xs
xsm
sm
md
lg

“เศรษฐา” ไม่กังวล “โจ๊ก ฟ้องดะ” ตั้ง “บิ๊กต่อ” ทำตาม พ.ร.บ.ตำรวจทุกประการ ** “พิธา”ทวงสัญญา “นายกฯ-ครม.-สส.” ร่วมผลักดัน MOU ที่ทำกันไว้ แต่เพื่อไทยบอก อย่ามัวจมอยู่กับอดีต

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เศรษฐา ทวีสิน -พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล - พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล -พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
ข่าวปนคน คนปนข่าว



** “เศรษฐา”ไม่กังวล “โจ๊ก ฟ้องดะ” ตั้ง “บิ๊กต่อ” ทำตามพ.ร.บ.ตำรวจทุกประการ

หลัง “โจ๊ก ฟ้องดะ” ฉายาที่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เป็นความหน้ามืด เพลิงแค้นแน่นอกของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ไล่ฟ้องทุกคนที่เป็นคู่กรณี

ไม่เว้น “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี ที่ “โจ๊ก ฟ้องดะ” ยื่นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฟ้องกล่าวหาละเว้น หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา157 ในการแต่งตั้ง “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. โดยมิชอบ

ฟังว่า “นายกฯเศรษฐา” รับทราบเรื่องก็ไม่ได้กังวลอะไร โดยบอกว่าหากจะให้ย้อนเวลาไปในช่วงแต่งตั้ง “บิ๊กต่อ” ก็รับฟังความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง และ อดีต ผบ.ตร. ช่วยอธิบายให้ฟังในเรื่องของคุณสมบัติต้องเป็นอย่างไร

ยืนยันทำตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ทุกประการ มีทั้งเรื่องของอาวุโส และความรู้ความสามารถเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย กรณีของพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ เป็นเรื่องของผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการสอบสวน ซึ่งได้ดูจากชีวิตการทำงานมา การได้รับการเลื่อนตำแหน่งต่างๆ นานา เป็นที่ประจักษ์ว่า เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ

สำหรับหน้าที่นายกัฐมนตรี คือ การเสนอ และในวันนั้นมติก็เป็นเอกฉันท์ แต่เมื่อ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ยื่นป.ป.ช.ไปแล้ว ก็จะไปชี้แจง โดยยังไม่ได้มอบหมายให้ใครดูแลเป็นพิเศษ หรือมอบหมาย “วิษณุ เครืองาม” ที่ปรึกษาของนายกฯ เป็นคนดูหรือไม่ ตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องการบริหารจัดการประเทศ ปัญหาของพี่น้องประชาชนก่อน

ส่วนคนที่ “โจ๊กและเครือข่าย” ไม่อยากให้อยู่ในตำแหน่ง “บิ๊กต่อ” หรือ “พี่ต่อเฟรนด์ลี่” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ไม่ขอแสดงความเห็นต่อกรณีนี้

เจอะหน้านักข่าว เห็นว่า “บิ๊กต่อ” เอาแต่โปรยยิ้นหวานตามสไตล์เฟรนด์ลี่ โบกไม้โบกมือ ว่าไม่ทราบเรื่อง ขออย่าถามเลย ขอปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการเถอะ

นักข่าวก็เพียรพยายามถามย้ำว่า เหตุผลที่นายกฯเสนอชื่อ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” เป็น ผบ.ตร. เพราะเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ยิ้มและโค้งตัว ก่อนจะขึ้นรถยนต์ออกจากทำเนียบฯไป

เป็นอันว่าช่วงชั่วโมงนี้ ทั้งนายกฯ และผบ.ตร. ไม่มีใครสะดุ้ง สะเทือน หรือเต้นไปตามเกมของ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์”
เห็นจะมีเพียง “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่ว่ากันว่า ใกล้ชิดสนิทสนมกับ “โจ๊ก” ออกมาเย้วๆ ช่วยอยู่บ้าง แต่ก็ช่วยแบบพูดไม่เต็มปาก ค้านไม่เต็มเสียง

ดูๆไปถึงตรงนี้ “โจ๊ก ฟ้องดะ” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะเคลื่อนไหวอะไรก็ดูโดดเดี่ยวเดียวดาย ไร้ค่า ไร้ราคา ให้ควรค่าแก่ความสนใจ ชวนให้ผู้คนคิดถึงคนบ้าที่วิ่งอยู่บนทุ่งลาเวนเดอร์เพียงลำพัง ยังไงไม่รู้...นะครับนะ

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
** “พิธา”ทวงสัญญา “นายกฯ-ครม.-สส.” ร่วมผลักดัน MOU ที่ทำกันไว้ แต่เพื่อไทยบอก อย่ามัวจมอยู่กับอดีต

ดีเดย์รับการเปิดสภาสมัยสามัญ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้หารือต่อที่ประชุมสภาฯ เพื่อเรียกร้องไปยัง “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี สส. และพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง ให้ผลักดันตามสัญญาที่เคยให้ไว้ ตามบันทึกความร่วมมือ หรือ “เอ็มโอยู” เกี่ยวกับความร่วมมือทำให้รัฐสภาไทยก้าวหน้า โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ และเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง

รวมทั้ง ความคืบหน้าการนิรโทษกรรมคดีการเมือง ให้คนไทยที่เห็นต่าง ไม่ต้องติดคุก หรือไม่ต้องลี้ภัย

เอ็มโอยู ที่ “พิธา” พูดถึงนั้นไม่ใช่เรื่องการจัดตั้งรัฐบาลระหว่างพรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทย ซึ่งโดนฉีกทิ้งไปแล้ว

แต่เป็น“เอ็มโอยู” ที่หลักใหญ่ใจความอยู่ที่ การเสนอบุคคลให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ได้ทำไว้ เมื่อวันที่ 3 ก.ค.66 หรือ เมื่อ 1 ปีที่ผ่านมา

รายละเอียดของ “เอ็มโอยู” มีดังนี้

1. เสนอชื่อ นายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยให้สส.จากพรรคก้าวไกล เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 และ สส.จากพรรคเพื่อไทย เป็น รองประธานสภาคนที่ 2 โดยพรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคเพื่อไทยรวมพลัง และพรรคพลังสังคมใหม่ พร้อมให้การสนับสนุนตามข้อตกลงนี้

2. บุคคลที่จะปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ พร้อมผลักดันวาระที่ทำให้รัฐสภาไทยก้าวหน้า ให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีประสิทธิภาพ และ เป็นของประชาชน

3. ข้อตกลงเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ เป็นไปเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพระหว่าง 8 พรรคในการจัดตั้งรัฐบาล เสนอและสนับสนุนให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” เป็นนายกรัฐมนตรี อย่างสุดความสามารถ

4. พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ยืนยันร่วมกันให้ความเห็นชอบกฎหมายสำคัญเพื่อประชาชน ซึ่งรวมถึง การนิรโทษกรรม คดีแสดงออกทางการเมือง และการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพ ได้แก่ ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ร่าง พ.ร.บ.กฎอัยการศึก และร่าง พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ

จะเห็นได้ว่า เป็นเอ็มโอยู ที่ทำกันไว้ตั้งแต่พรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้ข้ามขั้วมาจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคร่วมในปัจจุบัน และขณะนั้น พรรคเพื่อไทย กับพรรคก้าวไกล ยังตกลงกันไม่ได้ว่าตำแหน่งประธานสภาฯ จะเป็นของใคร สุดท้ายก็ให้เป็นของคนกลาง คือ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” จากพรรคประชาชาติ

“นพ.ชลน่าน สรีแก้ว” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยในขณะนั้นบอกว่า ความจริงแล้ว เอ็มโอยู ดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่าง 2 พรรคเท่านั้น เพราะถ้าบอกว่าเป็นเอ็มโอยู ของพรรคร่วมทั้งหมด อาจทำให้อีก 6 พรรคร่วม ไม่สบายใจ เพราะเรื่องของ 8พรรคร่วม ได้เซ็นไปแล้วก่อนหน้านั้นแล้ว

ส่วนเรื่องการออกกฎหมายนิรโทษ ก็จะเป้นเรื่องพาะคดีการเมือง เพียงแต่เขียนให้กว้างๆเอาไว้ว่าเป็น “คดีแสดงออกทางการเมือง” เกี่ยวกับการเรียกร้อง การประท้วง หรือการชุมนุม แต่ไม่ครอบคลุมเรื่องของ “ทักษิณ ชินวัตร” และผู้ที่กระทำผิดคดี มาตรา 112

เดิมที พรรคก้าวไกล จะใส่เรื่องนี้ไว้ แต่พรรคเพื่อไทย ขอในที่ประชุมพรรคร่วม เนื่องจากมีข้อกังวลว่า อาจมีคนนำไปใช้เป็นประเด็นว่า ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เป็นความพยายามของพรรคเพื่อไทย เพื่อพา “ทักษิณ” กลับบ้าน และอาจกลายเป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล ทางพรรคจึงไม่อยากให้ระบุไว้ใน เอ็มโอยู

“เรานั่งพูดคุยกัน 2 พรรค ผมก็ถามเน้นย้ำเรื่องนี้ คนที่เจรจา คนที่นั่งพูดคุยกันทั้ง 2 พรรค ไม่ว่าจะเป็น คุณต๋อม ชัยธวัช คุณอ้วน ภูมิธรรม ที่เขานั่งคุยกัน เขาบอกว่าไม่เกี่ยวกับม.112 ไม่เกี่ยวกับทักษิณ ผมถามย้ำเลย เพราะผมเป็นคนตั้งประเด็น” นพ.ชลน่าน ระบุ

ดังนั้น การที่ “พิธา”ออกมาทวงถามสัญญาความร่วมมือ หรือ “เอ็มโอยู”ในครั้งนี้ น่าจะเกี่ยวกับเรื่องการนิรโทษฯ คดี 112 ที่กำลังเป็นปัญหา ซึ่งคณะกรรมาธิการ วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กำลังถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้

ด้าน “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “พิธา” ยังจมอยู่กับในอดีต ทั้งที่เรื่องผ่านไป 1 ปีแล้ว

ที่สำคัญคือ 8 พรรคร่วม ที่อยู่ใน “เอ็มโอยู” ดังกล่าว ก็ไม่ใช่พรรคร่วมรัฐบาลในปัจจุบัน

การที่ “พิธา”พยายามเอาเรื่องนิรโทษกรรม 112 มาโยงกับ “เอ็มโอยู” ของสองพรรค เมื่อ 3 ก.ค.66 จึงถูกสวนกลับ หน้าหงาย


กำลังโหลดความคิดเห็น