ส.ส.ก้าวไกล อัดรัฐจัดงบประชาสัมพันธ์ ซ้ำซ้อน ละลายน้ำเปิดเพจย่อยนับร้อย เย้ยเรตติ้ง NBT สุดต่ำเตี้ย ชี้ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ “ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม” แก้ต่างให้ พท. บอก รบ.ก่อนยังไม่กล้าทำ ลงข่าว “ทักษิณ” ถามภารกิจ รบ.ตรงไหน พอท้วงไปแก้เก้อลงข่าว ก.ก.บ้าง
วันนี้ (21 มิ.ย.) ที่รัฐสภา นางสาวภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 เกี่ยวกับงบประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ว่า งบส่วนนี้ถูก ignore มานานแล้ว พร้อมเปิดภาพกราฟิกซึ่งเป็นแผ่นป้ายโฆษณาที่อยู่บนตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนจะกล่าวว่า เท่าที่ตนสามารถรวมได้ จากทุกกระทรวง ทุกกรม รวมกัน 2,945 ล้านบาท น้อยกว่าปีก่อนที่มีงบประมาณส่วนนี้ 3,200 ล้านบาท โดยแยก เป็น 2 รูปแบบ แบบแรก เป็นงบประชาสัมพันธ์ทางตรง ระบุชัดในชื่อโครงการเลยว่านำไปใช้ในภารกิจประชาสัมพันธ์ แบบที่ 2 เป็นงบประมาณที่ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่ซ่อนมาในคีย์เวิร์ดสำคัญ เช่น รณรงค์ เสริมสร้างความเข้าใจ ปลูกจิตสำนึก ปลูกฝัง หรือบางโครงการ ชื่อก็เดาไม่ออกว่าเป็นการประชาสัมพันธ์
นางสาวภคมน งบประมาณโฆษณาซ้ำซ้อนกัน เป็นเงินอย่างน้อย คือ 662 ล้านบาท ยกตัวอย่าง โครงการสื่อสารเพื่อรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด หน่วยงานที่ทำ โครงการนี้ มหาดไทยทำ ใช้งบ 38 ล้าน กระทรวงศึกษาฯทำ ใช้งบ 23 ล้านบาท กระทรวงยุติธรรม ใช้งบประมาณ 5 ล้าน และกระทรวงสาธารณสุข ก็ใช้งบ 100 ล้าน ซึ่งชื่อโครงการต่างกัน แต่วัตถุประสงค์เหมือนกัน
“ถ้ามีการคุยกันสักนิด ว่า ภารกิจไหนใครทำ อย่างน้อยเราไม่ต้องจ่ายงบประมาณจำนวน 662 กว่าล้าน กับงานที่เหมือนๆกันแบบนี้” นางสาวภคมน กล่าว
“หากจำได้เมื่อต้นปีเคยมีคลิป จากอินฟลูฯท่านหนึ่งนำเสนอเรื่องราวของทหารชายแดน จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์จากสังคมว่านี่ เป็นการโฆษณาจากกลาโหมหรือไม่ ซึ่งเงินก้อนนี้แหละค่ะ ที่เขียนไว้หลวมๆ แบบนี้ จับตากันนะคะ ผลผลิตของมันเราจะได้เห็นการโฆษณาลักษณะนั้นอีกหรือไม่” นางสาวภคมน กล่าว
นางสาวภคมน ระบุว่า ตนขอตั้งคำถามว่า โครงการประชาสัมพันธ์ในลักษณะนี้ เป็นโครงการที่มีประโยชน์กับประชาชนโดยตรงจริง ๆ ใช่หรือไม่ หรือเป็นประโยชน์กับใคร
นางสาวภคมน กล่าวถึงศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์ ว่า ในงบประมาณ 67 ได้รับไป 69 ล้านบาท ปีนี้ได้รับงบประมาณมาจำนวน 68 ล้านบาท จากผลงานที่ผ่านมา เมื่อมีการตรวจสอบข่าวเกี่ยวกับรัฐบาล ศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์ก็บอกว่าตรวจสอบแล้วเป็นข่าวจริงแต่ไม่เผยแพร่ เพราะไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล
“มีปรากฏการณ์ใหม่ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม แก้ต่างให้พรรคการเมืองที่ถูกโจมตี ข่าวนั้นคือ พรรคเพื่อไทยนำ ปตท. เข้าแปรรูป ขายหุ้นหมดภายใน 3 นาที ซึ่งทางศูนย์ฯ ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ หลักการสำคัญข้อหนึ่ง ที่ศูนย์เคยประกาศไว้เอง คือ ความเป็นกลาง ไม่เป็นเครื่องมือทางการเมือง เป็นอิสระ มุ่งเน้นประโยชน์ ต่อประชาชน ขนาดรัฐบาลที่แล้ว ยังไม่เคยใช้ AFNC แก้ต่างให้พรรคของรัฐมนตรี DES เลย แม้แต่ครั้งเดียวเลยค่ะ” นางสาวภคมน กล่าว
นางสาวภคมน ระบุต่อว่า อีกหน่วยงานสำคัญ คือ กรมประชาสัมพันธ์ ที่อยู่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีการของบประมาณทั้งหมด 2,496 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 82 ล้านบาท เป็นงบบุคลากรไปแล้ว 38 % และยังมีงบลงทุน 540 ล้านบาท ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์น่าจะเป็นเป็นสถานีวิทยุและโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เมื่อเทียบงบประมาณแต่ละปีกับผลงาน ชัดเจนว่าสื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์เล็ก ๆ เขาทำได้ดีกว่าซะอีก
นอกจากนี้ งบที่สำคัญของกรมประชาสัมพันธ์ในการ PR ภาครัฐ แต่พูดตามตรง ต่อให้กรมประชาสัมพันธ์ได้งบประมาณก้อนนี้มากกว่าเดิม 10 เท่า หรือ 100 เท่า ก็ไม่สามารถสร้างภาพลักษณ์เชิงรุกในเวทีต่างชาติ ให้เขามีความเชื่อมั่นมากขึ้นได้
นางสาวภคมน ระบุว่า การบุกเปิดยอดบัญชี ยอดเพจ จำนวนเยอะๆ ทำไปเพื่ออะไร ยุทธศาสตร์การเปิดเป็นร้อยๆ เพจนี้จะทำให้เข้าถึงประชาชนได้มากขึ้นจริงหรือไม่ หรือเราควรมียุทธศาสตร์อื่นที่ดีกว่านี้ การเปิดเพจจำนวนมากๆ นั้น ไม่ได้ทำให้คนสนใจมากขึ้น มีแต่จะใช้งบประมาณมากขึ้นอย่างไม่สมเหตุสมผล
“ดิฉันไม่ได้นั่งเทียนวิจารณ์ด้วย ถ้าไม่เชื่อก็ลองเปิดดูเรตติ้งทีวีดิจิทัลที่เขาวัดจากทั้งคนที่ดูผ่านทีวีและอินเทอร์เน็ต ช่อง NBT ของกรมประชาสัมพันธ์อยู่ในอันดับ 19 รองบ๊วยจากทั้งหมด 20 ช่อง ก็คงจะเป็นหนึ่งตัวชี้วัดที่ทำให้เห็นว่ายังทำงานไม่เข้าเป้า” นางสาวภคมน กล่าว
นางสาวภคมน กล่าวว่า เพจ NBT connext มีการลงข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนตั้งคำถามว่าเกี่ยวข้องกับภารกิจรัฐตรงไหน พอมีคนเริ่มวิจารณ์ NBT connext ลงข่าวให้พรรคก้าวไกล ตนก็จะถามคำถามเดิม มันเป็นภารกิจของรัฐตรงไหน
นางสาวภคมน ระบุว่า มีโครงการหนึ่ง จ้างเหมาบริการผลิตข้อมูลข่าวสาร 39 ล้านบาท โดยใช้บุคลากร พิธีกรผู้ดำเนินรายการจำนวนหนึ่งจากบริษัทที่ปิดตัวลง ย้ายมาทำให้ NBT จนประชาชนตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสม
แต่ตอนนี้ที่กรมประชาสัมพันธ์ประสบปัญหา ก็คือ พยายามจะใช้บทบาทตัวเองเพื่อเป็นปากเป็นเสียงทางการเมืองให้รัฐบาล มากกว่าการมุ่งเน้นงานสื่อสารเพื่อประชาชน และช่องทางแต่ละช่องทางที่ท่านหมายมั่นปั้นมือ ล้วนไม่มีคนดู เรตติ้งต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สู้สื่ออื่นไม่ได้เลย
นางสาวภคมน กล่าวว่า ตนคาดหวังว่า รัฐบาล และรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ จะแก้ไข ปรับปรุง ให้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐโปร่งใส เลิกซุก เลิกซ่อน เลิกซ้อนเสียที และด้วยความปรารถนาดี การสื่อสารคือปลายทาง แต่ต้นทางที่จะทำให้การสื่อสารของรัฐบาลได้ผล คือ ฝีมือการบริหาราชการแผ่นดิน ความสง่างามทางการเมือง