วันนี้(2 มิ.ย.)นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เดือนมิถุนายนนั้นถือว่าสถานการณ์การเมืองเข้มงวดขึ้น วันนี้พรรคก้าวไกลกำลังลุ้นให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ร่วงไว ๆ เพราะถ้าร่วงก่อนที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบพรรค ก็จะได้เสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคดิเดตนายกรัฐมนตรี เข้าที่ประชุมสภาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนายพิธา ระบุแล้วว่า พร้อมจะเป็นนายกฯหากนายเศรษฐาเพลี่ยงพล้ำ ก็แปลว่า พรรคก้าวไกลก็พยายามแช่งพรรคเพื่อไทยให้นายเศรษฐา หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
นายสามารถ กล่าวต่อว่า แต่พรรคก้าวไกลนั้นวันนี้เหมือนผีถึงป่าช้าแล้ว มีอยู่ 2 ทางเลือก ไม่เผาก็ฝัง เป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยประเด็นนี้ไปแล้ว ซึ่งประเทศไทยคงเป็นประเทศเดียวหรือไม่ ที่มีพรรคการเมืองที่จะล้มล้างการปกครอง เซาะกร่อน บ่อนทําลายสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่ก็ยังเป็น สส.และเป็นพรรคการเมืองอยู่ ทั้ง ๆ ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไปตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.แล้ว รวมถึง กกต ก็ยื่นยุบพรรคไปแล้วด้วยมติเอกฉันท์
“ผมคิดว่าหลังจากที่พรรคก้าวไกลยื่นคำให้การแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญน่าจะลงมติในวันที่ 12 มิ.ย.โดยจะลงมติก่อนศาลจะวินิจฉัยนายเศรษฐา ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ การพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณปี 68 ในวันที่ 19-20 มิ.ย.จะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในสารบบ ผมเชื่อว่าเรื่องนี้มีลุ้น อาจจะมีการเปลี่ยนนายกรัฐมตรีตั้งแต่ พ.ร.บ.งบประมาณ หรือไม่“นายสามารถ กล่าว
นายสามารถ กล่าวต่อว่า การที่มีคนพูดกันว่า หากยุบพรรคก้าวไกลแล้วจะทำให้ยิ่งโตขึ้นนั้น ตนเชื่อว่าทั้งนายพิธาและนายชัยธวัช ไม่กล้าคิดแบบนั้น ถึงแม้ปากจะพูดแบบนั้น แต่ความรู้สึกมันไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะถ้าเขาคิดว่า ยุบพรรคแล้วจะโตขึ้น เขาคงจะรีบให้ยุบตั้งแต่วันที่ 31 ม.ค.แล้ว คงไม่ประวิงเวลาขอเลื่อนมาหลายครั้งเช่นนี้ เพราะการยุบพรรคครั้งนี้มันตัดสิทธินายพิธาและกรรมการพรรคอีกหลายคน อาจรวมถึง 44 คนที่เซ็นแก้มาตรา 112 ด้วย
“ผมไม่เคยเห็นพรรคการเมืองใดที่โดนยุบพรรคแล้วโตขึ้น อย่ามาอ้างว่ายุบพรรคอนาคตใหม่กลายเป็นก้าวไกล และพรรคก้าวไกลได้คะแนนเยอะขึ้น ซึ่งตอนที่ยุบอนาคตใหม่ นายวิโรจน์ลงสมัครผู้ว่า กทม.ได้คะแนนเพียงแค่ 2 แสน ทั้งที่ลงในนามพรรคก้าวไกล หรือการยุบพรรคชาติไทยมาเป็นชาติไทยพัฒนาก็ไม่ได้ใหญ่ขึ้น ยุบพรรคพลังประชาชน วันนี้เพื่อไทยได้คะแนนเท่าไหร่ ไม่ได้เยอะขึ้นกว่าเดิมเลย แต่กลับน้อยลงเรื่อย ๆ นี่คือข้อเท็จจริงที่ปรากฎให้เห็นชัด คอยดูกันว่าวันที่ 12 มิ.ย.ประเทศไทยจะไม่เหมือนเดิม แต่จะดีขึ้นกว่าเดิมแบบก้าวกระโดด”นายสามารถ กล่าว
