ชายชาวอุยกูร์ ตอบว่า ก่อนหน้านี้ รู้สึกกังวล หากถูกส่งตัวกลับมาจะถูกดำเนินคดี และถูกลงโทษ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

จากนั้นในช่วงท้าย นายภูมิธรรม เปิดโอกาสให้ญาติของชายชาวอุยกูร์ กล่าวกับคนไทย โดยน้องสาวได้ขอบคุณที่ส่งตัวพี่ชายคืนสู่ครอบครัว รู้สึกดีใจเหมือนกับตนเอง เป็นนางฟ้าได้รับการติดปีก


ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการเยี่ยมเยียน ทั้ง 2 ครอบครัวชาวอุยกูร์ มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส บางคนถึงกับหลั่งน้ำตา เพราะไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก เพราะคิดว่าคงต้องตายอยู่ที่เมืองไทย

ขณะที่ พ.ต.อ.ทวี ได้ไปเยี่ยมชาวอุยกูร์อีกคนที่เดินทางกลับจีนเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ซึ่งชาวอุยกูร์ รายนี้ บอกว่า กลับมาได้เห็นบ้านเกิดเมืองนอนเปลี่ยนไปมาก มีถนนหนทางที่ดีและกว้าง มีการพัฒนาที่ถูกต้อง ต้นยังไม่ได้แต่งงานแต่ครอบครัวก็ได้เตรียมห้องแต่งงานไว้ให้แล้ว ที่ผ่านมาตนไปหลงเชื่อคนชั่วจึงทำผิด แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว ก็อยากแต่งงานมีครอบครัว ดูแลแม่ดูแลครอบครัว ตนชอบขับรถ ก็จะไปสอบขับรถ

“ตอนนี้ชีวิตก็เป็นปกติแล้ว อยากแต่งงานมีครอบครัวของตัวเอง หวังว่าเพื่อนคนไทยจะเคารพเสรีภาพของผม ถ่ายรูป สัมภาษณ์ได้ ถ่ายวิดีโอได้ แต่ขอร้องให้ปิดหน้า ผมไม่อยากให้ชีวิตของผม และในอนาคตมีคนอื่นมารบกวน”

จากนั้น พ.ต.อ.ทวี สอบถามว่า บ้านหลังนี้เป็นของตัวเอง หรือรัฐบาลจัดให้ แม่ของเขาตอบแทนว่า แต่ก่อนมีบ้านอยู่ แต่รัฐบาลได้เวนคืนพื้นที่ แล้วคืนให้เราเป็นอพาร์ทเม้นท์ 2 ชุด ส่วนบ้านนี้เราใช้เงินที่รัฐบาลให้ 10,000 หยวน มาประบปรุง เราจึงมีบ้านพัก 3 ชุด


พ.ต.อ.ทวี ได้สอบถามว่า ระหว่างการถูกกักอยู่ใน ตม.ไทย กับได้กลับมาบ้าน แบบไหนดีกว่า ชายชาวอุยกูร์ ตอบว่า 10 กว่าปีที่ไม่ได้อยู่บ้าน รู้สึกเต็มไปด้วยความยากลำบาก ไม่เคยนึกว่าจะมีวันไหนได้กลับบ้าน ก็ต้องขอบคุณรัฐบาลจีน รัฐบาลไทยที่ส่งกลับมา ช่วงที่ตนลงจากเครื่องบินรู้สึกว่าประทับใจมาก ชีวิตหลังจากนี้ก็อยากตั้งใจทำงานดูแลครอบครัว

