xs
xsm
sm
md
lg

เพื่อไทยชนะไม่สุด อบจ.ปทุมฯเลือกใหม่ !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมืองไทย 360 องศา

ผลการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ทราบผลอย่างไม่เป็นทางการแล้วว่า ผู้สมัครที่พรรคเพื่อไทยและ นายทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวสนับสนุนอย่างเต็มที่ คือ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ชนะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้สมัครอิสระ ไปได้ แต่ก็มีเรื่องให้ต้องพูดถึงกันมากมายหลายเรื่อง

ที่น่าสังเกตอย่างแรกก็คือ เป็นการชนะแบบ “ฉิวเฉียด”นายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้สมัครหมายเลข 1 ในนามพรรคเพื่อไทย ได้ 203,010 คะแนน ตามด้วยอันดับ 2 คือ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือ บิ๊กแจ๊ส ผู้สมัครหมายเลข 3 เจ้าของตำแหน่งเดิม ได้ 201,041 คะแนน โดยชนะไปแค่ 1,969 คะแนน เท่านั้น

อย่างไรก็ดี ทั้ง นายชาญ และพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะครอบครัวของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ถึงขนาดลงทุน ลงแรงแบบเต็มพิกัดในการช่วยเหลือผู้สมัครของพรรคเพื่อชิงเก้าอี้ “นายกฯท้องถิ่น” ตัวนี้กลับคืนมาให้ได้ เพื่อเป้าหมายการเมืองในระดับสนามใหญ่คราวหน้า เป็นลักษณะทวงคืนความยิ่งใหญ่ให้กลับมาอีกครั้ง แต่เมื่อ “ทุ่มสุดตัว” แบบนี้ แต่ผลคะแนนที่ได้ชนะกันแค่ไม่ถึงสองพันคะแนนถือว่า “เสียหาย” และไม่คุ้มค่า และอาจเลวร้ายกว่านั้นอีก เมื่อ นายชาญ ยัง “ไม่พ้นบ่วงกรรมเก่า” นั่นคือ ต้องคดีเก่า ที่เกี่ยวกับคดีทุจริตจัดซื้ออุปกรณ์ยังชีพ เมื่อปี 2564 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ประทับรับฟ้องไปแล้ว ทำให้ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันที

โดยในกรณีดังกล่าว เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ความเห็นทางกฎหมายโดยย้ำว่าต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีโดยอัตโนมัติ

นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา กล่าวถึงกรณีคดีติดค้างของนายชาญ พวงเพ็ชร์ ผู้ชนะการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและพฤติมิชอบ ประทับรับฟ้องคดีการทุจริตจัดซื้อถุงยังชีพช่วยน้ำท่วม เมื่อปี 2554 และมีคำสั่งให้ยุติปฏิบัติหน้าที่แล้วว่า หากนายชาญ เข้าปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.เมื่อใด ก็ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่เมื่อนั้น แต่หากนายชาญ ต้องการจะโต้แย้งคำสั่ง ก็ต้องไปดำเนินการกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ สถ. ที่มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลการเข้าสู่ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของผู้บริหารท้องถิ่น ซึ่งกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นจะมีอำนาจ ออกคำสั่งดำเนินการต่อไป

เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ยังอธิบายสาเหตุกรณีการยุติการปฏิบัติหน้าที่ทุกกรณีว่า เนื่องจาก กรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้มูล และศาลฯ มีคำสั่งให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่แล้ว ซึ่งในระหว่างนั้นหากพ้นตำแหน่ง และได้รับการเลือกตั้งกลับเข้ามาใหม่ ก็ยังคงจะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อป้องกันไม่ให้ไปยุ่งเหยิงในคดีที่ผ่านมา และป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งกรณีของนายชาญ ก็จะเข้าเงื่อนไขดังกล่าวโดยอัตโนมัติ

