ข่าวปนคน คนปนข่าว
** อุ้ม"ลุงป้อม"เป็นเหตุ ปิดเอกสาร "นาฬิกาเพื่อน" ป.ป.ช.ใกล้คุกแล้วนะ !?
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในยุคของ "บิ๊กกุ้ย" พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ เป็นประธานฯ มีข้อครหามาตลอด โดยเฉพาะมาตรฐานการทำงานที่เอื้อพวกพ้อง
ผลงานตอบแทนผู้มีพระคุณอย่าง "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กรณี "นาฬิกาเพื่อน" หนึ่งล่ะ หรือกรณีคดีหลายๆ คดีของ "โจ๊ก สายมู" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ถือ “ตั๋วลุง” สร้างเครือข่ายในป.ป.ช.จนกลายเป็น "รัฐตำรวจ" เอาตัวรอดมาหลายคดีแบบค้านสายตาสังคม
ไม่แปลกที่ ป.ป.ช. ภายใต้ “ทั่นประธาน” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ จะโดนคนนินทา หมาดูถูก เป็นยุคศรัทธาเสื่อม!!
มาล่าสุด "วีระ สมความคิด" นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัว พูดถึงกรณีฟ้องป.ป.ช. ที่ไม่ยอมคายเอกสารเกี่ยวกับการตรวจสอบนาฬิกา 22 เรือน ของ “ลุงป้อม” ว่า คำสั่งศาลปกครองกลาง ลงวันที่ 2 พฤษภาคม 2567 ส่งมาถึงตนเองในช่วงเย็นของวันพุธที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา
“วีระ”บอกว่า “วันที่รอคอยมาถึงแล้ว ในที่สุดศาลปกครองกลาง มีคำสั่งให้ปรับสำนักงานป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นเงินขั้นต่ำสุด 5,000 บาท และให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ทราบคำสั่งนี้”
แม้จำนวนเงินค่าปรับจะดูไม่มาก แต่นัยมันคือ ป.ป.ช. ทำไม่ถูกต้อง!!
หลังจากนี้ “วีระ สมความคิด” จะยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริต เพื่อนำผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองไปรับโทษในคุกต่อไป
เพราะคำสั่งศาลปกครองกลางในวันนี้ คือหลักฐานที่ยืนยันว่า สำนักงานป.ป.ช. และบอร์ดป.ป.ช. ได้กระทำความผิดจริง ตามที่ “วีระ สมความคิด” ยื่นคำร้องขอให้ศาลปกครอง รีบบังคับคดีกับผู้ถูกฟ้องทั้งสอง กรณีผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองมีเจตนาท้าทายอำนาจศาลปกครอง ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ทั้งๆ ที่คดีถึงที่สุดแล้ว ก็ยังไม่ยอมให้เอกสารดังกล่าว
สรุปว่า ที่ผ่านมาสำนักงาน ป.ป.ช. และบอร์ด ป.ป.ช. ไม่ได้ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครองให้ถูกต้อง ครบถ้วน และ ล่าช้าเกินสมควร โดยไม่มีเหตุอันสมควร ศาลปกครองกลาง จึงมีคำสั่งลงโทษปรับ
“วีระ” ตบท้ายไว้ในโพสต์ ด้วยแฮชแท็ก "#ใกล้คุกเข้าไปทุกทีแล้วนะ"
นี่ก็เป็นที่ยืนยันว่า เพราะเพื่อ "อุ้ม" ลุงป้อมเป็นเหตุ ช่วยกันบิด ช่วยกันบัง เอกสารที่ต้องเปิดเผยตรวจสอบได้ จนต้องอาจจะกลายเป็นการก้าวขาเข้าคุก หรือไม่ ?