“10 กว่าปีที่อยู่ข้างนอก มีคนบอกว่าถ้ากลับประเทศจีนจะถูกขัง เข้าคุก แต่จริงๆ กลับมาแล้วก็ได้อยู่กับครอบครัวทุกวัน ก่อนกลับรู้สึกเครียด แต่ตอนนี้รู้สึกสบายใจ และรัฐบาลก็ช่วยตรวจสุขภาพให้ด้วย ลงทะเบียนทำบัตรประชาชน และมีประกันชีวิตให้ รู้สึกว่าชีวิตของผมกำลังฟื้นฟูปกติแล้ว อีกทั้งรัฐบาลท้องถิ่นก็ไม่ได้ลงโทษผมและพ่อแม่ ตอนนี้ครอบครัวค่อยๆ มีเงินขึ้น น้องสาวกับน้องชายก็ได้เรียนหนังสือ ซึ่งมีความสุข แม้ว่าผมจะหลบหนีข้ามประเทศออกไป แต่ตอนนี้รัฐบาลก็ให้น้ำใจต่อผมและครอบครัว ผมรู้สึกขอบคุณรัฐบาล พวกเรารู้สึกตื่นเต้น แล้วก็เสียใจ แล้วก็ขอบคุณทุกคน ที่ใช้เวลาเดินทางไกลมาหาพวกเรา

ขณะที่แม่ของชายชาวอุยกูร์ กล่าวต่อว่า เธอมีลูก 6 คน ช่วงที่มีลูก 3 คนแล้ว ก็ได้ไปได้อุลุมชีทำธุรกิจ แล้วก็หาเงิน จากนั้นก็มีลูกต่อเนื่อง ซึ่งรัฐบาลไม่ได้ห้ามมีลูกเยอะ และเรายังมีอิสระในการนับถือศาสนา รัฐบาลไม่ได้บังคับ


พ.ต.อ.ทวี ถามต่อว่า คนทั่วโลกยังเข้าใจผิดว่า คุณกลับมาบ้านจะทุกข์ทรมานทางจิตใจ หรือถูกบีบบังคับทำร้ายร่างกายจิตใจ มีหรือไม่ ซึ่งชายชาวอุยกูร์ ตอบว่า ช่วงที่ตนอยู่ข้างนอกมีคนบอกว่ากลับมาจะไม่มีเสรีภาพ หรือถูกขังคุกตลอดชีวิต ตนก็รู้สึกเครียด แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว เสรีภาพมากขึ้น 100% ไม่มีการบังคับอะไรเลย ได้ทานข้าวที่แม่ทำให้ทุกวัน และรัฐบาลท้องถิ่นก็ช่วยดูแลครอบครัว ตนรู้สึกขอโทษกับครอบครัวและรัฐบาลท้องถิ่น เพราะเขาดูแลเราเต็มที่ นี่คือความจริงใจทำให้

พ.ต.อ.ทวี ได้กล่าวให้กำลังใจ เขาและครอบครัว ซึ่งรัฐบาลไทยก็จริงใจที่คำนึงถึงสิทธิของเขา เขามีความสุขเราก็มีความสุข และเราจะดูแลให้

จากนั้น คณะของ พ.ต.อ.ทวี ได้เดินทางต่ออีก 1 ชั่วโมงกว่า เพื่อไปเจอกับชายชาวอุยกูร์คนที่ 2 โดยได้เข้าเยี่ยมบ้านและพูดคุยกับพ่อแม่เพื่อสอบถามความเป็นอยู่ ซึ่งชายคนนี้ ยอมรับว่า ตอนแรกกลัว เพราะมีคนบอกว่าถ้ากลับมาประเทศจีน จะเสียเสรีภาพ ถูกขังตลอด จึงเครียดก็เลยไม่กล้า แต่พอมาแล้วยืนยันมีเสรีภาพ 100% และทางการยังส่งตนไปโรงพยาบาลตรวจโรค ตอนนี้ก็อยู่กับครอบครัวทุกวัน รู้สึกสบายใจ แต่ก่อนบ้านทำด้วยอิฐซึ่งล้าสมัยมาก และรัฐบาลช่วยสร้างบ้านใหม่ รวมทั้งหมดเสียค่าใช้จ่าย 22,000 หยวนให้ ตอนนี้ชีวิตเป็นอยู่ดีกว่าแต่ก่อนมาก ซึ่งตนกลับมาไม่นาน ตอนนี้ช่วยพ่อแม่ทำนา และ นาคตอยากเป็นช่างซ่อมรถยนต์


