ประจวบคีรีชันธ์ - อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ เผยช่วงนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งจากกรุงเทพฯ และใกล้เคียงต่างพากันขับรถเดินทางไปเที่ยวชมสวนทุเรียนที่ป่าละอู เผยสมกับคำร่ำลือ รสชาติหวาน เนื้อหนา เนียน ละเอียด กลิ่นไม่แรง ตามที่ร่ำลือกันจริงๆ
นายกิติพงษ์ สิริเพชรเกษม อุปนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน/ชะอำ เผยว่า ในช่วงนี้บรรยากาศตามสวนทุเรียนป่าละอู ในพื้นที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คึกคัก ซึ่งได้รับความสนใจทั้งจากนักท่องเที่ยวที่มาจากกรุงเทพฯ สมุทรสาคร สมุทรสงคราม ลงมาจนถึงเพชรบุรี ต่างให้ความสนใจเที่ยวชมสวนทุเรียน
โดยในช่วงนี้องค์การบริหารส่วนจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีการจัดงานมหกรรมผลไม้และของดีป่าละอู ครั้งที่ 11 ระหว่างวันที่ 27 มิถุนายน 2567 ถึงวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ โดยในปีนี้ในงานมีทุเรียนหมอนทองป่าละอูถึงร้อยละ 95% ซึ่งทำให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยง โดยอาศัยผลผลิตทุเรียนหมอนทองป่าละอูที่ได้รับ GI เป็นสิ่งที่การันตีในคุณภาพและทำให้ปีนี้เกิดการเดินทางเข้าไปชมสวนและชิม ตลอดจนเลือกซื้อผลผลิตจากเกษตรกรเจ้าของสวนโดยตรง ทั้งนำไปรับประทานเอง และเป็นของฝาก
ซึ่งช่วงนี้ราคาทุเรียนป่าละอูในพื้นที่มีตั้งแต่ 200-250 บาท/กก. ส่วนราคาในเขตพื้นที่เมืองหัวหินอยู่ที่ 300 บาท/กก.หากถูกส่งมาถึงกรุงเทพฯ ราคาจะสูงเพิ่มขึ้นตั้งแต่ 300 บาทถึง 350 บาท ซึ่งในกรุงเทพฯ มีทั้งที่ขายเป็นลูก และแกะขายเป็นถาด ถาดละ 350-700-800 บาทก็มี เพราะผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้เพราะหากบางคนซื้อทั้งลูกราคาจะสูง เนื่องจากแต่ละลูกมีน้ำหนัก 2-4 กก.
อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูกาลที่ทุเรียนป่าละอู ออกสู่ตลาดส่งผลดีต่อทั้งภาคการท่องเที่ยวและเกษตรกร ชุมชนมีรายได้ในช่วงที่ทุเรียนป่าละอูมีการตัดจำหน่าย และยังเป็นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวในพื้นที่ป่าละอู ให้รู้จักแพร่หลายมากยิ่งขึ้นในสายตานักท่องเที่ยว
นางนิภาวรรณ ทัดสงค์ เจ้าของสวนทุเรียนลุงเอี๊ยด ป่าละอู หมู่ 8 ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ กล่าวว่าช่วงนี้จะมีนักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางจากกรุงเทพฯ สมุทรสาคร เพชรบุรี และพื้นที่จังหวัดอื่นๆ หลังทราบข่าวว่าช่วงนี้เจ้าของสวนทุเรียนที่ป่าละอูหลายแห่งเปิดให้เข้าไปชมสวน ชิมทุเรียน และเลือกซื้อผลผลิตในสวนโดยตรง ทำให้นักท่องเที่ยว ตลอดจนผู้ที่ชื่นชอบบริโภคทุเรียนหมอนทองป่าละอู เลือกที่จะเดินเข้าไปในพื้นที่เป็นกลุ่มเล็กๆ ทั้งช่วงเช้าและช่วงบ่าย เจ้าของสวนปีนต้นทุเรียนที่สูงถึง 8 เมตร ขึ้นไปตัดทุเรียนที่แก่จัดโยนลงมาให้ครอบครัวซึ่งรออยู่ด้านล่าง ถือกระสอบคอยรอรับอยู่ให้นักท่องเที่ยว และผู้บริโภคที่เข้ากันไปชม ต่างตื่นตากับภาพที่เห็น
เจ้าของสวนทุเรียนป่าละอู ลุงเอี๊ยด บอกอีกว่าทุเรียนบนต้นส่วนใหญ่แก่ถึง 90% แล้ว โดยมีนักท่องเที่ยวที่เข้ามาก่อนล่วงหน้าจะจองเอาไว้ ซึ่งทางสวนจะผูกเชือกเอาไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งผู้บริโภคจะมาเอาตามวันที่ได้โทร.นัดแนะกันไว้ ส่วนที่ไม่มีการจองทางสวนจะตัดลงมาให้นักท่องเที่ยว หรือผู้บริโภคที่เข้ามาเที่ยวชมสวน และหากพบเจอลูกที่แก่จัดจะผ่าให้ลูกค้าได้ชิมกันจนอิ่ม โดยไม่คิดมูลค่าแต่อย่างใด
หากสนใจซื้อกลับไปได้ทันที นำกลับไปราว 2 วันผ่ารับประทานได้ หรือหากแก่จัดวันเดียวก็กินได้ นอกจากนั้น มีแม่ค้าพ่อค้าเข้ามารับซื้อจำหน่ายที่กรุงเทพฯ และบางส่วนตัดส่งทางออนไลน์ บางวันจะตัดนำไปวางจำหน่ายริมถนนทางเข้าหมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ ซึ่งยอมรับว่า จำหน่ายทุเรียนวันละ 1-3 หมื่นบาทก็มี
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเที่ยวชมสวน และได้มีโอกาสชิมทุเรียนจากสวนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ทุเรียนป่าละอูมันอร่อยมากๆ มีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ คือหวาน เนื้อหนา เนียน ละเอียด สีเหลืองอ่อน เนื้อแห้ง มีความมันมากกว่าความหวาน กลิ่นไม่แรง ตามที่บอกกันจริงๆ ไม่รู้สึกเสียดายที่เดินทางเข้าเที่ยวชมและเลือกซื้อทุเรียนที่มีคุณภาพกลับไปทั้งเอาไปกินเอง และเอาไปฝากเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบ