“ส.ว.สมชาย” แจง 3 ปมชงตั้ง กมธ.วิฯ สอบเลือก ส.ว.ใหม่ ดึง “สมคิด-เจษฎ์-คมสัน” ร่วม หวังได้เวลาถอดบทเรียน ก่อนชงเป็นการบ้าน คณะร่าง รธน.-กกต.-วุฒิฯ ชุดใหม่ ย้ำ พิรุธเพียบ ติงรับไปก่อนสอยทีหลังไม่ได้ ไม่ระบุใน กม.ลูก ทำบัญชีสำรองรอเลื่อนลำดับไม่ได้ เป็นอำนาจ ปธ.วุฒิฯ ยันไร้เจตนาแฝง
วันนี้ (8 ก.ค.) ที่ประชุมวุฒิสภา ได้พิจารณาญัตติเรื่องขอเสนอตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือกสมาชิกสมาชิกวุฒิสภา ตามที่ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เป็นผู้เสนอ พร้อมชี้แจงเหตุผลในการเสนอญัตติ โดยยืนยันว่า ส.ว.ชุดนี้ จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมี ส.ว.ชุดใหม่ เรากำลังรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบอย่างถูกต้อง สุจริต เที่ยงธรรม ก่อนประกาศรับรอง ตนยืนยันว่า ไม่มีเจตนายื้อเวลา อยากอยู่ต่อเหมือนที่มีการกล่าวหาให้ร้ายกันในสังคม เราเพียงทำตามหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญให้สมศักด์ศรีก่อนส่งต่อให้ ส.ว.ชุดใหม่
“ยืนยันด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี ว่าไม่มีเจตนาหรือประสงค์ที่จะยื้อหรืออยู่ต่อ เหมือนที่กล่าวหาให้ร้ายในสังคม เพียงแต่ต้องทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญทุกมาตรา ยกเว้นมาตรา 272 เลือกนายกฯ ทำหน้าที่สมศักดิ์ศรีเพื่อส่งต่อให้วุฒิสภาชุดใหม่ พวกเราทุกคนเก็บของนานแล้ว คืนพัสดุ คืนกุญแจเรียบร้อย แต่ยังคงต้องทำหน้าที่ต่อไป”
ทั้งนี้ เหตุผลที่ตนเสนอญัตติขอให้ตั้ง กมธ.วิสามัญฯดังกล่าว เพื่อให้มีการถอดบทเรียนใน 3 ประเด็น คือ 1. วัตถุประสงค์ของการเสนอญัตติ เนื่องจากพบปัญหาความไม่ชอบมาพากล ที่ตนเคยนำเสนอไปแล้ว อาทิ ผู้สมัคร ส.ว.ตาม 20 กลุ่มอาชีพที่กำหนดในรัฐธรรมนูญ สมัครไม่ตรงกับกลุ่มอาชีพที่กำหนด เนื่องจาก กกต.ไปออกประกาศขยายความต่อจากตำแหน่งที่ระบุตามกลุ่มอาชีพ ว่า ตำแหน่งหรืออาชีพอื่นที่ผู้สมัครยืนยันและมีผู้รับรอง จึงเป็นต้นเหตุของปัญหา ส่งผลให้ผู้สมัครที่มีอาชีพตรงกับกลุ่มอาชีพทั้ง 20 อาชีพจริงๆ นั้น ตกรอบ ถือเป็นสิ่งที่บิดเบี้ยว นอกจากนี้ ยังมีการจัดเลี้ยงของ ส.ส. 2 ราย จากพรรคการเมืองหนึ่ง ในช่วงการประกาศพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือก ส.ว. พบว่า มีผู้สมัคร ส.ว.ที่เป็นน้องสะใภ้ กับผู้สมัคร ส.ว.อื่นคนไปร่วมงานจัดเลี้ยง รวมถึงโพยก๊วนฮั้วเลือก ส.ว. และยังมีอีกหลายกรณีที่เกิดขึ้นหลายพื้นที่ด้วย เป็นอำนาจหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องตรวจสอบ
