“ชัยธวัช” เผย ยังไม่ทราบศาลไต่สวนหรือไม่ กรณี ยุบพรรคก้าวไกล หลังนัดพิจารณา 3 ก.ค. พร้อมตรวจพยาน 9 ก.ค. ชี้ อยากให้ศาลเลือกพยานปากสำคัญไปให้การ แต่ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจ ย้ำ ยังไม่มีแผนสำรอง เดินหน้าสู้ตามกฎหมายเต็มที่
วันนี้ (18 มิ.ย.) ที่อาคารรัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์หลังศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาคดียุบพรรคในวันที่ 3 ก.ค. และนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 9 ก.ค. ว่า เรารับทราบจากข่าวของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญที่ได้เผยแพร่ออกมา แต่ศาลยังไม่ได้มีข้อสรุป ว่า จะมีการเปิดไต่สวนหรือไม่ โดยหลังจากนี้ศาลจะส่งหนังสือไปยังพยานบุคคล ซึ่งไม่ทราบว่าศาลจะเลือกพยานท่านใดบ้าง เพื่อให้พยานส่งความเห็นเป็นเอกสารไปให้ศาลรัฐธรรมนูญภายใน 7 วัน โดยพยานบางส่วนจะไม่เรียกมาไต่สวนในชั้นศาล แต่จะให้ส่งความเห็นเป็นเอกสาร และนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งหลายคนเข้าใจผิด ว่าเป็นการนัดอ่านคำวินิจฉัย โดยเป็นการประชุมกันต่อว่ากระบวนการพิจารณาคดีนี้จะเป็นอย่างไรต่อ ซึ่งเราหวังว่าจะมีการไต่สวน เนื่องจากวันที่ 9 ก.ค. ได้มีการนัดคู่กรณีไปตรวจพยานหลักฐาน เพราะมีการนัดไต่สวน กระบวนการวินิจฉัยอย่างเร็วน่าจะเป็นเดือนสิงหาคม
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า เราไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะเลือกพยานท่านไหนบ้าง ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาล พยานทั้งหมดทั้ง 10 กว่าคน ศาลไม่ได้บอกว่าจะเลือกใครบ้าง แต่หวังว่าพยานปากคำสัญจริง ๆ จะมีโอกาสได้ไปให้การต่อศาลในการไต่สวนต่อสาธารณะ ซึ่งจะมีประโยชน์กับทุกฝ่ายที่ได้พิจารณาข้อต่อสู้ และเหตุผลต่างๆ เกี่ยวกับคดีนี้
นายชัยธวัช ระบุว่า ขั้นต่อไป เราเตรียมพร้อมเรื่องพยาน โดยรอฟังมติของศาลในวันที่ 3 ก.ค. และ 9 ก.ค. ในการตรวจพยานหลักฐาน ตอนนี้ยังไม่ต้องเปลี่ยนแผนอะไร ยังเดินหน้าทำงานเหมือนเดิม พร้อมย้ำว่า ยังไม่ถึงเวลาเรื่องพรรคสำรอง เราต่อสู้อย่างเต็มที่ ให้ถึงที่สุดก่อน
นายชัยธวัช กล่าวว่า วันนี้ก็ไม่มีอะไรมาก ตนเองไม่กังวลอะไร เราต่อสู้ทั้งในแง่กฎหมาย และข้อเท็จจริงอย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้ว โดยการให้พยานให้การเป็นเอกสารไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร ในคดีที่แล้ว ที่ให้พรรคก้าวไกลเลิกการกระทำ ก็มีการสั่งให้พยานบางท่านที่เสนอไปส่งพยานเป็นเอกสาร เพราะฉะนั้น ก็ไม่ได้เป็นการบอกว่าสัญญาณบวกหรือไม่ เป็นกระบวนการปกติ เราเห็นว่าในคดีสำคัญ ที่มีโทษยุบพรรค มีการตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค การเปิดไต่สวน และเผยแพร่ต่อสาธารณะ น่าจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทำให้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรามนูญได้รับการยอมรับว่าพิจารณาจากอะไร เหตุและผลจากทุกฝ่าย ทั้งผู้ร้อง และผู้ถูกร้องอย่างรอบด้านที่สุด
นายชัยธวัช ระบุว่า อย่างน้อยก็คิดว่ามีโอกาสที่จากเดิม หลายคนเข้าใจว่าไม่ต้องพิจารณาอะไรแล้ว และคิดว่าข้อต่อสู้ของเรามีน้ำหนักให้ศาลพิจารณา ซึ่งขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าจะไต่สวนหรือไม่ แต่จากการนัดตรวจพยานหลักฐาน ก็อาจมีเรื่องต้องไต่สวน