เมืองไทย 360 องศา
วันเกิดครบรอบ 75 ปี ของนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันศุกร์ที่ 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เหมือนกับการประกาศศักดาอย่างเป็นทางการว่าเขากลับมา และพร้อมพร้อมสำหรับการเมือง รวมถึงการเข้ามาควบคุมกลไกต่างๆด้วยตัวเองแล้ว เพราะการเปิดบ้านพัก “จันทร์ส่องหล้า” ของเขาในวันนั้น มันก็เหมือนกับการโชว์ศักยภาพให้ใครๆได้เห็น
ลักษณะไม่ต่างจากการประชุมคณะรัฐมนตรี เพราะตัวหลักๆล้วนไปรวมตัวกันที่นั่นกันหมด โดยพิจารณาจากรายชื่อแล้วก็ต้องบอกว่า ใช่เลย
เพราะนอกเหนือจากคนในครอบครัว อาทิ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แล้ว บรรดารัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ทยอยเดินทางเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า เช่น นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯและ รมว.คมนาคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ รมว.พาณิชย์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
รวมถึง แกนนำพรรคคนอื่นๆ ก็มาอย่างพร้อมเพรียง ประกอบด้วย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ พล.ต.อ.วิโรจน์ เปาอินทร์ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน นายสุชาติ ตันเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย รวมถึงแกนนำคนเสื้อแดง อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายวรชัย เหมะ เป็นต้น
ที่น่าจับตาก็คือในตอนค่ำวันเดียวกัน ได้มีการจัดงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดปีที่ 75 ล่วงหน้าให้ นายทักษิณ ที่โรงแรมยูสาทร โดยมีเฉพาะคนใกล้ชิดเข้าร่วมงานอย่างหนาแน่น อาทิ นายภูมิธรรม นายสุริยะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย นายประเสริฐ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานกรรมการบริหารของกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เป็นต้น
นายทักษิณ กล่าวกับผู้ร่วมงานว่า ดีใจที่ได้กลับมาฉลองวันเกิดในประเทศไทย ไม่รู้จะได้ฉลองอีกกี่ปี เพราะปีนี้ก็อายุ 75 ปีแล้ว พร้อมกล่าวติดตลกว่า “แต่หวังว่าจะมีเวลาอีก 40 ปีก็คงพอ ถือเป็นการอวยพรตัวเอง” พร้อมกล่าวอีกว่า ถือว่าปีนี้เป็นปีที่พิเศษจริงๆ เพราะได้กลับมาอยู่กับเพื่อนฝูงและพี่น้อง โดยเฉพาะเพื่อนทางการเมืองและธุรกิจที่คบค้ากันมาหลายปี วันนี้ได้เจอหน้ากันก็มีความสุข ขอขอบคุณทุกท่าน และหวังว่าทุกคนจะมีความสุขเหมือนตน ขอให้มีสุขภาพแข็งแรงและมีความมั่นคงที่จะร่วมเดินทางเพื่อให้บ้านเมืองเราดีขึ้นกว่าวันนี้
แต่ถึงอย่างไรที่น่าจับตาก็คือ งานนี้ไม่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเข้าไปในบ้านหลังดังกล่าวตลอดทั้งวัน โดยเขาได้อธิบายว่า ได้ยกหูโทรศัพท์ไปคุย และส่งดอกไม้ไปอวยพรแล้ว แต่น่าสังเกตก็คือนายทักษิณ ไม่ได้รับสาย เนื่องจากกำลังทำบุญอยู่
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงวันคล้ายวันเกิดครบ 75 ปี ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเปิดบ้านจันทร์ส่องหล้า ให้บุคคลใกล้ชิดเข้าอวยพร นายกฯจะเดินทางไปร่วมอวยพรด้วยหรือไม่ ว่า ไม่ได้ไป เพราะวันมีภารกิจเต็มวัน ช่วงบ่ายมีประชุม และช่วงเย็นก็มีภารกิจ แต่ตนได้ส่งดอกไม้ไปอวยพรเรียบร้อยแล้ว และเดี๋ยวจะโทร.ไปหาอีกครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้ ช่วงเช้าตนได้โทร.ไปแล้ว แต่ท่านไม่ได้รับสาย เนื่องจากท่านทำบุญอยู่