ก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทย ว่า เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2567 อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ได้ทำหนังสือชี้แจงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีการเข้าสมัครเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี และการหยุดปฏิบัติหน้าที่ของ นายชาญ พวงเพ็ชร์ หลังการเลือกตั้ง นายก อบจ.ปทุมธานี เป็นทางการแล้ว

โดยประเด็นแรก กรณีนายชาญ พวงเพ็ชร์ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีทุจริต ศาลฯ ประทับรับฟ้องแล้ว ทำไมยังสมัครเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี

สถ.ระบุว่า การที่ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ถูกศาลอาญาประทับฟ้อง โดยคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฯ คดีจึงยังไม่ถึงที่สุด และไม่ได้ถูกคุมขังโดยหมายศาล อีกทั้งไม่ได้ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ดังนั้น นายชาญ จึงยังไม่มีลักษณะต้องห้าม และสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.ปทุมธานี ได้ ตาม พ.ร.บ.อบจ. 2540 มาตรา 35/1 ประกอบ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ม.50(5) (6) และ (10) และ พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ม.81 และ ม.93

ส่วนประเด็นที่สอง ทำไม นายชาญ พวงเพ็ชร์ ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายก อบจ.ปทุมธานี แม้ต่างกรรมต่างวาระ

สถ.ระบุว่า การที่ นายชาญ พวงเพ็ชร์ ได้กระทำความผิดเมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง นายก อบจ.ปทุมธานี ในวาระก่อน และศาลอาญาได้ประทับฟ้องนายชาญ เมื่อพ้นจากตำแหน่งไปแล้วก็ตาม แม้ต่อมาเมื่อนายชาญได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายก อบจ.ปทุมธานี ในอีกวาระหนึ่ง นายชาญ ก็ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 ม.81 และ ม.93 เทียบเคียงความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จที่ 1486/2565

จากข้อมูลทั้งหมด ชี้ให้เห็นว่า แม้ นายชาญ พวงเพ็ชร์ จะชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี สมัยนี้ได้ แต่ก็อาจจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทันทีเข้ารับตำแหน่งตามเงื่อนไขทางกฎหมายที่กำหนดไว้ อันเป็นผลพ่วงสืบเนื่องมาจากคดีทุจริตที่ศาลฯ ประทับรับฟ้องไว้แล้ว

เมื่อพิจารณาจากข้อกฎหมายดังกล่าว ทำให้ค่อนข้างแน่นอนว่า นายชาญ พวงเพชร์ คงไม่อาจได้เข้าไปบริหารในตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี นั่นคือต้อง “หยุดปฏิบัติหน้าที่” เอาไว้ จนกว่าศาลอาญาฯจะมีคำวินิจฉัยออกมา ขณะเดียวกันหากพิจารณาจาก “แบ็กกราวด์”จากกรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ชี้มูลความผิด และส่งฟ้องศาล มันก็พอเห็นแนวโน้มค่อนข้างชัดว่า โอกาสหลุดจากเก้าอี้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ค่อนข้างสูง ทำให้มีโอกาสที่จะต้องมีการเลือกตั้งใหม่กันอีกรอบ

ดังนั้น หากพิจารณากันในภาพรวม ที่เชื่อมโยงกับการเมืองระดับชาติ สำหรับพรรคเพื่อไทย และครอบครัวของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ทุ่มเท ลงทุนกันอย่างเต็มที่เมื่อการเลือกตั้งนายกฯอบจ.ปทุมธานี ครั้งล่าสุด แม้จะชนะ แต่ไม่สุด ไม่คุ้มค่า และที่สำคัญยังมีโอกาสสูงที่จะต้องมีการเลือกตั้งกันใหม่อีกรอบ แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่ง แต่ก็คงไม่ช้าจนเกินไปนัก แต่ถึงอย่างไร คงไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่นายกฯอบจ.ปทุมฯค่อนข้างแน่แล้ว !!


กำลังโหลดความคิดเห็น