จากนั้น พ.ต.อ.ทวีได้สอบถามว่ารู้จักใครในคณะที่มามาเยี่ยมในวันนี้บ้าง ชายชาวอุยกูร์ ได้ชี้ไปที่เจ้าหน้าที่ ตม.ไทย พร้อมกับเรียกว่า “สารวัตร” และทั้งสองก็ได้จับมือทักทายกัน โดยเจ้าหน้าที่ ตม.ไทย กล่าวแสดงความยินดีที่ได้กลับบ้านเกิด

ด้านบิดาของชายชาวอุยกูร์ บอกว่า รู้สึกสบายใจมาก ไม่ได้เจอลูกมาเป็น 10 ปี ตอนแรกคิดว่าทั้งชีวิตจะไม่ได้เจอแล้ว แต่ตอนนี้รัฐบาลก็ให้ลูกกลับบ้านแล้ว รู้สึกสบายใจขณะที่

พ.ต.อ.ทวี กล่าวยืนยันว่า รัฐบาล 2 ประเทศ มีความห่วงใย คำนึงถึงสิทธิไม่อยากให้ตัวเขาตกเป็นเครื่องมือถูกกักแบบไม่มีอนาคต เมื่อประเมินแล้วว่าถ้าส่งกลับมาแล้วปลอดภัย จึงได้ดำเนินการร่วมกัน และจากนี้จะคอยติดตามความเป็นอยู่เป็นระยะ และการมาครั้งนี้ รัฐบาลจีนก็รับรองว่าจะดูแลชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นโดยเฉพาะเรื่องสิทธิมนุษยชน

จากนั้น พ.ต.อ.ทวี ได้สอบถามว่าตอนนี้มีความอึดอัดใจหรือไม่ มีใครบังคับหรือทำให้ทรมานทางจิตใจและร่างกาย หรือไม่ ซึ่งเขาตอบว่า “ตั้งแต่ผมกลับบ้าน ไม่มีปัญหาอะไร รัฐบาลก็ช่วยชีวิตผมตลอด มีการลงทะเบียนบัตรประชาชน และการประกันชีวิต ครอบครัวก็ไม่ได้ทิ้งผม ช่วยผมตลอด”


จากนั้น พ.ต.อ.ทวี ให้สัมภาษณ์ว่า การที่เขาอยู่ประเทศไทยมา 10 ปี ต้องอยู่ในห้องกัก เหมือนเขาถูกทรมานอย่างหนึ่ง ก็ทราบว่า รัฐบาลที่ผ่านมาอาจจะไม่กล้าตัดสินใจ แต่การตัดสินใจของรัฐบาลนี้ อยู่บนพื้นฐาน ว่าเขาจะไม่ต้องถูกทรมาน เมื่อรัฐบาลจีนได้ให้การรับรอง วันนี้ที่มาเยี่ยมเยือนสิ่งหนึ่งจะได้เห็น คือ เขาได้อยู่กับครอบครัว มีความรู้สึกขอบคุณรัฐบาลทั้งสองประเทศที่ได้ดูแล วันนี้เราเห็นภาษากาย สีหน้าแววตา ของครอบครัว แสดงออกถึงความตื้นตันใจ ที่ได้มีวันนี้เกิดขึ้น

เมื่อถามว่า ผลลัพธ์ในวันนี้ เราจะนำไปใช้อุทธรณ์ต่อการกดดันจากประเทศที่สามหรือไม่อย่างไรนั้น พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า วันนี้ประเทศที่สามเขาเป็นประเทศใหญ่ เขาจะพูดอย่างไร เราเอาความจริงดีกว่า เชื่อว่า รัฐบาลทั้งสองประเทศ เรามีความจริงใจ และเราไม่ได้ทำแค่กับคนจีน จะชาติใดก็ได้ ถ้าอยู่ในสภาพที่จะต้องอยู่ให้ไทยเป็นฝ่ายผิดกฎหมาย หรือทรมานเขา ถ้าเราสามารถส่งเขากลับปลอดภัย และมีชีวิตที่ดีขึ้น เราต้องทำ