การประกาศตัวในช่วงวันเกิดปีนี้สำหรับ นายทักษิณ ชินวัตร ถือว่าไม่ธรรมดา เพราะเป็นปีแรกในประเทศไทย หลังจากต้องหลบหนีออกนอกประเทศไปเมื่อ 17 ปีก่อน และอีกไม่กี่วันเขาก็จะพ้นโทษโดยสมบูรณ์ แม้ว่ายังเหลือคดี มาตรา 112 แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่กว่าจะรู้ผล แต่หลังจากนี้เขาก็สามารถกลับเข้าสู่การเมืองได้แบบเต็มร้อยใน “แบบฉบับของเขา” นั่นคือ การ “บัญชากำกับ” ได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าด้วยสถานะ “อดีตนักโทษ” จะมีข้อจำกัดเป็นนักการเมืองโดยตรงไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้มีอุปสรรค เพราะขนาด “ไม่ติดคุกสักวันเดียว” ยังทำได้หน้าตาเฉย ดังนั้นเรื่องอื่นๆ ก็ไม่ใช่ปัญหา
แน่นอนว่าสัญญาณแบบนี้ก็ต้องบอกว่า นายทักษิณ ชินวัตร กำลัง “จัดเต็ม” เป้าหมายก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ต้องหวังทวงคืนให้พรรคเพื่อไทยกลับมายิ่งใหญ่ กลายเป็นพรรคการเมืองที่ครองใจคนไทยอันดับหนึ่งอีกครั้ง หลังจากต้องพ่ายแพ้หมดรูปให้กับพรรคก้าวไกล ที่ระดับเจ้าของพรรคล้วนเปรียบเหมือน “ลูกของคนในบ้าน” ด้วยซ้ำไป แต่กลายเป็นว่าเวลานี้ทุกอย่างกำลังตรงกันข้าม และทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ
ด้วยปัญหาที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทำให้ นายทักษิณ ต้องโดดลงมาเต็มตัว เพราะจะด้วยสถานการณ์และบรรยากาศที่ไม่เหมือนเดิม ทำให้เครดิตและความนิยมถดถอยลงเรื่อยๆ แม้แต่ “ทายาทสายตรง” อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ดันมานั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก่อนเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้วถือว่า “ยังห่างชั้น” เข็นไม่ขึ้น โชว์เดี่ยวยังไม่ได้ ทำให้เขาต้องออกโรงเองทุกอย่าง
ที่สำคัญทำให้ นายทักษิณ ชินวัตร ต้องเปลี่ยนเทกนิคใหม่ นั่นคือต้อง “ควบรวม” บรรดา “บ้านใหญ่” ทั่วประเทศในลักษณะรวมกันเราอยู่ แบบร่วมกันสู้พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะเท่าที่เห็นเวลานี้ได้ทาบทาม บ้านใหญ่โคราช ปทุมธานี และเชื่อว่าจะเห็นชัดอีกหลายจังหวัด ขณะเดียวกันเขายังผนึกกำลังกับบรรดา “ทุนใหญ่” อย่างแนบแน่น ทุกอย่างออกมาแบบ “วิน วิน”
นอกเหนือจากนี้ยังผนึกกำลังกับพรรคการเมืองอื่น โดยเฉพาะกับพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค เช่น พรรคภูมิใจไทย ที่ตามยุทธศาสตร์ใหม่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน ต้องจับมือกันให้แน่น หวังผลไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่คาดว่าพวกเขาจะต้องจับมือกันตั้งรัฐบาล เพื่อสกัดพรรคก้าวไกล ที่แม้คาดว่าจะชนะเลือกตั้งมากที่สุด แต่คงไม่ได้เสียงข้างมากเด็ดขาด
นี่คือยุทธศาสตร์ใหม่ของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่คาดว่าเขาจำเป็นต้องเดินในแนวทางนี้ แม้ว่าจะลดสถานะลงมาในแบบที่ไม่เบ็ดเสร็จเหมือนเก่า แต่ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยที่เขาจะกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ให้กับตัวเอง และพรรคเพื่อไทยให้กลับมาอีกครั้ง เพียงแต่ว่างานนี้มันเหนื่อยแบบสาหัส และมีโอกาสฝันค้างค่อนข้างสูงเช่นกัน เพราะอย่างที่รู้กันก็คือ มันไม่ใช่ยุคของเขาแล้ว มีแค่ “กินบุญเก่า เท่านั้น !!