ป.ป.ช. องค์กรอิสระที่ปราบโกง กลับมีพฤติกรรมที่ไม่โปร่งใสเสียเอง มีผู้กล้าพร้อมท้าทายกฎหมาย ช่วยเหลือผู้มีพระคุณและพรรคพวกไม่กลัวคุกอยู่แบบนี้ ถึงว่าคดี "โจ๊ก สายมู" ที่หัวเด็ดตีนขาด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ดิ้นทุกท่าให้มาลงเอยที่ ป.ป.ช. ซึ่งเจ้าตัวคุยโวตัวเองจะบริสุทธิ์พันเปอร์เซ็นต์ไว้ล่วงหน้า...แบบนี้นี่เอง!!
** ประมูลข้าวมอด 10 ปี เลี้ยงทหาร...กินเพื่อนาย ตายช่างมัน !!
หลังจาก “รองอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ จัดอีเวนต์ กินข้าวโชว์ เป็นข้าวเก่า 10 ปี จากโครงการรับจำนำ ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่ายังกินได้ และเตรียมนำออกประมูล
แน่นอนว่าเรื่องข้าวยิ่งลักษณ์ ปรากฏเป็นข่าวเมื่อไร ต้องมีกระแสดรามาตามมาทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน
มีการตั้งคำถามว่า ข้าวเก็บไว้ 10 ปี เวลาเอามาล้าง ตัวมอดลอยฟ่อง ต้องล้างกัน 10 น้ำ 15 น้ำ ยังมีคุณค่าทางโภชนาการอยู่หรือไม่...ข้าวที่มีการรมยาทุกๆ 2 เดือน มา 50-60 ครั้ง จะมีสารพิษตกค้างหรือไม่ ข้าวที่อยู่ด้านในของกองจะมีเชื่อราหรือไม่ เพราะหากมีเชื้อรา ก็จะมีสาร “อัลฟ่าท็อกซิน” ปนเปื้อน เป็นสารก่อมะเร็ง ซึ่งความร้อนไม่สามารถทำลายได้ กล่าวคือ แม้จะหุงสุกแล้ว สารอัลฟ่าท็อกซิน ก็ยังอยู่ในเมล็ดข้าว ไม่ได้สลายไป... และหากมีผู้ประมูลข้าวล็อตนี้ นำไปส่งออกก็จะส่งผลกระทบถึงชื่อเสียง ความน่าเชื่อถือ ของข้าวไทย
แต่ “รองอ้วน” ก็ไม่ได้สนใจกับกระแสดรามาที่เกิดขึ้น โดยบอกว่า ตนเองก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ข้าวยังอยู่ดี สภาพทางกายภาพ ยังมีจมูกข้าว สีสันอาจมีบ้างที่เหลืองขึ้นกว่าเก่าเยอะ หุงขึ้นหม้อดี กลิ่นตอนที่หุงก็พอมี แต่ก็ไม่เท่าข้าวใหม่ แต่ก็กินได้ ไม่เละ ไม่เหม็น และตนเองก็ได้กินให้ดูแล้ว “สรยุทธ์” ก็ชิมแล้ว บอกกินได้
ไม่เพียงเท่านั้น “รองอ้วน” ยังดึงเอา “นายกฯเศรษฐา” มาร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย โดยส่งข้าวไปที่ทำเนียบฯ ให้แม่บ้านหุงให้นายกฯ ลองชิมเพื่อการันตีด้วยอีกคน
ตามรายงานข่าวบอกว่า มื้อเที่ยง ( 9 พ.ค.) ที่เสิร์ฟนายกฯ นอกจากข้าวเก่า 10 ปีแล้ว กับข้าวก็มี ไข่ลูกเขย กะเพราไก่ แกงเขียวหวานไก่ หมูทอดกระเทียมพริกไทย แกงคั่วเนื้อ และผัดผัก โดยนายกฯได้พูดกับทีมงาน ว่า "ข้าวก็อร่อยดีครับ"
เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามถึงเรื่องนี้ นายกฯ บอกว่าได้ลองกินแล้ว ความรู้สึกเหมือนกินข้าวปกติทั่วไป แต่เรื่องของสีข้าว อาจไม่ขาวเหมือนข้าวใหม่ แต่โดยรวมไม่ได้แตกต่างอะไร ทานได้
อีกคนที่ออกมาช่วยกันรับลูก ก็คือ “บิ๊กทิน” สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม รายนี้ไม่ได้ชิมข้าว แต่บอกว่า กองทัพพร้อมสนับสนุนรัฐบาล โดยจะเข้าร่วมประมูลข้าวกองนี้ เอามาเลี้ยงกำลังพลในกองทัพ เป็นการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาล
“ส่วนเรื่องคุณภาพข้าว ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ก็ต้องไปดูกันอีกที ว่าข้าวมีคุณภาพจริงหรือไม่ การชิมของท่านภูมิธรรม ถือเป็นการรับรองมาตรฐานระดับหนึ่ง แต่หากเราจะมั่นใจกว่านั้น อาจจะมีระบบที่ตรวจสอบได้อีก ก็ไม่เป็นไร”
ถ้ากองทัพประมูลข้าวล็อตนี้ไปได้จริงๆ กำลังพลอย่าง “พลทหาร” ที่ไม่อยู่ในสภาพที่จะปฏิเสธอะไรได้ ก็คงต้องกินข้าวเก่า 10 ปี อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หากย้อนไปดูข้อมูลการประมูลข้าวล็อตนี้ จะพบว่า เคยมีผู้ชนะประมูลซื้อข้าวในโกดังไปแล้ว แต่ก็ยอมทิ้ง ไม่มารับข้าวไป ซึ่ง “รองอ้วน” ก็ยอมรับว่า มีการทิ้งจริง เพราะราคาข้าวปีนั้นมันสูงมาก เมื่อเขาประมูลไปแล้ว คิดว่าจะขายได้ คิดว่าราคาจะขึ้นไปอีก แต่พอประมูลเสร็จ ราคาข้าวกลับตกพรวด เขาจึงทิ้งข้าว ไม่ใช่ทิ้งเพราะข้าวเน่า ซึ่งตอนนี้ ก็เป็นเรื่องคดีฟ้องร้องกันอยู่ โดยทางองค์การการคลังสินค้าเป็นผู้ฟ้อง
ดังนั้น การประมูลครั้งนี้ จะพยายามประมูลให้ได้ 5 อันดับ และเขียน TOR ให้มีมาตรฐาน หากทำผิด ต้องรับผิดชอบอย่างไรบ้าง ต้องเขียนให้ชัด และคิดว่าใครทิ้งอันดับ 1 ก็ไปที่ อันดับ 2 อันดับ 3
“รองอ้วน” บอกว่าจะมีการเปิดซองประมูลข้าวกองนี้ ประมาณต้นเดือนมิ.ย. แล้วเรามารอดูตอนนั้นดีกว่า เราจะประมูลแบบยกกองไปเลย ไม่มีแบ่งขาย ข้าวแค่ 15,000 ตัน เชื่อว่าผู้ประมูล จะนำส่งออกขายในแอฟริกาได้สบายๆ ตลาดรองรับเหลือเฟือ
ก็ต้องติดตามดูกันต่อไปว่า ข้าวกองนี้ จะถูกประมูลแล้วส่งออกไปแอฟริกาจริงหรือไม่ หรือสุดท้ายแล้ว ทางกองทัพ หรือ กรมราชทัณฑ์ จะได้ไป เพราะ ทหารเกณฑ์ กับ นักโทษในเรือนจำ คือกลุ่มคนที่ไม่สามารถเรียกร้องสิทธิ หรือเลือกข้าวที่จะกินได้
งานนี้ถือว่า “บิ๊กทิน” คงตัดสินใจแทนพลทหารแล้วว่า “กินเพื่อนาย ตายช่างมัน”
