xs
xsm
sm
md
lg

“ศิริกัญญา” ซัดของบเพิ่ม 1.22 แสนล้าน ทำดิจิทัลวอลเล็ต ต้องกู้เต็มเพดาน เสี่ยงผิดวินัยการเงิน วอนพรรคร่วมช่วยโหวตคว่ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ศิริกัญญา” ซัด ดิจิทัลวอลเล็ต ของบกลางเพิ่ม 1.22 แสนล้าน กู้เต็มเพดานพาประเทศเสี่ยง ผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง หลายมาตรา ชี้ อีก 15 วัน เปิดลงทะเบียน ยังทำระบบไม่แล้วเสร็จ ขอพรรคร่วมฯ ช่วยโหวตคว่ำ


วันนี้ (17 ก.ค.) ที่อาคารรัฐสภา การประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณร่ายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท โดยมี นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่สอง เป็นประธานการประชุม

นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ตอนนี้เราพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับที่ 3 แล้วของปีนี้ ซึ่งมาจากที่มาจากนโยบายเรือธงของรัฐบาลในการทำโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ตอนนี้นอกจากกู้เพิ่มงบ 68 กว่า 1.522 แสนล้านบาท เรายังต้องบริหารจัดการงบประมาณ ปี 68 อีก 1.32 แสนล้านบาท ตอนนี้รัฐบาลก็มาขอกู้เพิ่มของงบ ปี 67 อีก

เมื่อไม่มีแหล่งเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์แล้ว ตนเองมองว่า ก็ดีแล้ว เพราะผิดวัตถุประสงค์ และอาจทำให้เกิดการขาดสมดุลของงบประมาณได้ แต่จะเห็นว่าวงเงินงบประมาณสุดท้ายลดลงมาเหลือเพียง 450,000 ล้านบาท

ประเด็นสำคัญที่การกู้เพิ่มในปีนี้จะเท่ากับว่า จะมีการกู้ชดเชยขาดดุล 805,000 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขก็ยังสูงถึง 4.3% โดยเราไม่เคยตั้งงบประมาณที่ขาดดุลสูงขนาดนี้ จะเกิดปัญหาหนี้สาธารณะ และดอกเบี้ยที่ต้องชำระตามมา และมีปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นคือการกู้จนเต็มเพดาน เพราะขาดเพียง 10,056 ล้านบาท เหมือนรัฐบาลนึกอะไรไม่ออกก็แบ่งงบให้กู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเมื่อเราหาเงินไม่ทันแบบนี้ต้องดูว่ารัฐบาลมีแผนการหารายได้เท่าทันหรือไม่ หากเก็บรายได้ไม่ได้เท่าที่คาดไว้ อาจจะต้องกู้มาเพื่อจ่ายหนี้ ดังนั้น กระทรวงไหนที่เบิกจ่ายงบประมาณในตอนท้ายอาจมีงบไม่เพียงพอ

“ที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ คือ ไม่ได้สนใจ หรือแคร์อะไรที่ประเทศต้องมาอยู่ในสภาวะที่มีความเสี่ยงแบบนี้ เพียงเพื่อที่จะให้ได้ทำโครงการดิจิทัล วอลเล็ต และทำให้ต้องกู้จนสุดเพดานขนาดนี้” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

จากเอกสารที่รัฐสภาได้มา มีการประมาณค่าจีดีพีใหม่ แต่รายได้ไม่ได้ทำใหม่ ซึ่งเป็นไปได้อย่างไรที่ไม่มีการประเมินรายได้ใหม่ โดยผลการจัดเก็บล่าสุดก็สะท้อนให้เห็นว่าไม่มีทางที่เราจะเก็บได้เท่าเดิม เนื่องจากที่ผ่านมาเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า เพราะมีภาษีหลายตัวที่ไม่สามารถเก็บได้แล้ว ดูท่าทีแล้วไม่มีทางเลยที่รัฐบาลจะเก็บภาษีได้ตามเป้า โดยเฉพาะกรมสรรพสามิตที่เก็บได้ต่ำกว่าเป้า 58,000 ล้านบาท ด้วยสถานการณ์แบบนี้ว่าเราไม่รู้ว่าจะมีรายได้เพียงพอ สำหรับงบ 67 ที่ยังมีรายได้ไม่เพียงพอ ยังมาขอกู้เต็มเพดานอีก จะไม่เหลือพื้นที่ไว้บริหารความเสี่ยงอะไรเลยใช่หรือไม่

ที่ผ่านมา มีการอนุมัติงบประมาณกะปริบกะปรอยเพื่อนำเงินมาทำดิจิทัลวอลเล็ต รัฐบาลถึงได้พูดว่าเศรษฐกิจแย่ และไม่มีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจแต่อย่างใด ดังนั้น การไม่อนุมัติงบกลางมาช่วยเหลือประชาชน จึงสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่รู้ว่าจะนำส่วนไหนมาทำดิจิทัลวอลเล็ต

การกั๊กงบกลาง ปี 67 ไปใช้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในช่วงปลายปีเพื่อรวมกับงบของ ปี 68 นั้น ไม่น่าจะทำได้เพราะตาม พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังหกหนึ่ง ตามมาตรา 21 ระบุไว้ชัดเจนว่า การจัดทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ให้กระทำได้เมื่อมีเหตุและความจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายเงินระหว่างปีงบประมาณ โดยการ ก่อหนี้ผูกพันไว้ก่อนสิ้นปีงบประมาณตามมาตรา 43 นั้น ตนเองมองว่าแค่การลงทะเบียนไม่เพียงพอเพราะเป็นเพียงแค่การให้ประชาชนมาลงทะเบียน

