xs
xsm
sm
md
lg

ดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ตรงปก เสี่ยงลุยถั่ว !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เศรษฐา ทวีสิน - จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์
เมืองไทย 360 องศา

ตามรูปการณ์แล้ว มั่นใจว่า นโยบายเติมเงิน ดิจิทัลวอลเล็ต คนละหมื่น ของพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล คงต้องเดินหน้าและต้องแจกให้ได้ โดยมีการยืนยันจากปากของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี หลังการประชุมคณะกรรมการเติมเงินหนึ่งหมื่นบาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต หรือ บอร์ดดิจิทัล ที่เขาเป็นประธาน ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 15 กรกกฎาคม ว่า จะเริ่มเปิดลงทะเบียนในวันที่ 1 สิงหาคมนี้ ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากแหล่งเงินที่มีการระบุว่า มาจากหลายแหล่ง ดังนี้

1.มาจากการบริหารการคลังและการบริหารจัดการเงินงบประมาณร่ายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 165,000 ล้านบาท ประกอบด้วย แหล่งเงินจากงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม ปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 122,000 ล้านบาท และที่เหลืออีก 43,000 ล้านบาท เป็นการบริหารการคลังและบริหารจัดการเงินงบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ

2. การบริหารการคลังและการบริหารจัดการเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 285,000 ล้านบาท ประกอบด้วย งบประมาณรายจ่ายปีงบประมาณ 2568 ที่ตั้งไว้แล้ว 152,700 ล้านบาท และการบริหารการคลังและบริหารจัดการเงินงบประมาณตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ วงเงิน 132,300 ล้านบาท

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบแหล่งที่มาของเงินที่ใช้ในโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ครั้งใหม่ โดยจะตัดแหล่งเงินจาก มาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินและการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และใช้เงินจากงบประมาณปี 2567 และงบประมาณปี 2568 รวม 4.5 แสนล้านบาท เพื่อแจกให้กับ 45 ล้านคน

สำหรับสาเหตุของการปรับที่มาของแหล่งวงเงินโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ครั้งนี้ นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า รัฐบาลได้ดำเนินการตามข้อห่วงใยของหน่วยงานต่างๆ ที่ตรวจสอบแหล่งที่มาของเงิน ซึ่งในอดีต การดำเนินโครงการของรัฐไม่มีโครงการใดที่มีคนลงทะเบียนร่วมโครงการเกิน 90% กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ จึงได้หารือร่วมกัน และเห็นชอบกับการตั้งงบประมาณให้สอดคล้องกัน โดยปรับลดลงมาจากเดิม 5 แสนล้าน เหลือ 4.5 แสนล้าน

“โครงสร้างกรอบแหล่งเงินโครงการครั้งใหม่ จะไม่มีเงินจากมาตรา 28 แต่จะใช้งบประมาณปี 2567 และงบประมาณปี 2568 ซึ่งเพียงพอและสามารถดำเนินการได้ภายในกรอบของงบประมาณ และถ้าคนลงทะเบียนน้อยกว่าหรือมากกว่า รัฐบาลจะใช้กลไกในการบริหารงบประมาณ เพื่อให้มีเงินทุกบาททุกสตางค์เพียงพอกับการใช้ในโครงการนี้ และรายละเอียดทั้งหมดจะเสนอที่ประชุม ครม. เห็นชอบในสัปดาห์หน้า” นายจุลพันธ์ ยืนยัน

ส่วนไทม์ไลน์โครงการนั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการกำกับโครงการฯ ไปพิจารณากรอบรายละเอียดวัน เวลา ของการเริ่มต้นโครงการ และวันเปิดลงทะเบียน ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้แถลงใน วันที่ 24 กรกฎาคม 2567 นี้ อีกครั้ง เบื้องต้นกรอบของโครงการยังไม่เปลี่ยน คือลงทะเบียนในไตรมาสที่ 3 และโอนเงินให้ประชาชนในไตรมาสที่ 4 ปี 2567

