รองโฆษกรัฐบาล เผย ดีอี ตั้งทีมปราบ “เฟกนิวส์” เร่งรัดสกัดข่าวปลอม “ดิจิทัลวอลเล็ต” ตามข้อสั่งการนายกฯ ย้ำข่าวปลอมสร้างความเดือดร้อน ปชช.เป็นวงกว้าง
วันนี้ (18 ก.ค.) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ขับเคลื่อนตามข้อสั่งการของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ให้เร่งรัดการปราบปรามเฟคนิวส์ หรือ ข่าวปลอม ซึ่งปัจจุบันมีการเผยแพร่ข่าวปลอม บิดเบือน สร้างความเสียหายโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย นั้น
นายคารม กล่าวต่อว่า นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวง เป็นประธานการประชุมหารือมาตรการเร่งรัดปราบปรามข่าวปลอม (Fake News) ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้เร่งรัดปราบปรามข่าวสารและข้อมูลอันเป็นเท็จบนสื่อโซเซียลมีเดีย และแพลตฟอร์มต่างๆ ที่อาจทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อบุคคล และโครงการสำคัญของรัฐบาล โดยมีมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมฯ ได้กำหนดมาตรการเร่งรัดการปราบปรามข่าวปลอม ดังนี้
1. จัดตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาเนื้อหาข่าวสารและข้อมูลที่เข้าข่ายผิดกฎหมาย พร้อมดำเนินการโต้ตอบ / ชี้แจงข้อเท็จจริงในทันทีตามความเหมาะสม เมื่อได้มีการตรวจสอบพบว่าเป็นข่าวปลอม / ข้อมูลผิด /ข้อเท็จจริง โดยให้ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย (Anti Fake New Center หรือ AFNC) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามและประเมินสถานการณ์เป็นประจำทุกวัน เพื่อให้สามารถร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีได้
2. เพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์ข้อมูลข้อเท็จจริงให้มีความครอบคลุมกว้างขวางมากยิ่งขึ้น โดยให้ประสานขอความร่วมมือจากสื่อของหน่วยงานรัฐ และสื่อเอกชน เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะ
3. ประสานงานความร่วมมือกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่างๆ ที่พบว่ามีการเผยแพร่ข่าวปลอม เพื่อทำการตรวจสอบ และปิดกั้น
“ข่าวปลอม ถือเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่สร้างผลกระทบและความเดือดร้อนต่อประชาชนเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะข่าวปลอมที่เกี่ยวข้องกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งทำให้ประชาชนมีความเข้าใจผิด บิดเบือนจากข้อมูลจริง โดยเฉพาะในขณะนี้ที่รัฐบาลกำลังดำเนินโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งมิจฉาชีพได้อาศัยความสนใจของประชาชนต่อโครงการดังกล่าวเป็นช่องทางในการสร้างข่าวปลอม เพื่อก่ออาชญากรรมออนไลน์ ดังนั้น กระทรวง ดีอี จึงร่วมกับ ตร. ตรวจสอบข่าวปลอมที่เข้าข่ายการกระทำความผิดอย่างเคร่งครัด โดยจัดตั้งเป็นคณะทำงานตรวจสอบเป็นประจำทุกวัน เพื่อดำเนินการระงับยับยั้งข่าวปลอม และดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอย่างจริงจัง” นายคารม ย้ำ