วันนี้(3 ก.ค.)ณ ลานอีเว้นท์ พอร์ต ชั้น G , บลู พอร์ต หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน เทศกาลทุเรียน ยิ่งใหญ่แห่งปี “Durian Lover 2024 คนรักทุเรียน 2024” โดยมี นางอารดา เฟื่องทอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์, นายสมคิด จันทมฤก ผู้ว่าราชการ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์, พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ
นายสุวัจน์ กล่าวว่าการจัดงานในครั้งนี้ ให้ความสำคัญกับเรื่องการโปรโมทสินค้าไทยโดยเฉพาะทุเรียน ถือว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโดยตรง เป็นวาระที่สำคัญของประเทศ ของรัฐบาล คือ การกอบกู้เรื่องเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจรากหญ้าต่างๆ วันนี้ ตัวเลขการเศรษฐกิจยังไม่ดี GDP ปีที่ผ่านมาทําได้เพียง 1% กว่าๆ ปีนี้รัฐบาลพยายามที่จะทำให้ได้ 3% 4% หรือ 5% ทําให้ได้มากยิ่งขึ้นเราก็ต้องช่วยกัน ในการที่จะทําให้ผ่านพ้นปัญหาต่างๆ เหล่านี้ และเศรษฐกิจหลักของประเทศขึ้นอยู่กับ 3 องค์ประกอบ คือ 1.เรื่องการลงทุน 2.เรื่องการส่งออก 3.เรื่องการท่องเที่ยว ฉะนั้น จุดแข็งที่รัฐบาลพยายามที่จะหยิบมาใช้คือ ส่งออกในเรื่องอะไรที่เป็นของคนไทย เช่น เรื่องซอฟต์พาวเวอร์ เรื่องกีฬา ศิลปะ ดนตรี การแต่งกาย หยิบมาใช้ต่อยอดส่งออกให้มีรายได้เข้าประเทศ หรือเรื่องของสินค้าเกษตร และการท่องเที่ยว
นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้ การเปิดงานทุเรียนเลิฟเวอร์ ถือว่าตรงประเด็นในการที่จะมีส่วนสำคัญในการกอบกู้เศรษฐกิจ เพราะประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกทุเรียนอันดับหนึ่งของโลก แม้จะเริ่มมีคู่แข่ง เวียดนาม มาเลเซีย แต่ส่วนใหญ่ 95% ของการส่งออกทุเรียนเป็นจีน และจากตัวเลขที่ทําให้เห็นความสำคัญของทุเรียนได้ เช่น ปีที่แล้วส่งออกทุเรียน เป็นมูลค่าประมาณ 120,000 ล้านบาท ประมาณ 900,000 ตัน เฉลี่ยกิโลประมาณ 120-130 บาท ส่งออกทุเรียนปีที่แล้วได้ประมาณ 120,000 ล้านบาท ดังนั้น ทุเรียน ถือเป็นผลไม้เศรษฐกิจหลักใหม่ที่สามารถที่จะยึดให้เป็นหลักในเรื่องของการส่งออกได้ถ้าทำเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง ในการที่จะโปรโมทประชาสัมพันธ์ งานวิชาการการส่งเสริมให้เกษตรกร และการสร้างภาพลักษณ์การรักษาคุณภาพ และมีระบบการส่งออกที่ดี ทุเรียนจะเป็นเสาหลักอันหนึ่งจะค้ําจุนในเรื่องเศรษฐกิจ ในเรื่องของการส่งออกต่อไปในอนาคต
“ฉะนั้น ทุเรียนถือเป็นพืชเศรษฐกิจวันนี้ มีการโปรโมท ทุเรียนที่เมืองหัวหิน ทุเรียนปลูกที่ป่าละอู เป็นทุเรียนที่ได้รับการรับรองจากระทรวงพาณิชย์ ว่าเป็นสินค้าจีไอ บ่งบอกถึงภูมิศาสตร์ มีพื้นที่ป่าละอู ประมาณ 5,000 ไร่ ปลูกทุเรียนได้ผลผลิตประมาณ 3,000 ไร่ เกษตรกรที่ปลูกทุเรียนประมาณ 500-600 ครัวเรือน ทุเรียนป่าละอู่มีเอกลักษณ์เฉพาะเพราะพื้นที่ปลูกบริเวณห้วยสัตว์ใหญ่อยู่ทางตอนใต้ของมรดกโลกคือ อุทยานแก่งกระจาน ที่มีความอุดมสมบูรณ์นํามาสู่ความสมบูรณ์ของแร่ธาตุสารต่างๆ ในดินของพื้นที่ปลูกทุเรียนของป่าละอู ทําให้ทุเรียนป่าละอู มีลักษณะเฉพาะ คือ กลิ่นไม่แรง เนื้อแน่น หวานน้อย นี่คือ เอกลักษณ์จีไอของทุเรียนป่าละอู” นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวว่าถ้าช่วยกันส่งเสริมภาพลักษณ์ของทุเรียนไทยก็จะชัดเจนมากขึ้น และการได้จัดกิจกรรมต่างๆ เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ให้คนต่างชาติเวลาเห็นทุเรียนให้นึกถึงประเทศไทย เห็นทุเรียนอยากมากิน เห็นทุเรียนอยากมาเที่ยวเมืองไทย และกิจกรรม Durian Lover 2024 “คนรักทุเรียน“ มาเกิดขึ้นที่เมืองหัวหิน ถือว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ปีหนึ่งมีนักท่องเที่ยวมาประมาณ 1,200,000 คน เป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับ 4 อันดับ 5 ของประเทศไทย ถ้าเราช่วยกันเสริมเสน่ห์ให้กับเมืองหัวหิน เสริมอะไรที่สร้างเอกลักษณ์ขึ้นมามีงานทัวร์นาเมนต์ มีเฟสติวัล มีสินค้าจีไอมีทุเรียนที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ต่อไปหัวหินจะเป็นเมืองท่องเที่ยว เมืองอินเตอร์ เป็นเมืองเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติ