ปชน.ถล่มงบจัดเลี้ยงอบรมเชฟ 289 ล. ชี้งบซอฟต์พาวเวอร์บวม เพราะต้องจ้างแต่คนนอก ใช้งบโรดโชว์ ตปท.ฉ่ำๆ ตัดงบสถาบันพระปกเกล้า ทำงานไม่คุ้ม ผู้บริหารขอเงินเก่ง แขวะให้เป็น กก.มูลนิธิ อย่าเป็นผู้บริหารสถาบัน หั่นงบรัฐสภา ลดค่าอาหาร ปรับเป็นแบบตั้งตลาด “พิเชษฐ” อ้างถูกปฏิวัติหลายรอบ นิติบัญญัติได้งบน้อย วันนี้มี ปชต.แบ่งบาน จึงขอปรับเพิ่มเกือบ 4 พัน ล.บำรุงสภา
วันนี้ (5 ก.ย.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภา คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วาระ 2 เป็นวันที่สาม สมาชิกอภิปรายเรียงตามมาตรา โดยเริ่มจากมาตรา25ที่ค้างจากการพิจารณาไว้
นายณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกุล สส.เชียงใหม่ พรรคประชาชน อภิปรายงบในส่วนโครงการซอฟต์พาวเวอร์ในกระทรวงต่างๆ อาทิ กระทรวงอุตสาหกรรม วงเงิน 3,147,733,200บาท โดยขอตัดงบประมาณโครงการซอฟต์พาวเวอร์ ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม จำนวน 6 โครงการ วงเงิน 762,386,000 บาท ที่แบ่งออกเป็นโครงการด้านอาหาร 4 โครงการ และแฟชั่น 2 โครงการ สามารถรีดไขมัน เพื่อประหยัดงบประมาณได้ โดยเฉพาะโครงการ 1 หมู่บ้าน 1 เชฟ วงเงิน 468 ล้านบาท พบว่า เป็นค่าจัดเลี้ยงอาหาร อาหารว่างและเครื่องดื่ม 289 ล้านบาท หรือ 60% ของโครงการ จากเป้าหมาย 17,000 คน ที่ต่อมาปรับเหลือ 15,000 คน
ขณะที่โครงการด้านแฟชั่น 2 โครงการ วงเงิน 110 ล้านบาท ได้แก่ โครงการพัฒนาบุคลากรด้านแฟชั่น 50 ล้านบาท มีการใช้งบถึง 30 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายเข้าค่าย workshop เพื่อเสนอ content อีกโครงการคือการส่งเสริมภาพลักษณ์แฟชั่น 60 ล้านบาท เป็นการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ มาร่วมทำ content ถึง 12 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ดูแล้วมากเกินไป สามารถรีดไขมันได้ หลังจากอภิปรายกันครบถ้วนแล้วที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 26
นอกจากนี้ ยังตั้งข้อสังเกตถึงงบประมาณของโครงการซอฟต์พาวเวอร์ในกระทรวงวัฒนธรรม ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) มีโครงการใหม่ “มวยไทย Soft Power” งบประมาณ 643 ล้านบาท แยกออกเป็น การยกระดับมาตรฐานมวยไทย, เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ทั้งในและต่างประเทศ และการจัดแข่งขันมวยไทยเพื่อสร้างความตื่นตัว
นายณัฐพล ยังกล่าวถึงงบส่วนเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ 238 ล้านบาท แบ่งเป็นการโรดโชว์ต่างประเทศแบบฉ่ำๆ กว่า 20 ประเทศ แต่ในโครงการ Muay Thai for All 90 ล้านบาท เป็นค่าตอบแทนผู้ฝึกสอนกีฬามวยไทย 500 ค่าย 500 คน คนละ 15,000 บาท ต่อเดือน ระยะเวลา 12 เดือน วัตถุประสงค์ของการจ้างคน 500 คนเพื่ออะไร เพราะงบส่วนแรกมีงบค่าอบรมสัมมนาผู้ฝึกสอน ค่าอุปกรณ์ต่างๆ อยู่แล้ว
ขณะที่งบประมาณการจัดแข่งมวยไทย 18 เวที ซึ่ง 15 เวที เป็นการชกโชว์ชิงแชมป์มวยไทยทหารโลก 10 ล้านบาท และ มวยไทยที่มีแบรนด์ชื่อดังจัดอยู่แล้ว ซึ่งอยากตั้งคำถามว่าเหตุใดต้องแยกกันจัด แทนที่จะเลือกบางเวทีซึ่งเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว และสนับสนุนให้โด่งดังขึ้น จะสามารถสร้างความตื่นตัวได้ดีกว่าหรือไม่ จึงเห็นว่าควรปรับลดโครงการนี้ลง 155 ล้านบาท
