เมืองไทย 360 องศา
ก่อนการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เคยเร่งเร้าทวงถาม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่จะต้องเป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงรับประทานอาหารระหว่างหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล หลังจากก่อนหน้านั้น พรรคเพื่อไทย ได้เป็นเจ้าภาพไปแล้ว
ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการนัดรับประทานอาหารร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาล หลังจากที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ฝากสื่อมวลชนให้มาสอบถาม เนื่องจากในครั้งนี้ นายอนุทิน เป็นเจ้าภาพ ว่า มีการเปรยๆ เรื่องนี้กับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไว้แล้ว ช่วงก่อนหน้านี้ เป็นช่วงใกล้วันสิ้นปี จึงอยากให้พ้นช่วงปีใหม่ไปก่อน ขอให้รอหลังพ้นช่วงการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่มีขึ้นในวันที่ 3-5 มกราคมนี้ ไปก่อน จะรีบเชิญทันที พร้อมย้ำว่า ไม่ลืมแน่นอน
ส่วนจะพาไปรับประทานอาหารที่ร้านไหนนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า "คุยเล่นๆ กับท่านนายกฯ ว่าจะชวนไปทานร้านบ้านตานิด จ.ปทุมธานี ร้านนี้อร่อย แต่ไม่รู้ท่านจะสะดวกหรือไม่ เพราะไกล คราวที่แล้วทานในเมือง คราวนี้อยากให้บรรยากาศสบายๆ ในช่วงปีใหม่ อันนี้คือสิ่งที่คิดไว้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับนายกฯ จะกำหนดวันเวลา ว่าจะสะดวกเมื่อไร"
ดังนั้น เชื่อว่าหลังจาก ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ผ่านสภาผู้แทนราษฎร วาระแรก หลังวันที่ 5 มกราคม ไปแล้ว ก็คงได้เห็นวงถกของพรรคร่วมรัฐบาลที่เป็นระดับหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งเชื่อว่าทั้งหัวข้อสนทนา และตัวบุคคลที่เข้าร่วมในครั้งนี้ ต้องน่าสนใจไม่แพ้คราวที่แล้ว หรือน่าจะมากกว่า โดยเฉพาะให้จับตาการเคลื่อนไหวของพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค เช่น พลังประชารัฐ ที่น่าจับตาก็คือการเคลื่อนไหวและการปรากฏตัวของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคแบบถี่ขึ้นกว่าเดิม มีการเข้าร่วมเร่งเร้าสมาชิกพรรคให้ทำงานช่วยเหลือชาวบ้าน พร้อมกับประกาศผลงานของพรรคในการร่วมรัฐบาลที่ดำเนินการไปแล้วหลายโครงการ
ถือว่าน่าจับตาไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้แทบจะไม่เห็นบทบาทของ พล.อ.ประวิตร หลังจากผ่านการเลือกตั้ง และถูกมองว่าผิดหวังทั้งจำนวนส.ส.และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ทำให้ห่างหายไปจากแวดวงการเมืองไปพักใหญ่ และเพิ่งจะโผล่มาประชุมพรรคในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี่เอง อีกทั้งระหว่างงานเลี้ยงหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลคราวก่อน พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ได้ปรากฏตัว แต่อย่างใด เพียงส่งตัวแทนเข้าร่วมประชุมแทนเท่านั้น
ที่ต้องจับตากันนอกเหนือจากตัวบุคคลระดับหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลแล้ว ก็คือ จะมีการพูดถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี โดยเฉพาะโควตาของแต่ละพรรคจะมีการ “เกลี่ย” กันใหม่ หรือไม่ หากมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งเริ่มมีการพูดถึงมากขึ้นแบบหนาหูเรื่อยๆ โดยเฉพาะการปรับคณะรัฐมนตรี ในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคแกนนำรัฐบาลเอง แม้ว่าที่ผ่านมา นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ถือว่า “สายตรง” ของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่เข้าใจกันว่าเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย จะออกมาย้ำว่า “ยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรี”ในช่วงนี้ก็ตาม