ทำไมถึงไม่แก้ไขกฎหมายให้เรียบร้อยก่อน เพราะรัฐบาลที่มีเสียงในสภามากกว่า คงไม่ขัดข้องที่จะแก้ พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง จึงเสนอให้ห้อยท้ายของมาตรา 21 ให้ได้รับความเห็นชอบจาก คณะรัฐมนตรี หรือนายกรัฐมนตรี พร้อมยืนยันว่าข้าราชการที่ทำหน้าที่เสี่ยงผิดกฎหมายโดยที่นักการเมืองไม่ผิด

งบประมาณเงินสำรองจ่ายไม่เพียงพอเบิกเงินลงทุนสำรองจ่ายได้อีก 50,000 ล้านบาท ตอนนี้เห็นเพียงแค่ความจำเป็นที่ต้องรักษาหน้าของรัฐบาล พร้อมย้ำว่า สุดท้ายต้องตั้งเงินลงทุนสำรองจ่ายของปี 69 มาใช้คืนอยู่ดี เมื่อมีคนมาลงทะเบียนเกินกว่างบประมาณที่ตั้งไว้ จะความเสี่ยงผิด พ.ร.บ.เงินตรา หรือจะยิ่งทำให้ร้านค้าที่ต้องคืนเงินสดขาดความเชื่อมั่น ว่าถ้าเป็นเลขช้าจะได้เงินคืนหรือไม่

ดิจิทัล วอลเล็ต นับเป็นรายจ่ายลงทุน 80% จริงหรือไม่ ซึ่งประชาชนที่ใช้ ก็ใช้เพื่ออุปโภค บริโภค เป็นหลัก ดังนั้น จะตีความเป็นรายจ่ายลงทุนได้อย่างไร โดยหากไม่นับเป็นรายจ่ายลงทุนนั้น จะผิด พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลัง 2561 มาตรา 20 ตามหลักกฎเกณฑ์ว่างบประมาณรายจ่ายลงทุน ต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี และต้องไม่น้อยกว่าวงเงินส่วนขัดดุลของงบประมาณประจำปีนั้น

โครงการนี้จะลงทะเบียนอีก 15 วัน แต่ยังหาเจ้าภาพไม่ได้ และยังคงใช้ไว้ในงบกลางและระบบลงทะเบียนเพิ่งได้ผู้ชนะการประมูล 2 เจ้า ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีระบบการชำระเงินที่ชัดเจน ดังนั้นจะทันหรือไม่ และยังมีเงื่อนไขที่เปลี่ยนไปมา ขณะนี้ยังไม่มีมีการสร้างแรงจูงใจให้ร้านค้าเข้ามาลงทะเบียนได้ ดังนั้นระบบที่ถูกออกแบบมาแบบนี้เอื้อกับร้านค้าที่มีสายป่านยาว แต่ร้านค้ารายเล็กอาจไม่เข้าร่วมโครงการ เพราะต้องต้องใช้เงินสดในการใช้ ซึ่งรัฐบาลก็ยังไม่บอกว่าจะต้องมีระบบการจ่ายภาษีอย่างไร ไม่มีความชัดเจนเลย ถ้าเขามีเงินสดไม่พอ จะมีสินเชื่อให้เพื่อจูงใจให้เข้าร่วมโครงการหรือไม่

การลงทุน 500,000 ล้านบาท ได้การรักษาหน้า ได้เพิ่มจีดีพีเต็มที่ 1.8% ก็ได้แค่ 350,000 ล้านบาท แบบนี้คุ้มทุนหรือไม่ โดยสิ่งที่จะเสียคือเพิ่มความเสี่ยงทางการคลัง ทำผิดกฏหมาย เอื้อค้าปลีกรายใหญ่ กีดกันรายย่อย เสียโอกาสที่จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจเฉพาะหน้า และเสียโอกาสที่จะทำนโยบายอื่น

นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดมหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วง ถึงการอภิปรายของนางสาวศิริกัญญา ว่า การเสนอร่าง พ.ร.บ.นี้ผิดกฎหมาย จะทำให้ประชาชนเข้าใจผิด โดยประธานในที่ประชุม แต่วินิจฉัยว่าเป็น ข้อเตือนข้อกล่าวหาซึ่งรัฐบาลจะได้มาตอบว่าผิดกฎหมายหรือไม่อย่างไร

ด้าน นางสาวศิริกัญญา อภิปรายต่อว่า เรื่องนี้สุ่มเสี่ยงที่จะทำผิดกฏหมาย ซึ่งหากสามารถทำต่อไปได้จะสร้างบรรทัดฐานที่ผิดในการบริหารจัดการงบประมาณในอนาคต และสร้างความเสียหายที่ประเมินไม่ได้ รวมถึงการของบประมาณแบบนี้ จะเพิ่มภาระผูกพันไปถึงงบประมาณในอนาคต

“นี่เป็นกระสุนนัดใหญ่ นัดแรก นัดเดียว และนัดสุดท้ายของทางรัฐบาล ที่จะได้มีโครงการขนาดใหญ่ขนาดนี้ ด้วยข้อจำกัดทางงบประมาณที่จะเกิดขึ้นตามมา” นางสาวศิริกัญญา กล่าว

นางสาวศิริกัญญา ขอส่งความห่วงใยไปยังพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ท่านจะกลายมาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการทำผิดกฎหมายครั้งนี้ ในการกระทำที่เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมายครั้งนี้หรือไม่ ถ้ายังยึดถือหลักการ หรือหลักวิชาการอะไรอยู่ในหัวใจ คงรู้ได้โดยไม่ต้องสงสัย ว่าทำแบบนี้จะทำให้ประเทศเราสุ่มเสี่ยงต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในอนาคต จึงขอให้ช่วยกันคว่ำร่างฉบับนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น