xs
xsm
sm
md
lg

“ทักษิณ”เบ็ดเสร็จ เดิมพันนายกหลังม่าน !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร - แพทองธาร ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา


จะเรียกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วและจบเร็วสำหรับการขึ้นมาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขณะเดียวกันก็เกิด “ภาพซ้อน” ขึ้นมาพร้อมๆ กัน นั่นคือ ภาพ“นายกฯหลังม่าน” หรือ นายกฯเงา ของ นายทักษิณ ชินวัตร ชัดขึ้นทันที


การปรากฏตัวของ นายทักษิณ ชินวัตร พร้อมคนในครอบครัวอย่างพร้อมเพรียง ที่มีทั้งคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ รวมทั้ง นายพานทองแท้ ชินวัตร นางพินทองทา ชินวัตรคุณากรวงศ์ เป็นต้น ยิ่งทำให้เห็นภาพชัด รวมถึงมองเห็นภาพบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยเกิดขึ้นในยุคเมื่อหลายปีก่อน ที่นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี และคุมอำนาจทุกอย่างเบ็ดเสร็จ

ปรากฏการณ์ที่อาคารวอยซ์สเปซ ถนนวิภาวดีรังสิต ซึ่งเป็นที่ทำการแห่งใหม่ของพรรคเพื่อไทย เมื่อเช้าวันที่ 18 สิงหาคม เต็มไปด้วยความคึกคัก ในพิธีรับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่เช้ามีทั้งแกนนำและ ส.ส.พรรคเพื่อไทยมาร่วมอย่างคึกคัก รวมถึงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลก็มากันพร้อมหน้า อย่างไรก็ดี ที่ต้องจับตาก็คือ การปรากฏตัวของนายทักษิณ ชินวัตร ในพิธีสำคัญนี้

แม้ว่าคำแถลงตอนหนึ่งของ น.ส.แพทองธาร หลังรับพระบรมราชโองการฯ ย้ำว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ที่จะนำพาประเทศไทยเดินหน้า ฝ่าฟันทุกอุปสรรค แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน แก้ไขปัญหาปากท้องเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชน

3 ปีที่เหลือตามวาระของรัฐสภา ดิฉันในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร จะขอทำหน้าที่ร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติ ด้วยหัวใจที่เปิดกว้าง เปิดพื้นที่ในการรับฟังทุกความเห็น เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างมั่นคง

พี่น้องประชาชนคนไทยที่รักทุกท่านคะ ภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้ ไม่อาจสำเร็จได้ด้วยการทำงานของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ดิฉันมีความมุ่งหวังที่จะประสานพลังของคนทุกรุ่น ประสานพลังของบุคคลที่มีความสามารถในประเทศไทยจากทุกภาคส่วน ทั้งคณะรัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาล ข้าราชการ เอกชน และพี่น้องประชาชน

“ดิฉันจะส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพและทักษะของคนไทยทุกคน และทำให้ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทย เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝัน กล้าสร้างสรรค์ และกล้ากำหนดอนาคตของตัวเอง ดิฉัน แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรี จะรับผิดชอบหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศแห่งโอกาส เป็นประเทศแห่งความหวัง เป็นประเทศแห่งความสุข ของคนไทยทุกคนอย่างเท่าเทียม”


และเมื่อมีการแถลงอีกครั้งในฐานะนายกรัฐมนตรี เธอยืนยันความตั้งใจในการแก้ปัญหาให้ประเทศ การแก้ปัญหาปากท้อง และปัญหาสังคม และการสร้างโอกาสให้เท่าเทียมกัน แต่ถึงอย่างไรที่น่าจับตาก็คือ ไม่ได้กล่าวถึงโครงการเติมเงิน “ดิจิทัล วอลเล็ต” ที่ถือเป็นนโยบายเรืองธงของพรรคเพื่อไทยอย่างชัดเจน ซึ่งนี่แหละอาจจะเป็น “จุดตาย” สำคัญหากไม่เดินต่อ หรือออกมาไม่ตรงปก

แน่นอนว่า นั่นคือ ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ในฐานะนายกรัฐมนตรี และยังเป็นความคาดหวังของคนจำนวนมาก ที่กำลังถูกจ้องมองแบบตาไม่กระพริบ ทั้งฝ่ายสนับสนุน และฝ่ายตรงข้าม

ขณะเดียวกัน หากโฟกัสไปที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไปพร้อมๆกัน วันนี้ (18 สิงหาคม 2567) ที่เขาได้พ้นโทษโดยสมบูรณ์แล้ว ถือว่าได้พ้นจากพันธนาการ สลัดชนักปักหลังไปได้เปลาะใหญ่ แม้ว่ายังมีคดีมาตรา 112 คาอยู่ แต่นั่นต้องใช้เวลาอีกนานกว่าถึงบทสรุป

แน่นอนว่า การที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวคนเล็ก ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ทุกคนย่อมทราบดีว่า ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะ นายทักษิณ ผู้เป็นพ่อ ที่เปรียบเสมือนเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว และนับจากนี้ไปจะเห็นบทบาท “นายกหลังม่าน” เป็นนายกเงา ที่สั่งการทั้งเบื้องหลังและเบื้องหน้าอย่างแท้จริง ซึ่งหลายคนย่อมมองออกกันอยู่แล้ว