นายณัฐพล กล่าวว่า สรุปเนื้อหาที่ได้อภิปรายไป 8 มาตรา 12 หน่วยงาน 24 โครงการ ที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์พาวเวอร์ ยอดเงินรวม 2.4 พันล้านบาท ซึ่งยังมีบางโครงการที่ถูกฉีกไปอยู่ในแผนบูรณาการอื่นๆ ที่อนุกรรมาธิการปรับลดได้สำเร็จ 270 ล้านบาท หรือเพียง 10.82% ของโครงการซอฟต์พาวเวอร์ทั้งหมด
“สิ่งที่เราปรับลดไป ไม่ได้กระทบกับแก่นสารโครงการแน่นอน เราให้เหตุผลว่างบซ้ำซ้อน หน่วยงานต่างหน่วยงานทำโครงการลักษณะเดียวกันโดยไม่ได้คุยกัน และการประชาสัมพันธ์ แถลงข่าวต่างๆ ซึ่งเป็นองค์ประกอบภายนอกของโครงการหลัก” นายณัฐพล กล่าว
นายณัฐพล ยังตั้งข้อสังเกตถึงแบบแผนของแต่ละโครงการว่า จะต้องมีการจ้างบุคคลหรือผู้เชี่ยวชาญภายนอกมาคิดโครงการทั้งหมด แต่หน่วยงานต่างๆ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญภายในที่เป็นบุคลากรภายในเลย เป็นเหตุให้งบประมาณบวมไปเรื่อยๆ รวมถึงข้อสงสัยว่าโครงการซอฟต์พาวเวอร์ จำเป็นต้องสร้างความลุ่มหลง แต่งบประมาณกลับมีแต่การแถลงข่าว จัดงานประชาสัมพันธ์ แค่ป่าวประกาศให้คนรู้ว่าทำอะไรอยู่ จึงเสนอให้มียุทธศาสตร์การสื่อสารที่ผ่านการคิดวิเคราะห์และแยบยล เพราะไม่มีใครในโลกนี้มาประกาศว่าซอฟต์พาวเวอร์ของตัวเองคืออะไร
นายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ อภิปรายมาตรา 30 งบประมาณรายจ่ายของหน่วยงานรัฐสภา ที่กรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาปรับเพิ่มให้เป็น 4,000 ล้านบาท จากที่ตั้งไว้ 3,626 ล้านบาท ขอตัดงบประมาณรัฐสภา 0.01% เพื่อให้ได้สิทธิอภิปราย เพราะตนต้องการให้เพิ่มเงินของสภาฯ เป็น 3หมื่นล้านบาท เพราะมีค่าดำเนินการทั้งในส่วนของกรรมาธิการคณะต่างๆ เพื่อให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดย นายพิเชษฐ์ ชี้แจงว่า สภารับมอบมาไม่ถึง 3 เดือน ต้องปรับปรุง ทุกอย่างที่ใช้มา 5 ปี ยังไม่ได้ทำอะไร ดังนั้น ปีนี้ของบเพิ่ม เพราะต้องทนุบำรุงจัดการสภา ได้มานิดหน่อย ช่วงสภาฯ ชุดที่ 25 ไม่ได้ไปต่างประเทศทำให้ขยับงบได้ยาก กลุ่มมิตรภาพรัฐสภาปีนี้ต้องขยับ เนื่องจากปีที่ผ่านมาไม่มีเงิน กลุ่มมิตรภาพมาเยี่ยมแต่สภาฯเราไปไม่ได้
“เราเป็นฝ่ายนิติบัญญัติได้งบน้อยมากหลังถูกปฏิวัติหลายรอบ ถูกตัดตอน วันนี้มีประชาธิปไตยแบ่งบานก็พยายามจะสร้าง ส่วนรายละเอียดขอให้ กมธ.ชี้แจง” นายพิเชษฐ์ กล่าว
ขณะที่ นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายให้ปรับลดงบของสำนักงานเลขาธิการสภา พร้อมกับหารือถึงการจัดที่จอดรถให้ สส. ที่มีบางส่วนอยู่ใกล้ลิฟต์โดยสาร ที่พบว่าที่จอดรถว่างตลอด ส่วนสส.ที่มาเช้าต้องจอดรรถไกล ดังนั้นขอให้จัดระบบใหม่ ตรงไหนว่างให้จอด ทั้งนี้ ตนเคยเห็นคนทะเลาะกันเรื่องที่จอดรถหลายครั้ง มีคนที่มาเช้าจอดในช่องที่ไม่ใช่ของตนเองเพราะใกล้ลิฟท์ เมื่อเจ้าของช่องมาจอดแต่จอดไม่ได้ จึงจอดขวางและใส่เกียร์ไว้ ทั้งนี้ การใช้สิทธิจอดไม่ผิดแต่ต้องพิจารณา
นายครูมานิตย์ อภิปรายต่อว่า นอกจากนั้น ในส่วนของค่าไปดูงานต่างประเทศขอให้ตัด ใครอยากไปให้ใช้เงินส่วนตัว นอกจากนั้นขอให้ยกเลิกค่าอาหารรับรอง สส. และ กมธ.
