ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “ภูมิธรรม”โปรดทราบ ประมูลข้าวปู 10 ปี ชาวเน็ตขอแท็กชื่อบริษัท-ยี่ห้อ ใครชนะจะได้ไม่ซื้อตลอดชีพ!
ดึงดันเปิดประมูลจนได้ สำหรับ “ข้าว10ปี” 15,000 ตัน จากโครงรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลปู-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
คนหน้าบานเป็นกระด้งคงไม่พ้น “อ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เจ้าตำรับอ้วนชวนชิม กินโชว์ด้วยความมุ่งมั่น “กินเพื่อนาย ตายช่างมัน” โนสน โนแคร์ เสียงคนนินทา หมาดูถูก
พร้อมๆกัน ยังได้คำอวยยศจาก “วิทยากร มณีเนตร” โฆษกกระทรวงพาณิชย์ ที่ว่าการเปิดประมูลที่ชาวบ้านไม่คิดว่าจะได้เห็น ก็ได้เห็น เป็นการสะท้อนว่า “ภูมิธรรม” นี่แหละคนรักษาผลประโยชน์ของชาติ
ขณะที่สื่อที่เชียร์ออกนอกหน้ามาต่อเนื่องอย่าง “สรยุทธ ทัศนะจินดา” ถึงกับอวยไส้แตก เหมือนตอนเอาข้าวมาหุงกินโชว์ในรายการ “เรื่องเล่า” ว่า “เหนือคาดหมาย”
เอาเป็นว่า การระบาย “สต๊อกข้าว ปู-ยิ่งลักษณ์” กำลังใกล้จะบรรลุฝั่งฝันของ “ภูมิธรรม”
องค์การคลังสินค้าหรือ อคส.ผู้ทำหน้าที่เปิดประมูลขายข้าวตามคำสั่ง รมว.พาณิชย์ เมื่อวันก่อน (10 มิ.ย.) บอกว่า จบวันปิดรับเอกสาร มีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมประมูลได้ยื่นเอกสารคุณสมบัติจำนวนมากถึง 8 ราย
ใน 8 รายนี้ มีทั้งผู้ประกอบการ และ ผู้ส่งออกข้าวรายสำคัญ
สำหรับขั้นตอนต่อไป อคส. จะตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นซอง และ จะประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติ ในวันที่ 13 มิถุนายน 2567 จากนั้น ในวันที่ 17 มิถุนายน 2567 ผู้ผ่านคุณสมบัติจะยื่นซองเสนอราคา และอคส. เปิดซองเสนอราคาในวันเดียวกัน ก่อนประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูล ในวันที่ 21 มิถุนายน 2567 ต่อไป
หลังข่าวนี้แพร่สะพัดออกไปว่า ข้าวปู-ยิ่งลักษณ์ จะขายออกแล้วจ้า ซึ่งข่าว “สรยุทธ” เล่าไว้ว่ามีคนสนใจ “เหนือคาดหมาย” ดังกล่าว ก็ปรากฏว่า เข้าไปเช็กความคิดเห็นท้ายข่าวเพจเรื่องเล่าเอง มีคนเข้ามาคอมเมนต์ เป็นจำนวนมาก
หยิบเอามาเป็นตัวอย่างบางตอน เผื่อจะมีคนแคปหน้าจอไปบอก “รมว.อ้วน”ด้วยว่า ชาวเน็ต ชาวโซเชียลฯ เขาว่ากันแบบนี้นะจ๊ะ
“ถ้าจะขายในไทย ช่วยบอกด้วยว่าข้าว 10 ปี กุจะได้ไม่ซื้อ”
“ขอชื่อ บ. ที่ประมูลได้ด้วยค่ะ”
“คอยดูว่า ผลิตภัณฑ์อยู่ในเครือบริษัทที่ประมูล ก้อไม่ซื้อ เพราะ ไม่เชื่อว่าจะไม่ขายในประเทศด้วย โรงสีไม่ได้มีคุณธรรมขนาดนั้น”
“ขอให้แจ้งอย่างเดียวว่า บริษัทไหนประมูลได้ บริษัทนั้น จะได้ไม่ซื้อตลอดชีพ”
“เปิดเผยชื่อบริษัทด้วยนะครับ จะได้ไม่ได้ซื้อมากินบอกตรงๆ กลัว”
