“เศรษฐา” เยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ต้มไข่บ่อน้ำร้อน ปชช.ถือป้ายต้อนรับคึกคัก ยันลงพื้นที่ 3 วัน ไม่ได้มาโปรโมตเฉยๆ แต่มาแก้ปัญหา ยกปี 68 การท่องเที่ยวไทยใหญ่สุด ปูพรมคิกออฟไตรมาส 4 ที่ จ.เชียงใหม่
วันนี้ (9 มิ.ย.) เมื่อเวลา 14.40 น. ที่ จ.ลำปาง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวและผลิตภัณฑ์ชุมชนของหมู่บ้านแจ้ซ้อน ที่อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน อ.ปาน จ.ลำปาง
เมื่อ นายกฯ เดินทางถึงได้มีประชาชนมอบดอกกุหลาบสีแดงให้กำลังใจ พร้อมผูกผ้าขาวม้า และชูป้ายต้อนรับ โดยมีข้อความ อาทิ มวลชนพี่น้องชาวแจ้ห่มเป็นกำลังใจให้นายกฯ, ชาวแจ้ห่มรักและศรัทธานายกฯในดวงใจ, ฮักแต้หนานายกฯเศรษฐา, เป็นกำลังใจให้ท่านนายกรัฐมนตรี และมี นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร อดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย เข้าไปทักทายและให้กำลังใจนายกฯ
จากนั้น นายกฯ ถ่ายรูปหน้าป้ายลานน้ำพุร้อน ก่อนเดินไปต้มไข่ที่บ่อน้ำร้อน โดยจุ่มชะลอมแขวนลงในบ่อ และเดินเยี่ยมชมบูธผลิตภัณฑ์โอทอป อาทิ ผลิตภัณฑ์ผ้าฝ้ายทอมือย้อมสีธรรมชาติ กลุ่มน้ำมอญแจ้ซ้อน ผ้าปักด้วยมือแจ้ซ้อน ผลิตภัณฑ์กาแฟ กลุ่มกาแฟตั๋วกะหมี สมุนไพรแจ้ซ้อน Herb ข้าวทิพย์ กลุ่มข้าวสายน้ำแร่ เป็นต้น
จากนั้น 15.00 น.นายกฯ ให้สัมภาษณ์ว่า ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน และ จ.ลำปาง ว่า สรุปการลงพื้นที่ในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ก็เป็นการเปิดเมืองที่น่าท่องเที่ยว ถือเป็นจุดสำคัญของเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย โดยเรามาเปิดตัวที่ จ.เชียงใหม่ รัฐบาลพร้อมยกระดับตั้งแต่ต้นน้ำและปลายน้ำ ปัญหาทุกพื้นที่เราจะมีข้อแก้ไข ไม่ใช่แค่มาโปรโมตเฉยๆ อย่างเช่น สถานที่นี้การไปมาหาสู่ก็อาจจะลำบาก แต่เชื่อว่า ถ้ามาแล้วจะคุ้มค่า ถนนที่จะตัดไป จ.เชียงใหม่ ระหว่างทางมีความกว้างน้อยมาก ก็ให้ทางพื้นที่ไปดูว่าจะสามารถขยายถนนได้หรือไม่ ให้ประชาชนจาก จ.เชียงใหม่ ที่จะเดินทางมาที่ จ.ลำปาง มีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ตนเชื่อว่า มาครั้งนี้ได้เนื้องานครบ ทั้งเรื่องการท่องเที่ยว อย่าง จ.ลำพูน ที่ได้ไปดูในเชิงลึกว่าจะทำอย่างไรที่จะปรับปรุงด้านสถาปัตยกรรม พิพิธภัณฑ์ ซึ่งมีศิลปินแห่งชาติอาศัยอยู่เยอะมาก เมื่อดูจากแววตาและน้ำเสียงที่เขานำเสนอ เขาต้องการที่จะพัฒนา จ.ลำพูน จริงๆ เพื่อให้ยกระดับไปอีกชั้นหนึ่ง ทำให้มีคนเข้ามาท่องเที่ยวอีกมากมาย
นายกฯ กล่าวว่า อย่างที่ตนบอกว่า ปีหน้าจะเป็นปีที่ใหญ่ที่สุดของการท่องเที่ยวประเทศไทย เราจะคิกออฟไตรมาส 4 ที่ จ.เชียงใหม่ ให้มีการจัดอีเวนต์ทุกสัปดาห์ ซึ่งจังหวัดข้างเคียงก็ได้มีการพูดคุยกับผู้ว่าการ ททท.และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่า ควรจะต้องมีกิจกรรมเสริมทุกจังหวัดเพื่อที่คนจะมาท่องเที่ยวจะได้อยู่นานๆ มาจับจ่ายใช้สอยและกระจายรายได้ไปสู่ทุกภูมิภาคได้
เมื่อถามว่า ภาพรวมทุกจังหวัดมีศักยภาพ แต่ขาดการโปรโมตและการเชื่อมโยงกับจังหวัดใหญ่ๆ ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ใช่ครับ เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่น ถนนที่แคบเกินไป จะเดินทางมาก็ลำบาก เราก็ต้องมาสนับสนุนตรงนี้
