เตรียมดันลงนามสัญญารถไฟฟ้าสายสีส้ม หลังศาล ปค.สูงสุด พิพากษายืนกระบวนการประมูลชอบด้วยกฎหมาย

รฟม.เตรียมผลักดันเข้าสู่การลงนามสัญญาเดินหน้าสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันตก หลังศาล ปค.สูงสุดพิพากษายืนว่ากระบวนการประมูลไม่มีลักษณะใดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เผยล่าช้ามาหลายปี ขณะที่งานโยธาส่วนตะวันออกสร้างเสร็จมา 1 ปีแล้ว

วันนี้ (12 มิ.ย.) ภายหลังจากศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางว่า ประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ลงวันที่ 24 พ.ค. 65 และเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน ที่ออกโดยผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง ไม่มีลักษณะประการใดที่จะทำให้เป็นการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ อดีตผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวหลังเข้าฟังคำพิพากษาว่า วันนี้ได้เข้ารับฟังคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุดพร้อมกับให้ข้อมูลว่า กระบวนการหลังจากนี้ รฟม.เตรียมนำคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดมาตีความ เพื่อผลักดันเข้าสู่ขั้นตอนเตรียมลงนามสัญญากับผู้ชนะการประมูล โดยเสนอผลการเจรจาและร่างสัญญามายังกระทรวงคมนาคม ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา หากเห็นชอบผลการประมูลจะเร่งรัดลงนามสัญญาทันที เพราะขณะนี้เอกชนผู้ชนะการประมูลยืนราคามาเป็นเวลานานแล้ว อีกทั้งภาพรวมโครงการก็ล่าช้ามาหลายปี ประกอบกับงานโยธาส่วนตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ก่อสร้างแล้วเสร็จกว่า 1 ปี หากสามารถเร่งลงนามสัญญาได้จะส่งผลให้เอกชนสามารถจัดหาขบวนรถและเปิดให้บริการส่วนตะวันออกได้โดยเร็ว

สำหรับคดีนี้ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ได้ยื่นฟ้องขอให้เพิกถอนประกาศเชิญชวนการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ฉบับลงวันที่ 24 พ.ค. 65 และเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชนที่มีการ เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติและหลักเกณฑ์คัดเลือกเอกชนให้แตกต่างจากหลักเกณฑ์เดิมตามประกาศเชิญชวนฯ ฉบับเดือนกรกฎาคม 2563

นับเป็นคดีสุดท้ายที่มีการฟ้องเกี่ยวกับการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มหลังจากมีการต่อสู้กันมายาวนายกว่า 4 ปี ซึ่งหลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาในวันนี้จะทำให้ รฟม.สามารถเซ็นสัญญากับ บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ในฐานะผู้เสนอผลตอบแทนสูงสุดให้กับภาครัฐได้ภายในปีนี้