“ถ้าส่งออกนอกประเทศ ถ้าประเทศต้นทางรู้ เขาอาจจะเเบนข้าวของไทย เกือบทุกประเทศ ที่ประเทศไทย ส่งออก #อย่าลืมแท๊กบริษัท และยี่ห้อดัวย เป็นบริษัทไหนที่ชนะการประมูล”
เรียกว่า งานนี้ก็พอจะมองเห็นอนาคตมืดมนของผู้ชนะประมูลรออยู่กันละ
ว่ากันว่า ผู้ที่ยื่นเอกสาร 8 รายนี้ ในกลุ่มผู้ค้าข้าวด้วยกันมองว่า ตัวเก็งที่มีโอกาสในการประมูลครั้งนี้ คือ บริษัท ธนสรรไรซ์ จากจังหวัดชัยนาท ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 ผู้ส่งออกรายใหญ่ของประเทศ และทำตลาดข้าวเก่า
ส่วนรายอื่นๆ ที่ยื่นเอกสาร มีดังนี้ บริษัท วีเอท อินเตอร์เทรดดิ้ง จากจังหวัดกำแพงเพชร, หจก.อุบลไบโอเกษตร จังหวัดอุบลราชธานี, บริษัท อุบลไบโอเอทานอล จำกัด (มหาชน) จังหวัดอุบลราชธานี, บริษัท เอส.เอส.เอ็ม.อา.การเกษตร จังหวัดนครสวรรค์, บริษัท ทรัพย์แสงทอง สุพรรณบุรี, บริษัท สหธัญ จังหวัดนครปฐม และ บริษัท บีเอ็นเค การเกษตร 2024 จังหวัดนครสวรรค์
การประมูลจะรู้ว่า ใครเป็นผู้ชนะ โปรดติดตามกันได้ใน วันที่ 21 มิ.ย.นี้
ส่วนหลังจากนั้น คนชนะจะได้ทุกขลาภ หรือ จะต้องขอเยียวยาจากรัฐ เพราะ ถูกแบน ถูกเท ได้ไม่คุ้มเสีย แถมถ้าส่งออกเจอเขาด้อยค่าข้าวไทยพังเป็นแถบๆก็แนะนำให้ติดต่อ“ภูมิธรรม”ไว้เนิ่นๆนะจ๊ะจะบอกให้!
แว่วว่า หลังประมูลเสร็จ มิชชั่นคอมพลีท ก็จะ ตัวใคร ตัวมัน แล้วจ้า!!!
** ฉาวโฉ่!! 3 อดีต สส.ภูมิใจไทย เจอคุกคนละ 9 เดือน จากคดีเสียบบัตรแทนกัน
ช่วงนี้ พรรคภูมิใจไทย ของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย มีแต่เรื่อง “ฉาวโฉ่” ประดังเข้ามา
เมื่อคืนก่อน (10 มิ.ย.) “นรเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์” ซึ่
มีศักดิ์เป็นหลานชายของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” รมช.มหาดไทย และรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมพวกรวม 4 คน เปิดห้องที่โรงแรมย่านแขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. “อัปยา” จนถูกจับกุมพร้อมยาไอซ์ 6 ถุง ปืน 11 มม. 1 กระบอก กระสุน 6 นัด
ทั้งๆ ที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าเอาจริงเอาจังกับการปราบยาเสพติด เพื่อลูกหลานไทย แต่หลานชายรองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กลับทำงามหน้า!!
ถัดมาอีกวัน (11 มิ.ย.) ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำพากษา โดยองค์คณะผู้พิพากษา วินิจฉัยอุทธรณ์ยืน จำคุก 3 อดีต สส.พรรคภูมิใจไทย ในคดีเสียบบัตรแทนกัน
ประกอบด้วย “ฉลอง เทิดวีระพงศ์” อดีตสส.พัทลุง “ภูมิศิษฏ์ คงมี” อดีตสส.พัทลุง และ “นาที รัชกิจประการ” อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ภริยาของ “พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รมว.แรงงาน โดยให้จำคุกคนละ 9 เดือน ไม่รอลงอาญา และตัดสิทธิการเมืองตลอดชีวิต!!
