ข่าวปนคน คนปนข่าว
**มติ 4-1 ป.ป.ช.อุ้ม "โจ๊ก" ไม่คืนสำนวนคดีเอี่ยวเว็บพนันเครือข่ายมินนี่ ให้ตร. “สุชาติ” หนึ่งเดียวเสียงข้างน้อย
กรณี "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. และพวก ที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษความผิด มาตรา 157 และ 149 เป็นเจ้าหน้าที่ทุจริต เรียกรับเงินจากเว็บพนันออนไลน์เครือข่ายมินนี่ และกำลังจะถูกแจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันฟอกเงิน ซึ่งตอนนี้สำนวนคดีอยู่ในมือ ป.ป.ช. แต่ทางตำรวจได้ส่งหนังสือถึง ป.ป.ช.ขอนำกลับมาทำเอง
ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า คดีเครือข่ายเว็บพนันมินนี่ ที่ทางตำรวจส่งไปให้ป.ป.ช.ดำเนินการตั้งแต่ต้นนั้น ถูกป.ป.ช.แยกออกเป็น 2 สำนวน โดยสำนวนหลัก มีผู้ต้องหารวม 61 คน เป็นตำรวจชั้นผู้น้อย และประชาชน ความเสียหายกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งทางป.ป.ช. เห็นว่ามีประชาชนร่วมเป็นผู้ต้องหาด้วย จึงส่งสำนวนกลับมาให้ทาง บก.ปปป. ดำเนินการเอง ซึ่งก็ได้มีการส่งฟ้องไปแล้ว
ส่วนอีกสำนวนที่ ป.ป.ช.แยกไว้ เป็นกรณีกล่าวหา “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล และลูกน้องรวม 5 นาย ซึ่งป.ป.ช.ไม่ได้ส่งสำนวนกลับมา ทางตำรวจจึงมีหนังสือไปถึงป.ป.ช. ขอดึงสำนวนกลับมาทำเอง ด้วยเห็นว่าแนวโน้มมีโอกาสถูกดอง เพราะที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้าของคดี อีกทั้งจากคลิปเสียงที่เคยมีการเผยแพร่ก่อนหน้านี้ ที่ “บิ๊กโจ๊ก” คุยว่ามีสายสัมพันธ์อันดี กับกรรมการป.ป.ช.บางคน จึงทำให้ทางตำรวจต้องส่งหนังสือไปขอกลับมาทำเองดีกว่า
เมื่อถูกขอมา ทางคณะกรรมการป.ป.ช. จึงต้องประชุมกันเพื่อพิจารณาว่าจะเอาอย่างไร จะส่งคืนหรือไม่ มีการนัดหมายกันว่า จะประชุมตั้งแต่วันที่ 27 ก.พ.ที่ผ่านมา แต่มีกรรมการบางท่านลาประชุม จึงต้องเลื่อนออกไปก่อน
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (4 มี.ค.) ป.ป.ช.ก็ประชุมเรื่องนี้ แล้วมีมติด้วยเสียงข้างมาก 4 ต่อ 1 ให้เก็บสำนวนดังกล่าวไว้ดำเนินการเอง ไม่ส่งคืนให้ตำรวจตามที่มีหนังสือขอมา
โดยอ้างว่าคดีนี้ ผู้ถูกกล่าวหาดำรงตำแหน่งสูงกว่าผู้ร้องเรียน และกล่าวหาว่ากระทำความผิดร้ายแรง มูลค่าความเสียหายสูง ซึ่งอยู่ในอำนาจของป.ป.ช. จึงไม่สามารถส่งกลับคืนให้ได้
ปัจจุบันกรรมการ ป.ป.ช. มีอยู่ 5 คน โดย “พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ” เป็นประธานกรรมการ ที่เหลือก็มี สุวณา สุวรรณจูฑะ ,วิทยา อาคมพิทักษ์ สุชาติ ตระกูลเกษมสุข และ เอกวิทย์ วัชชวัลคุ เป็นกรรมการ
โดย “สุวณา” เป็นลูกหม้อกระทรวงยุติธรรม อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ หญิงคนแรก
ส่วน “สุชาติ” อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่งมีนบุรี มีผลงานการฟาดฟันคดีทุจริตเป็นที่ประจักษ์