2. ในประเด็นข้อกฎหมายต่างๆ ที่มีการร้องเรียน เช่น มีการลงคะแนนลับจริงหรือไม่ มีการบล็อกโหวตจริงหรือไม่ การออกระเบียบดังกล่าวมีผู้กระทำผิดบางประการที่อาจยังไม่ได้ตรวจสอบหรือไม่ โดยจะศึกษา และเป็นข้อเสนอในเชิงวิชาการเท่านั้น ไม่ไปก้าวล่วงการทำงานของ กกต. เราทุกคนเก็บของนานแล้ว คืนกุญแจคืนวัสดุหมดแล้ว แต่ต้องทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมี ส.ว.ชุดใหม่ ทั้งนี้ ตนในฐานะที่เคยเป็นเลขานุการติดตามรัฐธรรมนูญปี 60 ตลอดระยะเวลา 5 ปี และมีส่วนร่วมในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก ส.ว. ตนมีความเห็นในเชิงกฎหมาย ว่า การรับรองไปก่อนแล้วสอยทีหลัง ทำไม่ได้ เนื่องจากมาตรา 107 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือก ส.ว. ไม่ได้ระบุไว้ ไม่เหมือนกับกฎหมายลูกของ ส.ส. ที่เปิดช่องให้รับรองไปก่อนแล้วสอยทีหลังได้ ขณะเดียวกัน การเตรียมสำรองรายชื่อ ส.ว.ไว้เพื่อเลื่อนลำดับ ในกรณีที่มีการสอยทีหลัง เป็นอำนาจของประธานวุฒิสภา ไม่ใช่อำนาจของ กกต. หาก กกต.ตรวจสอบแล้วเห็นว่าการเลือก ส.ว. ถูกต้องสุจริต เที่ยงธรรมแล้ว สามารถประกาศรับรองได้เลย เราก็ทำหน้าที่จนถึงวันนั้น วันรุ่งขึ้นก็พ้นไป
และ 3. กมธ.วิสามัญฯ ประกอบด้วย ผู้เชี่ยวชาญที่จะเชิญมาร่วมจาก 4 คณะ กมธ. ได้แก่ 1. กมธ.องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 2. กมธ.กฎหมาย การยุติธรรม และตำรวจ 3. กมธ.บริหาราชการแผ่นดิน 4. กมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค นอกจากนี้ จะเชิญบุคคลสำคัญภายนอกที่เคยเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญตั้งแต่ปี 2540 2550 2560 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือก ส.ว. อาทิ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีต กรธ. นายคมสัน โพธิ์คง นักกฎหมาย เป็นต้น จะมาร่วมเป็น กมธ. ทั้งนี้ หากเรามีโอกาสดำเนินการศึกษาได้ตามระยะเวลา 30 วัน เราจะมีข้อเสนอถอดบทเรียนไปยังคณะที่จะมีการแก้ไขหรือร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่ รวมถึงคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) และ ส.ว.ชุดใหม่ที่จะมารับหน้าที่ต่อเพื่อที่ได้ไปศึกษาว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างการเลือก ส.ว.ปี 62 และ ปี 67 ที่มีความแตกต่างกัน ก็จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
“คณะกรรมาการวิสามัญฯ ถ้าเราได้รับความเห็นชอบในการตั้งขึ้น เราจะทำหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง ตรงไปตรงมา ผู้ร้อง หรือผู้สมัครที่มีปัญหา สามารถส่งเรื่องมายัง กมธ.วิสามัญฯ ได้ ผมยืนยันอีกครั้งว่าเป็นการทำหน้าที่ครบตามรัฐธรรมนูญ อย่างไม่มีเหตุจูงใจแอบแฝงแต่ประการใด” นายสมชาย ระบุ