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ว่า ตนได้ยินเรื่องนี้มาตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ได้ยินมาตลอดแต่ยังไม่เคยเป็นจริง เป็นเรื่องที่มีทัศนะกันไปไม่ได้มีปัญหาอะไร ตอนนี้คณะรัฐมนตรี ไม่ได้คิดเรื่องปรับอะไร เราทำงานกันอย่างเต็มที่ทุกพรรคไม่มีปัญหานี้ ในคณะรัฐมนตรีไม่เคยได้ยินมีแต่สื่อถามยืนยันไม่มีอะไรเป็นปัญญาณเช่นนั้น และยืนยันไม่ทำให้การทำงานวอกแวกเพราะเราอยู่กับความเป็นจริง ความเป็นจริงตอนนี้เราร่วมมือกันดีประสานงานกันดี และเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงจากภายนอกที่อาจไม่เข้าใจสิ่งที่เป็นอยู่ไม่มีปัญหาเราพร้อมชี้แจง
เมื่อถามว่าทำไมกระแสข่าวนี้ถึงมีมาตลอด นายภูมิธรรม กล่าวว่า คนที่รู้ดีที่สุดน่าจะเป็นสื่อ ถามย้ำว่าคิดว่า น.ส.แพทองธาร เหมาะเข้ามาในสถานการณ์ตอนนี้หรือไม่ นายภูมิธรรม ตอบว่า น.ส.แพทองธาร กำลังทำหน้าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเรามียุทธศาสตร์การเดิน 3 ขา คือพรรค สภาฯ รัฐบาล ทั้งสามส่วนทำงานเพื่อประชาชน ทุกฝ่ายมีบทบาทหน้าที่ของตัวเอง คิดว่าถ้าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง คือให้มันจบกระบวนการที่ทำงานนี้อยู่ ถ้าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปถึงจุดนั้นค่อยว่ากันตอนนี้ยังไกลเหมือนกันที่จะไปถึงจุดที่มีการสอบถาม
สำหรับข่าว “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวของนายทักษิณ ชินวัตร จะเข้ามาร่วมรัฐบาล โดยเริ่มแรกมีรายงานว่าอาจจะเข้ามาในตำแหน่งรัฐมนตรีก่อน เป็นสเตปแรก ก่อนที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีในลำดับถัดไป ซึ่งคาดว่าน่าจะเกิดขึ้นหลังจากเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป หลังจากที่ ส.ว.หมดวาระไปแล้ว ซึ่งตามไทม์ไลน์ที่หลายคนคาดกันก็คือน่าจะผ่านเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายเศรษฐา ทวีสิน ผ่านไปสักหนึ่งถึงสองปีไปแล้ว เพื่อที่จะรองรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป ที่จะต้องแข่งขันกับพรรคก้าวไกล
ส่วนความเป็นไปได้ ในการเข้ามาเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นั้นเชื่อว่าต้องเข้ามาผลักดันนโยบายสำคัญของพรรคเพื่อไทย ที่สามารถสร้างคะแนนนิยมให้กับตัวเธอและพรรคได้ก็น่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ “ซอฟต์เพาเวอร์” และ นโยบาย 30 บาท ที่เธอเป็นประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนอยู่ในตอนนี้ แต่คงไม่เข้ามามีบทบาทสำคัญในด้านนโยบายเศรษฐกิจ เช่นที่เกี่ยวกับเรื่อง “ดิจิทัล วอลเล็ต” เพราะเสี่ยงเกินไป อะไรประมาณนั้น
ดังนั้น หลังการผ่านร่างงบประมาณวาระแรกไปแล้ว เชื่อว่าการเมืองในช่วงต้นปีใหม่น่าจะมีความเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะให้จับตาการปรับคณะรัฐมนตรี ที่ “หนาหู” มาก กับการที่ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จะเข้ามาฝึกงานรัฐมนตรี ก่อนนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ต่อไปในอีกราว 1-2 ปี หรืออาจเร็วกว่านั้น
ขณะเดียวกันก็ต้องจับตาบทบาทของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่จู่ๆก็เกิดฟิตขึ้นมาผิดสังเกต เหมือนกับว่ามีสัญญาณอะไรบางอย่างออกมาเหมือนกัน และหากในวงแกนนำพรรคร่วมคราวนี้มีพรรคภูมิใจไทยของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นเจ้าภาพละก็ บรรยากาศเข้มข้นแน่นอน !!