ขณะที่ “วิทยา” ถือเป็นลูกหม้อของป.ป.ช. เติบโตขึ้นตามสายงานจนกระทั่งได้เป็นบอร์ด
สำหรับ“เอกวิทย์” เป็นอดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา มีความใกล้ชิด เกรงอกเกรงใจ อดีตบอร์ดผู้หนึ่งที่พ้นวาระไป เนื่องจากได้รับการสนับสนุนกันและกันมา โดยอดีตบอร์ดคนเดียวกันนี้ ว่ากันว่า มีสัมพันธ์ที่ดีกับ“บิ๊กโจ๊ก” นั่นเอง
ส่วน “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช.นั้น มีความสัมพันธ์ ใกล้ชิดกับ “พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. ผู้เป็นน้องชายของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และอดีต รองนายกรัฐมนตรี ที่มี “บิ๊กโจ๊ก” คอยทำงานเป็นมือเป็นไม้ให้ ในช่วงเป็นรองนายกฯ
จากสายใยดังกล่าว จึงพอจะเห็นทิศทางว่า ประธาน ป.ป.ช. จะดำเนินการอย่างไรกับ “บิ๊กโจ๊ก”
มติป.ป.ช.ที่ออกมา 4 ต่อ 1 นั้น มีรายงานว่า “พล.ต.อ.วัชรพล-สุวณา-วิทยา-เอกวิทย์” ให้เก็บสำนวนคดีไว้ดำเนินการเอง ส่วน “สุชาติ ตระกูลเกษมสุข” เป็นเสียงข้างน้อย เพียงหนึ่งเดียวที่ให้คืนสำนวนให้ตำรวจไปดำเนินการสอบสวนเพื่อขยายผลทางคดี อย่างเรื่องการฟอกเงิน
จุดยืนของ “สุชาติ”ในครั้งนี้ ต้องขอคารวะในความกล้าหาญ ที่ยืนหยัดในการฟาดฟันกับการทุจริตประพฤติมิชอบ เป็นที่พึ่งหวังของประชาชน เป็น “น้ำดี” ที่เป็นตัวอย่างแก่คนในองค์กร ที่มีหน้าที่ “ป้องกันและปราบปรามการทุจริต” โดยเฉพาะ
จากมติที่ออกมาเช่นนี้ คงพอจะคาดการณ์ได้ว่า สุดท้ายแล้วคดี “บิ๊กโจ๊ก” ในมือป.ป.ช.จะลงเอยอย่างไร
**“ดนัย หมาแก่” ลาจอ...หรือว่ารับบท “หมาแบก” ไม่ไหว!?
เล่นเอาคอข่าวพากันตกอกตกใจเมื่อ “หมาแก่” ดนัย เอกมหาสวัสดิ์ พิธีกรข่าวคนดัง ประกาศกลางรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ว่าต่อไปนี้รายการจะไม่มีหมาแก่ “ให้อะไรต่อมิอะไรมันดีขึ้นนิดนึง เดี๋ยวหมาแก่จะกลับมา”
เท่านั้นเอง เล่นเอาบรรดาแฟนคลับแตกตื่น คิดว่ามีอิทธิพลแทรก หรือไปชนตออะไรเข้า แต่ไม่นานนักก็มีคำชี้แจงจากเจ้าตัวว่า มีปัญหาสุขภาพแค่นั้นเอง ไม่มีอะไรในกอไผ่ตามที่สังคมพากันห่วงใย
เหอะ..หมาแก่จะพูด จะทำอย่างไรก็สุดแต่หมาแก่ แต่แวดวงทราบกันดีว่า แรงกดดันที่หนักหนาที่สุดในช่วงนี้ คาดว่าไม่พ้นภาระกิจ “หมาแบก” กล่าวคือ กระแสข่าวในทางลบที่เกิดขึ้นกับ “เทพโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง
แม้รายการเจาะลึกทั่วไทย โดยนายดนัย มักหาจังหวะออกมาแก้ต่างให้กับนายตำรวจดังอยู่บ่อยๆ แต่กระแส “ตีกลับ”โดยเฉพาะสิ่งที่ขาดหายไปเฉยๆ ไม่มีสื่อรายใดขุดคุ้ยต่อคือ รายชื่อ 4 นักข่าว หรือ อาจเป็น 10 นักข่าว กองเชียร์ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ถูกตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าเกี่ยวพันอะไรกับเว็บพนัน หรือไม่ !?
