เมืองไทย 360 องศา
เมื่อวานนี้ (20 สิงหาคม) ถือว่าเป็นวันที่การฟอร์มคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร วุ่นวายปั่นป่วนมากที่สุดวันหนึ่ง ที่มีทั้งเป็นความขัดแย้ง แย่งชิงกันเองภายในพรรคร่วมรัฐบาล การรอจังหวะเข้าร่วมรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้านอย่าง พรรคประชาธิปัตย์ ในตอนนี้
ขณะเดียวกันยังมีปัญหาเรื่อง “จริยธรรม” ที่กำลังถูกตั้งคำถามให้กับว่าที่รัฐมนตรี และไม่เว้นแม้กระทั่งตัวของ นายกรัฐมนตรีเอง ปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเข้มข้น จนทำให้มีการมองกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ “ความเสื่อม” แบบมาเร็วไปเร็วเกินคาด ก็เป็นได้
ความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐที่ลุกลามบานปลายจนกระทบต่อภาพลักษณ์ และความรู้สึกของชาวบ้านในแง่ลบต่อพรรคการเมืองและนักการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบต่อรัฐบาลของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่กำลังตั้งไข่
ก่อนหน้านี้มีกำหนดให้แต่ละพรรคร่วมรัฐบาลต้องส่งรายชื่อรัฐมนตรีตามโควตาของพรรคเข้ามาให้กับพรรคแกนนำคือพรรคเพื่อไทยภายในวันที่ 20 สิงหาคม เพื่อได้ตรวจสอบคุณสมบัติ แต่กลายเป็นว่ามีปัญหาเพิ่มเติมคือ ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐจนถึงขั้น “แตกหัก” กันภายใน ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค กับ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค
จากความเข้าใจเดิมที่คิดว่า “ทีมลุงป้อม” คงจะถูก “เขี่ย” พ้นรัฐบาลแน่นอน แต่กลายเป็นว่า “เกมพลิก” เป็นรายชั่วโมง มีการช่วงชิงเสนอรายชื่อรัฐมนตรีในโควตาของพรรคทั้งกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค กับฝ่ายของ พล.อ.ประวิตร ที่มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรค และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข หนุนหลัง
ทำให้เค้าลางความขัดแย้งรุนแรงเริ่มขึ้นทันที โดย เมื่อตอนสายวันที่ 20 สิงหาคมที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ประกาศตัดขาดความสัมพันธ์กับ “ลุงป้อม” ทันที โดยเขาใช้คำว่า “ประกาศอิสรภาพจากลุงป้อม”
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า หลังจากนี้ ตนกับพี่น้อง พร้อมจะไปไหนก็ได้ที่มีความสุข ไม่แสวงหาความทุกข์เข้าตัวเอง
เมื่อถามว่า ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร หรือยัง ร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่า ไม่จำเป็นต้องคุย เพราะท่านไม่อยากจะใช้ผมแล้ว แม้ไม่ถูกขับจากพรรค เราก็อยู่กันแบบนี้ ส่วนกลุ่มพี่น้องมีกี่คนเดี๋ยวก็รู้ “เราแยกออกมาให้ชัดเจนว่าจะอยู่อย่างไรกัน แต่ผมจะไม่ทำลายบ้านเมืองและไม่ทำลายรัฐบาล”
ยืนยันไม่ใช่การแตกหัก แต่เลือกที่จะไม่ทะเลาะกับใคร เห็นแล้วว่ารัฐบาลที่แล้ว ผมรักคนๆ หนึ่ง มาก ท่านใช้ให้ผมไปตายผมก็ไปตาย ท้ายที่สุดประสบอุบัติเหตุทางการเมือง ผมพอแล้ว และการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร ก็ยังไม่มีการพูดคุยกับผม ยืนยันไม่มีการแตกหักกับหัวหน้า แต่ผมอยากใช้ชีวิตอย่างสงบสงบสุข ผมคุยกับคนในครอบครัวแล้วว่าพอแล้ว“
ถามว่า ตอนนี้ยังมีโอกาสเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ ตนไม่รู้ ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ส่วนจะลงชื่อในโควตาพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ อย่าไปคิดมาก พรรคพลังประชารัฐส่งชื่อไปตามที่เป็นข่าวก็เป็นเรื่องของพรรค ส่วนจะเลือกหรือไม่เลือกก็เป็นอีกเรื่อง
“เรื่องคุณสมบัติ ผมไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ต้องการให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เลือกที่จะไม่ทะเลาะใคร บทเรียนชีวิตผม 6 ปีเพียงพอแล้วในเรื่องการเมือง”