ส่วนที่หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการจัดฉาก วันนี้มาเจอตัวจริงแล้วรู้สึกอย่างไรนั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า วันนี้ทุกคนก็มาพร้อมกันหมด ถ้าคนที่ไม่ได้พบกับภาษากาย มาดูความเป็นอยู่ อย่างวันนี้ เขาก็ขอร้องว่าได้ล้มแพะ ตามความเชื่อของพี่น้องมุสลิม อยากจะขอเลี้ยงตอบแทน เพื่อขอบคุณทางรัฐบาล แต่ทางรัฐบาลจีน ระบุว่าเราต้องเดินทางอีกร่วมชั่วโมง เพื่อไปพบกับอีกครอบครัวหนึ่ง เพราะบ้านแต่ละหลังอยู่ไกลกัน แต่สิ่งนี้ก็คือ การทำให้คนตายแล้วเกิดใหม่ มีชีวิตใหม่ เราก็ถือว่าเราได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

ส่วน ณ ตอนนี้ ที่เราเห็น มีความมั่นใจแล้วใช่หรือไม่ว่า การตัดสินใจของเรา ในการส่งกลับประเทศแม่ นั้นถูกต้อง พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตอนตัดสินใจ เราคิดว่าเราทำถูกกฎหมาย และถูกหลักจริยธรรม เพราะการปฏิบัติของรัฐบาล คือ ยึดกฎหมาย วิชาการ และจริยธรรม และคำนึงถึงคุณค่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และวันนี้เราก็ได้ดูแลศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของเขาแล้ว และยืนยันว่าเป็นไปตามหลักสากล


ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายภูมิธรรม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี ได้วิดีโอคอล กับชาวอุยกูร์ ที่เดินทางกลับมาจากประเทศไทยอีก 6 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นชาวอุยกูร์ที่เดินทางกลับมาเมื่อปี 58 ซึ่งได้เล่าชีวิตหลังกลับมายังเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ว่าเมื่อได้กลับมาเมื่อ 10 ปีก่อนก็ได้ใช้ชีวิตปกติ ได้แต่งงานและมีลูกเล็กที่ตอนนี้มีอายุ 1 เดือน เมื่อกลับมทางการก็ช่วยสร้างบ้านให้ ตอนนี้ใช้ชีวิตปกติ มีวัวอยู่ 52 ตัว แพะ 2 ตัว เงินเดือน 5,400 หยวนต่อเดือน ชีวิตตอนนี้ปกติดีและเพิ่งสร้างบ้านเป็นของตัวเอง

ส่วนหาเหตุที่ออกจากเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ เป็นเพราะตนนั้นเป็นวัยรุ่น มีคนที่มีความคิดร้ายแรงชวนให้เดินทางไปด้วยก็ตามไป แต่เมื่อกลับมาแล้วชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าเมื่อก่อน

นายภูมิธรรม ได้สอบถามว่า อยากบอกอะไรไปยังคนไทยที่มีความเป็นห่วงบ้าง ชายชาวอุยกูร์ตอบว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างปกติไม่ต้องห่วง” พร้อมกันนี้ก็ยังได้วิดีโอคอลไปยังคนป่วยที่ต้องนำเตียงขึ้นเครื่องบินกลับมาซึ่งตอนนี้อาการดีขึ้นตามลำดับ จากนั้นนายภูมิธรรม และคณะร่วมหารือกับ นายหม่า ชิงรุ่ย สมาชิกคณะกรรมการกรมการเมิืองกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ก่อนงานเลี้ยงรับรองเพื่อเป็นเกียรติแก่นายภูมิธรรม








กำลังโหลดความคิดเห็น