ย้อนกลับไปปฏิบัติการตำรวจไซเบอร์บุกค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก” เมื่อวันที่ 25 ก.ย.66 หรือราว 5 เดือนที่ผ่านมา การสอบสวนของเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับผู้เรียกรับผลประโยชน์จากเว็บพนันมินนี่ ปรากฏว่า กลุ่มที่ 2 เป็นนักข่าว 4 คน ที่มีอักษรย่อออกมา 3 คือ น.ส. ม นาย ค. และนักข่าว อ.
ต่อมา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวโทรทัศน์ ยอมรับว่าเป็นคนจ่ายเงินให้กับนักข่าวตามชื่อย่อนั้นจริง ครั้งละ 1 หมื่นบาทต่อคน ทำให้พิธีกรข่าวท้วงว่า ไม่เหมาะสม แต่ “บิ๊กโจ๊ก” อ้างว่าไม่ใช่สินบนเป็นเพียงค่าข่าว หรือ ค่าข้าว ตนเป็นคนใจกว้าง เป็นมิตรจิต มิตรใจ เป็นเงินส่วนตัวไม่เกี่ยวเว็บพนัน
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดประเด็นนักข่าวรับเงินค่าข่าว ค่าข้าว ครั้งละ 1 หมื่นบาท จากนายตำรวจคนดังเพื่อช่วยเผยแพร่ข่าวให้นั้น 7 องค์กรวิชาชีพสื่อ อาทิ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุ และโทรทัศน์ไทย สมาคมสภาวิชาชีพกิจการการแพร่ภาพและการกระจายเสียง(ประเทศไทย) ออกมาเรียกร้องให้ต้นสังกัดสื่อ สอบสวน และเปิดเผยชื่อ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ดำเนินการตรวจสอบจริยธรรมวิชาชีพ ส่วนความผิดทางกฎหมายถ้ามี ให้ จนท.ดำเนินการ แต่ปรากฏว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ยังคงเป็นเรื่อง “แมลงวันไม่ตอมแมลงวัน” หรือแม้แต่ นายดนัย หมาแก่ ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดกับประเด็นนี้ อย่างที่ควรเป็น
สำหรับเส้นทางนักข่าวภายใต้ปีก “โจ๊ก หวานเจี๊ยบ” นั้น ในแวดวงข่าวอาชญากรรมต่างทราบกันดีว่าเป็นใคร? ประจำสังกัดไหน หรือแม้แต่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ก็ยอมรับเองว่า ชอบพอกันในฐานะมีพื้นเพอยู่ภาคใต้ด้วยกัน เช่น น.ส.ม. เคยประจำอยู่สงขลา ส่วนนาย ค. เป็นคนจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในแวดวงข่าวสายดาร์ก ทราบกันดีว่า นาย ค. เล่นบทเดินไขว้ 3 ขา มีความสนิทสนมกับนักแฉคนดังในอดีต ที่ขณะนี้กำลังล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งร้าย และยังเป็นคนรับข้อมูลต่างๆ ไปส่งให้รายการข่าวดัง เพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้าม
ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ประเด็นเว็บพนันออนไลน์ หรือข่าวร้อนที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนั้น เรียกว่า นาย ค. นับเป็นคีย์แมนข่าวสำคัญของกลุ่มนี้ก็ว่าได้
วกกลับมาที่ “ดนัย หมาแก่” ที่ตอนนี้เป็น หมามีปัญหาสุขภาพ ต้องประกาศหยุดจัดรายการ เพื่อเข้ารับการรักษาอาการ ที่ว่ากันว่า "ฝืนต่อไปไม่ไหว" แล้ว
เอ้า...ยังไงก็ขอให้หายไวไว ฝืนสังขารไปรักษายังมีวันกลับมาหายดี จัดรายการใหม่ได้ แต่ถ้าฝืนใจเป็น "หมาแบก" ให้ใครบางคน นี่ก็เข้าใจได้ว่ามันหนักหนากว่าเรื่องของร่างกายรักษายากกว่าไหนๆ นะครับนะ.