ส่วนที่บอกว่าจะไม่ทำให้ใครเดือดร้อนมั่นใจตัวเองใช่หรือไม่ในเรื่องของคุณสมบัติ ร.อ.ธรรมนัส เผยว่า ตนมั่นใจในสิ่งที่ตัดสินใจ ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นการค้างคาใจ ตนถอยออกมาสุดสุดแล้ว
การให้สัมภาษณ์ของ ร.อ.ธรรมนัส มีขึ้นสองสามครั้ง ทั้งที่ทำเนียบรัฐบาล และที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่มีการเรียกระดมส.ส.ในกลุ่มของเขาที่อ้างว่ามีประมาณเกือบ 20 คน เพื่อแสดงพลัง ทุกอย่างเป็นไปอย่างดุเดือดแบบตัดขาดกับ “ลุงป้อม”
ขณะที่ฝ่าย “ลุงป้อม” ก็มีความเคลื่อนไหวตอบโต้เช่นเดียวกัน โดยนัดประชุม ส.ส.ที่ “บ้านป่ารอยต่อฯ” โดยมี นายสันติ พร้อมพัฒน์ กลุ่ม ส.ส.เพชรบูรณ์ กลุ่มสระแก้ว ของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง กลุ่มกำแพงเพชร ของ นายวราเทพ รัตนากร ส.ส.สิงห์บุรี ของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ เช่น ส.ส.ตรัง สงขลา และ นราธิวาส บางคนเป็นต้น รวมแล้วกว่า 20 คน แม้ว่านาทีนี้ ยังไม่อาจสรุปได้ว่าฝ่ายจะชนะได้ไปต่อ
นั่นเป็นความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐที่กำลังสร้างความปั่นป่วนรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ที่กำลังจะเริ่มต้น แต่ขณะเดียวกันปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นพร้อมๆกันก็คือ ปัญหาเรื่อง “คุณสมบัติ” ของบรรดาว่าที่รัฐมนตรีหลายคน ได้ทำลายความศรัทธา และความเชื่อมั่นของรัฐบาลและนายกรัฐมนตรีและส่งผลลามไปถึง “ภาพลักษณ์” ของรัฐบาลใหม่ทันที
แน่นอนว่า ปัญหาเรื่องคุณสมบัติของว่าที่รัฐมนตรีหลายคน เกี่ยวพันกับเรื่อง “จริยธรรม” ที่ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญได้สร้างบรรทัดฐานเอาไว้กรณีของ นายเศรษฐา ทวีสิน ที่แต่งตั้งรัฐมนตรีที่ขาดคุณสมบัติเข้ามา ทำให้การฟอร์มรัฐบาลในครั้งนี้ต้องมีการตรวจสอบคุณสมบัติกันอย่างละเอียดและเข้มงวดกว่าเดิมหลายชั้น เพื่อป้องกันความผิดพลาดซ้ำรอย ทำให้คาดหมายว่าการจัดตั้งรัฐบาลต้องใช้ทอดเวลาอีกหลายวัน
แต่ที่น่าสังเกตก็คือ ด้านหนึ่งบอกว่ามีความเข้มงวดในเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติคนที่จะมาเป็นรัฐมนตรี แต่อีกด้านหนึ่งมีหลายคนกำลังถูกตั้งคำถามในเรื่องดังกล่าว และกำลังถูกขุดคุ้ยเรื่องอื้อฉาวในอดีตขึ้นมามากมาย หลักฐานบางอย่างกำลัง “ว่อนในโซเชียล” เป็นการเปิดโปง ฉายซ้ำ ในจำนวนนั้นมีว่าที่รัฐมนตรีจากหลายพรรคร่วมรัฐบาล เช่น ภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ พลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เรื่อง “แป้ง” นายสันติ พร้อมพัฒน์ เรื่องการสอบที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวของนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่กำลังถูกรื้อฟื้นเรื่องของ “ข้อสอบ” และกรณี “สนามกอล์ฟอัลไพน์ ธรณีสงฆ์ เมื่อหลายปีก่อน
แน่นอนว่า กรณี “จริยธรรม” ที่สร้างบรรทัดฐานใหม่จากศาลรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา มีขอบเขตกว้างขวางมาก หลายคนบอกว่านี่คือ “การปฏิรูปการเมือง” ทางหนึ่ง แต่ขณะเดียวกันกำลังสร้างปัญหาให้กับรัฐบาลใหม่ และนักการเมืองที่จะต้องมีความระมัดระวังกันเป็นพิเศษ
แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นเดียวกันว่า ปัญหาเรื่องคุณสมบัติ และจริยธรรมของบรรดาว่าที่รัฐมนตรีดังกล่าว ได้ทำลายความศรัทธาและเชื่อมั่นจากประชาชนลงไปตั้งแต่เริ่มต้น ไม่เว้นแม้แต่ตัวของ นายกรัฐมนตรี ที่มีต้นทุนเดิมที่มีข้อสงสัยเรื่องประสบการณ์ความรู้ความสามารถ หรือแม้กระทั่งกรณีของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่เป็นบิดาของเธอที่มีภาพของการเข้ามา “แทรกแซง” สั่งการทุกเรื่องในเรื่องการฟอร์มรัฐบาล น่าจะกลายเป็นการ “เพิ่มภาพลบ” มากกว่าบวก จนทำให้พังเร็วหรือเปล่า !!