วันนี้(2 พ.ค.)นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งตามคำขอพรรคก้าวไกลที่ขอขยายระยะเวลายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา ครั้งที่ 2 ออกไปอีกว่า ตนเคยบอกแล้วว่า มีคนพยายามดึงไม่ให้พรรคก้าวไกลถูกยุบ เพราะถ้ายุบเมื่อไหร่นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน อายุนับถอยหลังได้เลย เหมือนพูดง่าย ๆ ว่า นาฬิกาทรายมันเดินทันที ครั้งที่แล้วพรรคก้าวไกลก็ขอเลื่อนออกไป 30 วัน แต่ศาลอนุญาตให้ 15 วัน ซึ่งถ้าวันนี้จะขยายให้อีก 15 วัน ทำไมครั้งที่แล้วท่านไม่ให้เขา 30 วันไปเลย
นี่คือปัญหา วันนี้มันเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติ หรือไม่อย่างไร
นายสามารถ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยการกระทำของพรรคก้าวไกลและนายพิธา ในเรื่องของการแก้ไขมาตรา 112 เป็นนโยบายหาเสียง บอกว่า เป็นการเซาะก่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ แถมยังบอกว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง ในคำวินิจฉัยต้องมี 2 คำที่ตนพูด ฉะนั้นพฤติกรรมของพรรคก้าวไกลและนายพิธามันเลวร้ายขนาดนี้ ทำไมศาลรัฐธรรมนูญถึงยังไม่ยุบพรรคทั้งที่วันที่ 31 มกรานั้นศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลและนายพิธาเป็นการล้มล้างการปกครองเซาะก่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์และต่อมา กกต.ก็มีมติเอกฉันท์ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล
“เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่วันนี้มันเกิดขึ้นเช่นนี้ได้อย่างไร หลักนิติธรรมต้องไม่ถูกแทรกแซง หรือที่เขาพูดกันว่า มีธง จะเป็นจริง ประเทศชาติจะอยู่ได้ก็ต่อเมื่อ ความยุติธรรมมันตกถึงทุกคน ข้อหาที่พรรคก้าวไกลโดน มันคือการล้มล้างการปกครอง ซึ่งเป็นข้อหาที่รุนแรงมาก ฉะนั้นต้องรีบวินิจฉัย ตัดสิทธิ์ เพิ่อไม่ให้ใครเอาเยี่ยงอย่าง แต่ปรากฏว่า ก่อนหน้านี้ พรรคไทยรักษาชาติ ถูก กกต.ส่งเรื่องไปยังศาลฯ ใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือน ถูกยุบพรรค ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี แล้วในทางกลับกันพรรคก้าวไกลใช้เรื่องนี้หาเสียงมาเป็น 1 ปีแล้ว ยังไม่ถูกยุบเลย ทั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยมีมติ 9:0 ว่าเป็น พฤติกรรมเซาะก่อนบ่อนทำลาย”นายสามารถ กล่าว
นายสามารถ กล่าวต่อว่า วันนี้เกิดเหตุการณ์ไม่ปกติหรือไม่อย่างไร ถ้าวันนี้เราคนไทยในฐานะที่ต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือปกป้องกระบอกการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะต้องไม่ให้ใครมาทำพฤติกรรมเช่นนี้
ศาลรัฐธรรมนูญต้องรวดเร็ว ตนไม่เข้าใจว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา แถมยังมีประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญนั้นผูกพันทุกองค์กร รวมไปจนถึง กกต. กกต.จึงต้องยื่นยุบพรรค ดังนั้นคำพิพากษานั้นไม่ผูกพันรวมถึงศาลรัฐธรรมนูญหรือ ???? ตนแปลกใจว่าทำไมต้องรอพรรคก้าวไกลชี้แจง เพราะท่านก็เห็นอยู่ว่า พรรคก้าวไกล ไม่เคยคิดจะเตรียมเอกสารชี้แจงเค้าเดินไปหาเสียง ไปเล่นน้ำสงกรานต์อย่างสบายใจ พอถึงวันนัดก็ขอเลื่อน แล้วท่านก็ให้เขาเลื่อน เหมือนเป็นลิเกโรงใหญ่หรือไม่ ??
“ผมเคยบอกว่า เมื่อยุบพรรคก้าวไกลแล้ว มันจะลามไปเรื่องอื่น ก็คือ ถ้าก้าวไกลถูกยุงปุ๊บ สมาชิกของพรรคก้าวไกลก็จะไปทวงถามว่า ทำไมไม่ยุบพรรคภูมิใจไทย เพราะศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยคุณศักดิ์สยาม ชิดชอบ ก่อนคดีของนายพิธาและพรรคก้าวไกลอีก จึงเป็นความกดดันไปที่ กกต.และยังมีในคำร้องของมาตรา 49 เรื่องสิทธิเสรีภาพ มันก็จะกลายเป็นบรรทัดฐานที่พรรคเพื่อไทยก็พูดเหมือนก้าวไกล ในเรื่องของการลดโทษ ในเรื่องของการประกันตัวที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 ซึ่งเรื่องเหล่านี้อยู่ในคำพิพากษาศาลรัฐธรรนูญวันที่ 31 ม.ค.ทั้งสิ้น ฉะนั้นถ้าเทียบเคียงแล้ว หากยุบพรรรก้าวไกล พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทยก็จะถูกยุบตามไปด้วย ซึ่งสมการทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยจะถูกเปลี่ยน นายกฯก็จะถูกเปลี่ยน“
นายสามารถ กล่าวทิ้งท้ายว่า นี่คือกระบวนการช่วยเหลือกันหรือไม่ อย่างไร ประชาชนต้องคิดต่อ คิดวิเคราะห์ แยกแยะ แล้วลองดูว่า มันเป็นอย่างที่เราเชื่อหรือไม่ ก็ขอให้ช่วยกันแชร์คลิปนี้ พร้อมตั้งคำถามว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะให้พรรคก้าวไกลเลื่อนอีกกี่ครั้ง ถ้าเป็นคนปกติจะให้เลื่อนเช่นนี้หรือไม่ และนี่คือการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ เพราะก่อนนี้พรรคไทยรักษาชาติไม่เคยได้รับโอกาสแบบพรรคก้าวไกล ???