เมืองไทย 360 องศา
ผ่านไปแล้วสำหรับผลการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.แต่เสียงโวยวายเสียงวิจารณ์กันไม่จบไม่สิ้น แต่ก็พอจับความได้ทำนองว่า ทุกฝ่ายต่างใช้วิชามารทั้ง “ฮั้ว” และ “ซื้อ” กันทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น “แดง ส้ม และ น้ำเงิน” เพียงแต่ว่าสองฝ่ายแรก แพ้ยับ เพราะการบริหารจัดการไม่ดี และไม่ครอบคลุมพอ แต่หากพิจารณากันถึงฝ่ายที่เสียหาย ขาดทุนมากที่สุดก็คือ “ฝ่ายแดง” คือ ฝ่าย นายทักษิณ ชินวัตร นั่นแหละ รองลงมาก็คือ “ส้ม” ที่หากินอยู่กับคำว่า “ประชาธิปไตย” นั่นแหละ
ที่ต้องบอกว่า ฝ่ายทักษิณ ชินวัตร เสียหายมากที่สุด ก็เพราะตัวเองคาดหวังไว้สูงมาก หวังจะยึด “สภาสูงกลับมาหลังจากหมดยุค “สาม ป.”ไปแล้ว และพลาดท่าไปกับการต้องประนีประนอมในสภาผู้แทนราษฎร และภาพการพ่ายแพ้ตกรอบของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็น “น้องเขย” ต้องพ่ายแพ้กลับบ้านไปอย่างน่าอับอายที่สุด โดยสังเกตจากปฏิกิริยาของ เขาก็คือ การโวยวายกล่าวโทษกติตาของพวกปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งที่จะว่าไปแล้วพวกเขานั่นแหละที่ได้ประโยชน์จากการรัฐประหารในเวลานี้ ทั้งที่หากมองย้อนกลับไป การที่ส.ว.ที่เคยโหวตลงมติให้มี นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาล การที่เขาได้กลับบ้านก็ถูกเข้าใจว่าเป็นเพราะ “ดีลลับ” ไม่ใช่หรือ
ขณะเดียว กันหากบอกว่า นายทักษิณ ต้องผิดหวังมากที่สุดก็ผลจากการที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไม่ได้เป็น ส.ว.ไม่ติดแม้กระทั่งรายชื่อสำรอง แถมยังแพ้แบบหมดรูป ได้คะแนนในรอบสุดท้ายเพียงแค่ 4 คะแนน เรียกว่า อับอาย เสียทั้งหน้า เสียทุกอย่าง ที่สำคัญพลาดจากเป้าหมายสำคัญที่สุดก็คือ พลาดการเป็นประธานวุฒิสภา นั่นเอง
แม้ว่าผลการเลือกส.ว.ที่มีผลออกมาอย่างไม่เป็นทางการ จะมีการวิจารณ์ว่า “ไม่ตรงปก” และยังมีการ “ด้อยค่าเหยียดหยาม” ว่ากล่าว ทำนองให้มองเห็นว่า “ไม่มีการศึกษา” มีอาชีพบ้านๆ เช่น ช่างเย็บผ้า สื่อเสียงตามสายในหมู่บ้านบ้างละ ซึ่งแล้วยังไงล่ะ บางทีหากมองในอีกมุมหนึ่งพวกเขาอาจทำได้ดีกว่าพวก สว.ในอดีต ที่เป็น “สภาผัวเมีย” สว.ในคอก เป็นคนที่มีนามสกุลบ้านใหญ่ สารพัด
และด้วยเจตนารมณ์ของการเลือกตั้ง ส.ว.ชุดใหม่ ที่มีกติกาการออกแบบให้เป็นตัวแทนจากกลุ่มอาชีพ ไม่ใช่ออกแบบให้แบบเลือกตั้ง ซึ่งเชื่อได้เลยว่า หากใช้วิธีแบบนั้น บรรดาคนโนเนม ที่เป็นชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน คนพวกนี้จะไม่มีทางได้เข้ามาพิสูจน์การทำงาน เราก็ได้ ส.ว.ที่มีนามสกุลคุ้นหู มีกลิ่นการเมืองตั้งแต่แรก
แน่นอนว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมา ยังเต็มไปด้วยข้อกังขา มีคำถามมากมาย ซึ่งต้องสอบสวนเอาผิดให้ได้ หากมีการทำผิดกติกา แต่หากพิจารณาในภาพรวมแล้ว มันก็น่าสนใจ เพราะยังมี ว่าที่ ส.ว.ไม่น้อยที่ผ่านเข้ามาได้ มีความน่าเชื่อถือ น่าจะเป็นความหวังได้ไม่น้อยเหมือนกัน ก็น่าจะทดลองดูสักพักก็ดีเหมือนกัน
วกมาที่ความผิดหวังของ นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ที่ดูแล้วยังไม่เป็นใจ ยังไม่กระเตื้อง เมื่อพิจารณาจากผลโพลล่าสุด ที่ผลออกมา หากโฟกัสไปที่ ตัวแคนดิเดตนายกฯ ที่เป็นทายาทสายตรงอย่าง “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ผลสำรวจของ “นิด้าโพล” ออกมาล่าสุด มีคะแนนความนิยมอยู่ใน ลำดับที่ 4 แพ้แม้กระทั่ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง “การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 2/2567” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 14-18 มิถุนายน 2567
จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 45.50 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ ชื่นชอบอุดมการณ์ทางการเมือง มีความรู้ และความสามารถรอบด้าน อันดับ 2 ร้อยละ 20.55 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 3 ร้อยละ 12.85 ระบุว่าเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน (พรรคเพื่อไทย) เพราะ มีความเป็นผู้นำ กล้าตัดสินใจ และมีความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาของประเทศ อันดับ 4 ร้อยละ 6.85 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค (พรรครวมไทยสร้างชาติ) เพราะ มีภาพลักษณ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือ การทำงานมีความซื่อสัตย์ สุจริต อันดับ 5 ร้อยละ 4.85 ระบุว่าเป็น นางสาวแพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะ มีวิสัยทัศน์ มีความเป็นผู้นำ และมีความรู้ ความเข้าใจปัญหาของประเทศ
ขณะเดียวกัน เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 49.20 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล อันดับ 2 ร้อยละ 16.85 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย อันดับ 3 ร้อยละ 15.00 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 4 ร้อยละ 7.55 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ อันดับ 5 ร้อยละ 3.75 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์ อันดับ 6 ร้อยละ 2.20 ระบุว่าเป็น พรรคภูมิใจไทย อันดับ 7 ร้อยละ 1.75 ระบุว่าเป็น พรรคพลังประชารัฐ
จากผลโพลดังกล่าวมันสะท้อนได้ชัดเจนอีกครั้งว่า เครือข่ายของ นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ว่าจะเป็นในรูปของ รัฐบาล พรรคการเมืองคือพรรคเพื่อไทย รวมทั้ง “ทายาท” การเมือง ก็ล้วนอยู่ในภาวะถดถอยลงเรื่อยๆ ยังไม่เห็นโอกาสฟื้นตัวขึ้นมาในอนาคตอันใกล้นี้ได้เลย
นั่นเป็นผลมาจากความผิดพลาดถดถอยของ “เครือข่ายทักษิณ” ที่ออกมาแบบน่าผิดหวัง สะท้อนภาพ “ขาลง” แบบรูดลงแบบเร็วมากอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ยังมีอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ต้องลุ้นกันแบบตาไม่กระพริบก็คือ การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี
งานนี้พรรคเพื่อไทย และครอบครัวของ นายทักษิณ ชินวัตร ยกขบวนไปเปิดตัวให้การสนับสนุนแบบเต็มตัว ทั้งที่จะว่าไปแล้ว เป็นแค่การเลือกตั้งท้องถิ่น แต่อีกมุมหนึ่งมันมีผลต่อการเมืองระดับใหญ่ขึ้นมา และที่สำคัญอาจเป็นเพราะต้องการทวงพื้นที่คืนมา หลังจากพลาดท่าให้กับคู่แข่งแบบเหนือความคาดหมาย
และคราวนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยก ลุกลามไปไกลในระดับ “ลูกพี่กับลูกน้อง” จากการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ ระหว่างผู้สมัครที่พรรคเพื่อไทยสนับสนุน กับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้สมัครอีกคน เป็นการ “หัก” กันแบบน่าแปลกใจ แม้ว่าจะมีรายละเอียดแบ็กกราวด์ มากมาย แต่เอาเป็นว่าผลการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึง “เพาเวอร์” ของ นายทักษิณ ชินวัตร ได้อีกครั้ง และเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มแล้ว ก็น่าเชื่อว่าพวกเขาต้องผิดหวังครั้งใหญ่อีกรอบ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะได้เห็นกันแล้ว !!