“ผมไม่เดือดร้อน เพราะกินลาบ ก้อย จุ้มจุ่ม พวกตนเป็น สส. จะเวียนกันไปซื้ออาหาร น้อยครั้งที่จะเข้าไปกิน ส่วนที่มีอาหารเหลือและให้เอากลับไปกิน ผมอายขอให้งบประมาณปีหน้ายกเลิกไป และควรพิจารณาจัดหาร้านอาหารต่างๆ มาตั้งเป็นตลาดเพื่อให้เลือกซื้อ” นายครูมานิตย์ อภิปราย
ทำให้ นายพิเชษฐ์ ชี้แจงว่า ตั้งแต่มีสภามา ทุกอย่างมีเหตุและผล พัฒนามาเรื่อยๆ มาถึงวันนี้ คิดว่าสิ่งที่คงอยู่พัฒนาต่อไป ช่วงที่ว่างเว้นจาก สส. สภาเงียบเหงา หากเขามายึดก็เล็กลง หากมาจากเลือกตั้งก็เบ่งบาน ทุกอย่างมีเหตุมีผล
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สส.ยังอภิปรายขอปรับลดงบประมาณของสถาบันพระปกเกล้า โดย นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายขอให้ปรับลดงบประมาณของสถาบันพระปกเกล้า เพราะมองว่า การจัดหลักสูตรของสถาบันนั้นไม่เหมาะสม อีกทั้งต้องการให้สถาบันพระปกเกล้าเป็นกลาง เพื่อชี้นำประชาธิปไตย ในหน่วยงานที่มีหลายพรรค หลายพวก หากทำไม่ได้ต้องเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ เพราะพบว่าผู้บริหารสถาบันพระปกเกล้าเอียงไปกับบางพรรคการเมือง
ทางด้าน ร.อ.ท.ธนเดช เพ็งสุข สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายขอตัดงบของสถาบันพระปกเกล้า ด้วยว่า การทำงานของผู้บริหารปัจจุบันไม่คุ้มค่างบประมาณ ทั้งนี้ หลักสูตรของสถาบันพระปกเกล้า คืนอะไรให้สังคมบ้าง กรณีที่เอากลุ่มผู้บริหารระดับสูง และนักการเมืองอบรมรวมกัน ควรสร้างสถาบันเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นที่หลากหลายและสร้างให้อยู่ร่วมกันในพหุวัฒนธรรม แต่พบว่ากลับมุ่งหาคอนเน็กชั่น แม้ไม่ผิดแต่ควรเป็นเรื่องรอง
“ผมเคยคุยกับผู้บริหารสถาบันพระปกเกล้าหลังจากเรียนหลักสูตรจบ เขารับรู้ แต่ไม่พร้อมเปลี่ยนแปลง ขณะนี้เลขาธิการ และผู้บริหารบางคน ยังขอบริจาคเงินจากนักเรียน ทำให้ไม่แน่ใจว่าเป็นมูลนิธิ หรือสถาบัน ผู้บริหารยิ้ม ขอเก่ง เอาทุกงาน ผมจำคำมาว่า เขาชอบทำบุญ ดังนั้นขอให้ไปเป็นกรรมการมูลนิธิ อย่ามาเป็นผู้บริหารสถาบัน” ร.อ.ท.ธนเดช อภิปราย
ขณะที่การชี้แจงของ กมธ. พบว่า มีเฉพาะเรื่องค่าอาหาร ที่ กมธ.ขอปรับลดลง 15 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งงบ 70 ล้านบาท หลังสตง. เคยท้วงติงว่ากรณีจัดอาหาร 500 คนในการประชุมจริงมีไม่ถึง 500 คน นอกจากนี้ มีการจัดอาหารกล่องให้ กมธ.สามัญและวิสามัญ พร้อมกับมีข้อเสนอแนะแนบท้ายให้สำนักงานเลขาธิการสภา พิจารณาว่าควรให้เป็นบัตรคูปองมูลค่า 350 บาท ซึ่งเป็นราคาอาหารต่อวันสำหรับ สส. เพื่อให้ไปเลือกซื้ออาหารทานเอง หากมูลค่าบัตรเหลือจะได้คืนให้สภา