ในทางการเมืองมองว่านี่คือการ “เดิมพัน” แบบทุ่มหมดหน้าหนัก ที่อาจเป็นครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ ของเขาก็ได้ ด้วยวัยที่เริ่มร่วงโรย ในท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่เหมือนเดิม มี “ตัวแปร” ใหม่ๆ เกิดขึ้นมากกว่า ที่สำคัญมีคู่แข่งใหม่จากพรรคประชาชน ที่แข็งแกร่งแบบที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน

เมื่อตัดภาพมาที่ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ที่ในทางการเมืองย่อมถูกมองว่าเป็นตัวแทน หรือจะพูดให้ตรงๆ ก็คือ “หุ่นเชิด” สายตรงของพ่อ ความจริงแบบนี้ไม่มีใครปฏิเสธอยู่แล้ว ดังนั้น การดำรงตำแหน่งของ “อุ๊งอิ๊ง” ก็คือ นายทักษิณ นั่นเอง

แม้ว่าที่ผ่านมาจะเห็นการเข้ามาสั่งการและแทรกแซงอย่างชัดเจนมาตั้งแต่ยุครัฐบาลของ นายเศรษฐา ทวีสิน แล้วก็ตาม แต่ครั้งนี้ในยุคของรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ทุกอย่างจะต้องชัดเจนขึ้น ตั้งแต่การ “จัดทัพ” คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ทั้งในส่วนของพรรคเพื่อไทยเอง และยังรวมไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคอย่างเช่น พลังประชารัฐ ที่จำเป็นต้อง “กำจัด” บางส่วนออกไปให้พ้นทาง เพื่อตัดปัญหาความเสี่ยงให้มากที่สุด

เชื่อว่าการปรับคณะรัฐบมนตรี ที่จะมีการขยับปรับเปลี่ยนมากที่สุดก็น่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยเอง เนื่องจากเป็นธรรมเนียมมานานแล้วว่า จะต้องมีการหมุนเวียนกันเพื่อตอบแทนให้กับกลุ่มการเมืองและกลุ่มทุนในพรรค ยกเว้นระดับคีย์แมนสำคัญบางตำแหน่ง ที่ต้องสงวนเอาไว้ และคราวนี้ที่ต้องจับตาว่า จะต้องหลุดจากตำแหน่ง เช่น นายสุทิน คลังแสง น่าจะพ้นจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายเกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่อยู่มาเกือบปีแล้ว ถือว่าตอบแทนกันไปแล้ว นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งสองคนหลังมีความใกล้ชิดกับ นายเศรษฐา

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลอื่น เช่น ภูมิใจไทย ยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง พรรครวมไทยสร้างชาติ โควตารัฐมนตรีอาจไม่เปลี่ยน แต่จะเปลี่ยนที่คนมานั่ง เช่น นายเอกณัฐ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคจะมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แทน น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล เท่านั้น ขณะที่ต้องจับตาเป็นพิเศษก็คือพรรคพลังประชารัฐ ที่อาจไม่มี “ทีมลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค “เจ้าของบ้านป่า”ในรัฐบาลชุดใหม่

ส่วนจะเป็นใครมาแทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อีกไม่นานก็จะชัดเจน เพียงแต่ว่าในรัฐบาลใหม่จะต้องมีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค เช่นเดิม และอาจใหญ่กว่าเดิมอีกด้วย

กรณีของ “ลุงป้อม” ถือว่าชัดเจน และเข้าใจได้ เพราะครั้งล่าสุด เขาไม่ได้ร่วมโหวตให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี เหมือนกับคราวที่แล้ว ที่ไม่ได้โหวตให้ นายเศรษฐา ทวีสิน อีกด้วย และที่ผ่านมาก็มีข่าวความเคลื่อนไหวชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี มาตลอด จนถึงขั้นที่นายทักษิณ เอ่ยปากว่า “คนบ้านป่าทำให้วุ่นวาย” มาแล้ว

ดังนั้นคราวนี้น่าจะถึงเวลาที่ต้อง “จัดการ” ให้พ้นทาง ประกอบกับได้จังหวะที่ พล.อ.ประวิตร ก้าวพลาดอย่างจังกับกรณี “หยุมหัว”นักข่าว จนทำให้เสียศูนย์ไปอีก ทุกอย่างจึงได้จังหวะเป๊ะ

อย่างไรก็ดี ภาพการเข้ามาในลักษณะ “นายกฯหลังม่าน” ของ นายทักษิณ ชินวัตร คราวนี้ อีกด้านหนึ่งเหมือนกับการ “เดิมพันครั้งสุดท้าย” แบบทุ่มหมดหน้าตัก เพราะต้องเดิมพันทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของลูกสาว และเครดิตของเขาตลอดชีวิตทางการเมืองที่เหลืออยู่ เพราะผลงานและสำเร็จ หรือล้มเหลวล้วนมาจากตัวเขาที่มีส่วนสำคัญ และเป้าหมายก็จะมีผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า ต้องการฟื้นกลับมาให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งเกิน 200 ที่นั่ง แม้จะรู้ว่าเป็นเรื่องยาก แต่งานนี้จำเป็นต้องเสี่ยง !!


กำลังโหลดความคิดเห็น