“ภูมิธรรม” ขอบคุณรัฐบาลจีน ต้อนรับอย่างมีเกียรติ จัดการให้ไทยได้พบชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งกลับ แม้มีเวลาน้อย ชมใช้เวลาไม่นานพัฒนาเมือง แนะฝึกอาชีพให้สามารถดำรงชีพได้
วันนี้ (19มี.ค.) วันนี้(19 มี.ค.) เวลาประมาณ 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นที่เรือนรับรองเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นำคณะผู้บริหารส่วนราชการ และสื่อมวลชน เริ่มภารกิจแรกด้วยการพบปะหารือกับ นายฉี หยานจุน รองเลขาธิการคณะกรรมการพรรค และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ และคณะ พร้อมรับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับการดำเนินการและการดูแลกลุ่มบุคคลที่ส่งกลับของจีน โดยเฉพาะชาวอุยกูร์ 40 คน ซึ่งถูกส่งตัวกลับเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 68 ณ เรือนรับรอง เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
หลังนายฉี กล่าวต้อนรับคณะของทางการไทยแล้ว นายภูมิธรรม ได้กล่าวว่า ขอฝากความระลึกถึง ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง และนายกฯ หลี่ เฉียง ที่ได้สั่งการให้ทุกท่านได้มาช่วยสนับสนุนและต้อนรับพวกตนอย่างมีเกียรติ การเดินทางมาครั้งนี้เป็นโอกาสดี นอกจากเชื่อมสัมพันธ์ไทยจีนแล้ว ก็ยังได้ร่วมสร้างสัมพันธ์ต่อเนื่อง จากความสัมพันธ์ครบรอบ 50 ปี ที่เราได้มีการสถาปนาทางการทูต จากนั้นได้แนะนำคณะให้รู้จัก พร้อมระบุด้วยว่าได้นำสื่อมวลชน ทั้งทีวี หนังสือพิมพ์ และออนไลน์ที่มีประชาชนติดตามจำนวนมาก มาร่วมทำข่าวในครั้งนี้ด้วย
การเดินทางมาครั้งนี้ นอกจากกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะความร่วมมือด้านความมั่นคงที่มีร่วมกันมาอย่างดีตลอดหลายประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ การต่อต้านการก่อการร้าย การหลอกลวงทางโทรคมนาคม และการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย
วัตถุประสงค์ที่สอง คือการมาเยี่ยมเยียนชาวอุยกูร์ที่ทางทางการไทยส่งกลับเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และทางการจีนก็อนุญาตให้ทางการไทยได้สามารถเยี่ยมเยือนได้ตามที่ 2 ประเทศตกลงไว้
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า การที่จีนได้บรรยายสรุปเบื้องต้น ก็จะทำให้เข้าใจสถานการณ์ เพื่อจะได้ไปพบปะ และเห็นความจริงเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้รับทราบถึงการตัดสินใจของรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน ที่ร่วมดำเนินการตามหลักกฏหมายระหว่างประเทศ และกฎหมายสิทธิมนุษยชน รวมถึงเรื่องต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อชาวอุยกูร์ที่อยู่ในประเทศไทย และตนเห็นด้วยกับที่ท่านรัฐมนตรีพูดว่าการทำครั้งนี้เราทำด้วยความตั้งใจจริง ให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ที่ต้องโทษในเรื่องการเข้าเมืองผิดกฎหมายในประเทศไทย และคิดว่าจะเป็นทางเลือกที่พี่น้องชาวอุยกูร์ได้เลือกแล้ว จะเป็นประโยชน์กับชีวิตที่เขาเลือก การมาเยี่ยมครั้งนี้จะทำให้ได้เห็นจากสภาพความเป็นจริง
พร้อมขอโทษฝ่ายจีน ที่เราติดต่อประสานมาดูแค่ 2 วัน โดยเราไม่รู้สภาพพื้นที่ซึ่งมีบ้านเมืองอยู่ห่างไกลพอสมควร โดยเมืองทางคาซู มี 3 เมืองใหญ่ๆ แต่ละเมืองก็ห่างกันประมาณ 400-500 กิโลเมตร จึงได้กำหนดมาแค่ 2 วัน แต่ทางการจีนก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ที่จัดให้เราได้พบกับชาวอุยกูร์และได้พูดคุยแม้กระทั่งในส่วนที่อยู่ห่างไกล ก็ถือเป็นความร่วมมือและสนับสนุนจากจีน ซึ่งทางการไทยต้องขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง
อีกทั้งขอชื่นชมฝ่ายจีนที่ใช้เวลาไม่นานในการพัฒนามณฑลซินเจียง ให้เป็นที่ชื่นชมและน่าสนใจของคนทั่วโลก ตามที่ท่านรายงานว่ามีคนจากประเทศต่างๆมาชมมณฑลซินเจียงปีละ 300-500 ล้านคน จากแผ่นดินที่แห้งแล้ง ยากลำบาก แต่ก็เป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และน่าเรียนรู้หลายเรื่อง รวมไปถึงการอยู่ร่วมกันของหลายชนเผ่า ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่เสียดายเรามาไม่กี่วัน ไม่อย่างนั้นก็คงจะมีโอกาสได้ชื่นชมความสวยงาม ความน่าอยู่ของมณฑลซินเจียง
“ผมมาเยือนและอยากได้คำตอบ เราทราบว่าซินเจียงเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ก็น่าจะดีกับตัวเขาที่กลับมา และดีกับ 2 ประเทศที่ได้ตัดสินใจในครั้งนี้ และเราก็อยากรู้สภาพเขาที่กลับมา มีการรักษาพยาบาลอย่างไร ความเป็นอยู่อย่างไร ถ้ามีการฝึกฝนอาชีพต่างๆ เพื่อให้เขาสามารถดำรงตนมีชีวิตอยู่ในสังคมแห่งใหม่ที่เป็นบ้านเกิดของเขา ที่เจริญรุ่งเรืองขึ้น ก็เป็นเรื่องดี”
นายภูมิธรรม กล่าวขอบคุณรัฐบาลอีกครั้ง ที่พยายามให้เราได้มีโอกาสพบและพูดคุยมากขึ้นกับชาวอุยกูร์ โดยจัดวิดีโอคอลให้พูดคุยกับผู้ที่อยู่ห่างไกล การมาครั้งนี้จุดประสงค์หลักคืออยากรู้ถึงชีวิต 40 ชาวอุยกูร์ และทราบว่าทางการจีนจะให้เรามีโอกาสได้พบกับชาวอุยกูร์ ที่มาเมื่อปี 2557 ซึ่งถ้าได้พบก็ยินดีและขอบคุณ