เหตุการณ์เสียบบัตรลงคะแนนเสียงแทนกันนี้ เกิดขึ้นระหว่างการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ช่วงวันที่ 8-11 ม.ค.63
โดยทั้ง 3 คน ลงชื่อเข้าร่วมประชุม แต่ “ฉลอง” ไม่อยู่ในที่ประชุม ช่วงวันที่ 10 ม.ค.63 เวลา 19.30 น. ถึงวันที่ 11 ม.ค.63 เวลา 17.38 น. ส่วน “ภูมิศิษฏ์” ไม่อยู่ในที่ประชุม ช่วงวันที่ 10 ม.ค.63 เวลา 19.30 น. ถึงวันที่ 11 ม.ค.63 เวลา 11.10 น. และ “นาที” ไม่อยู่ในที่ประชุม ช่วงวันที่ 11 ม.ค.63 เวลา 14.28 ถึง 15.46 น. ต่อเนื่องกัน
โดยทั้งสามคน ได้ให้ผู้อื่น หรือยินยอมให้ผู้อื่นใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของตนเองไปแสดงตน และลงมติ ในการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563
ทั้งๆที่รู้ดีว่า การออกเสียงลงคะแนนในการตรากฎหมาย เป็นการทำหน้าที่ของสส.แทนปวงชนชาวไทย ซึ่งมีความสำคัญยิ่งกว่าภารกิจอื่น แต่นี่กลับมอบบัตรให้ผู้อื่นไปใช้สิทธิลงคะแนนแทนตนเอง
จึงถูกฟ้องร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพราะถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขอให้ศาลฯลงโทษตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172
แต่ทั้งสามคนให้การปฏิเสธ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสาม คนละ 1 ปี แต่การไต่สวนของจำเลยทั้งสาม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสี่ คงจำคุกคนละ 9 เดือน แต่เนื่องจากพฤติการณ์แห่งคดี เป็นการกระทำโดยทุจริต ถือเป็นเรื่องร้ายแรง จึงไม่มีเหตุรอการลงโทษ และสั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมืองตลอดไปด้วย
ต่อมา จำเลยทั้งสาม ยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ขอให้ยกฟ้อง
แต่ระหว่างการพิจารณาขององค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์ จำเลยทั้งสาม ได้ยื่นคำร้องขอสละประเด็นข้อต่อสู้ตามอุทธรณ์ทุกข้อ และขอให้การรับสารภาพ กับขอให้ลงโทษสถานเบา และรอการลงโทษจำคุกด้วย
แต่องค์คณะวินิจฉัยอุทธรณ์เสียงข้างมาก เห็นว่า การกระทำความผิดของทั้งสาม ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย เป็นการกระทำที่ไม่ชื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ทำให้ประโยชน์ส่วนรวมได้รับความเสียหาย ไม่เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ และคำปฏิญาณที่ให้ไว้ และไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมาย ถือเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย การไม่รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสาม ก็เพื่อให้จำเลยทั้งสามหลาบจำ เป็นการป้องปรามไม่ให้ผู้อื่นเอาเป็นเยี่ยงอย่างกระทำความผิดเช่นนี้อีก
แม้ต่อมาจำเลยทั้งสามรู้สำนึกในการกระทำความผิด โดยให้การรับสารภาพ และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน ทั้งได้กระทำคุณความดีต่อสังคมตาม ที่จำเลยทั้งสามอ้าง ก็ยังไม่มีเหตุเพียงพอ ที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยทั้งสาม อุทธรณ์ของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น... พิพากษายืน!!
เป็นอันว่า ทั้งสามคนที่ถือว่าเป็น “หัวหอก”ของพรรคภูมิใจไทย ในการเจาะทะลวงพื้นที่ภาคใต้ ต้องติดคุกคนละ 9 เดือน แถมถูกประหารชีวิตทางการเมืองไปเรียบร้อย
เรื่องนี้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล้ำกลืนฝืนยิ้ม ไม่รู้จะตะแบงยังไง ได้แต่บอกว่าเพราะบ้านเมืองมีกฎหมาย กฎหมายต้องให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย นี่เป็นอีกข้อหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ไม่มีใครที่จะมาเคลียร์ได้