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าในวันที่ 17 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. จะเดินทางเข้าร่วมประชุมสภาในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอวงเงินจำนวนไม่เกิน 122,000 ล้านบาท ด้วยตัวเอง จะมีการแถลง และเข้าใจว่าจะต้องมีการอ่านนิดหน่อย

เมื่อพิจารณาจากคำพูดของทั้งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับโครงการดังกล่าว ทำให้เข้าใจได้ว่า “เป็นการใช้เงินจากงบประมาณทั้งหมด” โดยเลี่ยงการใช้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) จำนวน 172,300 ล้านบาท เนื่องจากเกรงว่ามีความเสี่ยงผิดกฎหมาย หลังจากมีเสียงท้วงติงจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่ย้ำว่ามีความเสี่ยงดังกล่าว

อย่างไรก็ดี การที่เปลี่ยนแนวทางหันมาใช้เงินจากงบประมาณทั้งหมด ซึ่งกว่าจะมาถึงวันนี้ถือว่ารัฐบาลมีการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว เท่าที่จำได้ไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้งแล้ว

เมื่อพิจารณาเกี่ยวกับการหันมาใช้เงินงบประมาณดังกล่าวสำหรับนโยบาย “ดิจิทัล วอลเล็ต” ถือว่า ผิดไปจากที่พรรคเพื่อไทยเคยหาเสียงเอาไว้ว่า “ไม่ใช้เงินงบประมาณ” แม้แต่บาทเดียว ไม่กู้ จะใช้วิธีการบริหารด้านภาษี แต่มาวันนี้ ทุกอย่างเป็นตรงกันข้าม

ขณะเดียวกัน ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับการดึง “งบกลาง” มาใช้ สำหรับโครงการนี้ ยิ่งกลายเป็นการเพิ่มความเสี่ยงหากประเทศเกิดเหตุการณ์ไม่คาดหมาย หรือเกิดวิกฤตขึ้นมา ก็จะไม่มีเหลือสำหรับใช้จ่าย อีกทั้งยังเป็นการเสียโอกาสในโครงการอื่นๆ ที่ต้องกันงบมาใช้กับโครงการดิจิทัลฯ อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจที่บรรดากูรูทั้งหลายฟันธงว่าไม่ได้ส่งผลมากนัก นั่นสร้างแรงกระตุ้นได้แค่ราว 0.5 เท่านั้น นั่นคือได้ไม่คุ้มเสีย

อย่างไรก็ดี มาถึงนาทีนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น รัฐบาลพรรคเพื่อไทยต้องเดินหน้าเต็มตัว จะถอยไม่ได้แล้ว เพราะได้รับปากยืนยันแล้วว่า “ต้องแจก” ซึ่งเวลาอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้าง ยังต้องลุ้นว่าอาจจะเป็นไตรมาส 4 หรือปลายปีนี้ ส่วนจะเป็นเดือนไหน ค่อยมาว่ากัน แต่เชื่อว่าต้องแจกแน่นอน

ดังนั้น แม้ว่าหนทางข้างหน้าจะมีความเสี่ยงแค่ไหน หรือได้ไม่คุ้มเสีย แต่เมื่อยืนยันรับปากกับชาวบ้านไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว หากยังไม่ทำตามคำพูด ก็ลองหลับตานึกภาพเอาก็แล้วกันว่าจะเกิดหายนะแค่ไหน แม้ว่าจะ “ไม่ตรงปก” ผิดไปจากที่เคยโม้เอาไว้ก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะหาก “แจกไม่ได้” นี่สิเรื่องใหญ่กว่า เพราะนั่นเท่ากับว่าต้องตายติดดินแน่นอน จำเป็นก็ต้องลุยถั่ว ส่วนจะเกิดความเสียหายตามมาแค่ไหนค่อยมาว่ากัน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น