xs
xsm
sm
md
lg

“โรม” เหน็บ “เศรษฐา-เพื่อไทย” ไหนบอกว่าพร้อมบริหารประเทศ กลับต้องพึ่ง "วิษณุ" ที่เคยด่าไว้เยอะ เชื่อดึงมาเพื่อช่วยคดีตัวเอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“รังสิมันต์ โรม” เหน็บ “เศรษฐา-เพื่อไทย” ด่า “วิษณุ”ไว้เยอะ กลับมาขอให้ช่วยงาน แสดงว่าขาดมือกฎหมาย ต้องไปพึ่งเนติบริกรคนเดิม เย้ยไหนบอกว่าพร้อมบริหารประเทศ สุดท้ายก็เหล้าเก่าในขวดใหม่ เชื่อดึงมาช่วยคดีตัวเอง ชวนสังคมคิด “เศรษฐา” ยังมีเครดิตหรือไม่ 

วันที่ 31 พ.ค.67 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เดินทางมาประชุม ร่วมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติหรือ สมช. ในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคงฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ว่า วันนี้ จะมีการประชุมถึงการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งการลักลอบใช้ไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ต และพูดคุยถึงมิติความมั่นคงในด้านอื่นๆ ทั้งความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สถานการณ์ในเมียนมา ที่มีความท้าทายมาก ทั้งนี้ ตนไม่เคยมาประชุมที่ สมช. ซึ่งมาวันนี้ ต้องมีการประสานทำงานร่วมกัน ให้เกิดประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นโดยอยากเห็น สมช. เสนอแผนด้านความมั่นคงที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมต่อรัฐบาลอย่างจริงจังซึ่ง กมธ. ก็มีข้อเสนอหลายอย่าง เรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณด้วยเพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมีการพิจารณาไปแล้วเมื่อวานนี้
 
นายรังสิมันต์ มองกรณีที่นายเศรษฐาทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ ว่า แล้วที่ผ่านมาคืออะไร แน่นอนว่ามีข้อเท็จจริงมาตลอดในเรื่องของปัญหาด้านกฎหมายต่างๆ แสดงว่าสิ่งที่หลายหลายฝ่ายในสังคมตั้งคำถามว่าทางพรรคเพื่อไทยขาดมือกฏหมาย ขาดมือที่ให้คำแนะนำเรื่องกระบวนการระบบราชการเพื่อผลักดันนโยบายอาจจะขาดจริงๆ แสดงว่าเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องใช่หรือไม่ จึงเป็นในลักษณะว่าไม่รู้จะเอาใครแล้วจึงยืมมือนายวิษณุเหมือนเดิม
 
“พูดง่ายๆ กลายเป็นว่ารัฐบาลประยุทธ์ก็ยืมมืออาจารย์วิษณุ รัฐบาลเศรษฐาก็ยืมมืออาจารย์วิษณุ สุดท้ายกลายเป็นว่าไหนบอกว่ามีความพร้อมการบริหารงานบริหารประเทศ สุดท้ายก็เหล้าเก่าในขวดใหม่ ไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิมเลย สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลเศรษฐา ขาดความเป็นเอกภาพและไม่ได้มีความพร้อมในด้านการบริหารงานอื่นๆ สุดท้ายก็ต้องยืมมืออาจารย์วิษณุที่มีส่วนการสนับสนุนและมีส่วนช่วยเหลือ พล.อ.ประยุทธ์มา จึงมองว่าไม่ควรเป็นอย่างนั้นเลย”

นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่าเรื่องกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญอยู่แล้วเป็นเรื่องใหญ่และอาจเกิดคำถามว่าที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายหรือไม่ และที่ผ่านมาจะเห็นว่านายเศรษฐา และพรรคเพื่อไทยวิพากษ์วิจารณ์นายวิษณุ ไว้หลายโอกาส พอถึงเวลากลายเป็นว่าเรื่องเหล่านั้นไม่เคยเกิดขึ้น กลับใช้คำว่าเป็นเรื่องของความ ไม่ใช่เรื่องของคน ก็เป็นวิธีการที่จะหลีกเลี่ยงกันไป สุดท้ายเอาเข้าจริงก็ไม่ใช่เรื่องแค่กฎหมายภายใต้ การบริหารงานใน ครม.หรือไม่ไกลว่าสุดท้ายอาจเป็น เพราะนายเศรษฐาถูกดำเนินคดีใช่หรือไม่ เพราะตัวเองถูกแขวน อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญหรือเปล่า ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าตนที่นายเศรษฐาโดนแต่คิดว่าการเมืองควรจะแก้แก้การเมือง

“แต่ปัญหาก็คือว่าจุดนั้นหรือไม่ที่มีความพยายามจะเชิญนายวิษณุเข้ามา อาจเป็นเรื่องนี้หรือไม่ จึงเชื่อว่าสังคมจำนวนไม่น้อย ก็อาจตั้งคำถามว่าการที่อาจารย์วิษณุเข้ามาอาจมีภารกิจเพื่อช่วยให้นายเศรษฐารอดจากคดีในศาลรัฐธรรมนูญ”
 
สื่อถามอีกว่า แสดงว่านายโรมมองว่าการเชิญนายวิษณุเข้ามาไม่ได้แค่เข้ามาช่วยกลั่นกรองวาระที่จะเข้า ครม. เท่านั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจว่าสุดท้ายในทางปฏิบัติจะทำได้แค่ไหน เพราะอาจารย์วิษณุ มีสุขภาพที่ไม่ดีมากๆ การจะช่วยในสถานะจะช่วยได้แค่ไหน 100% หรือไม่ อีกส่วนหนึ่งมองว่านายเศรษฐาไม่มีความไว้วางใจต่อฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยอีกแล้วสุดท้ายไม่รู้จะหาทางออกยังไงจึงต้องไปยืมมือเนติบริกรที่มีผลงานมาในหลายรัฐบาลคือนายวิษณุ พูดง่ายๆ เป็นการการันตีของแท้ ประมาณนั้น
 
ส่วนการตั้งนายวิษณุครั้งนี้ จะกระทบต่อเครดิตของนายเศรษฐาและพรรคเพื่อไทย การเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายรังสิมันต์ ถามกลับสื่อว่า ต้องถามว่านายเศรษฐายังมีเครดิตมากแค่ไหน ขอเป็นแค่การชวนคิดไม่อยากไปคอมเม้นต์มากวันนี้สังคมต้องมองว่ารัฐบาลของพรรคเพื่อไทยและจับมือกับหลายพรรค การเมืองที่ร่วมรัฐบาลมากับพลเอกประยุทธ์มาก่อน และเป็นพรรคของลุงตู่ด้วยซ้ำไป พอมาวันนี้ ก็ยังมาตั้งนายวิษณุ ถึงแม้จะเป็นที่ปรึกษาของนายกฯ แต่ก็ยอมรับว่ามีบทบาทคล้ายรองนายกฯ ก็กลายเป็นว่าสุดท้าย เรื่องนี้ทำให้สังคมรู้สึกว่า รัฐบาลนี้ก็ไม่ต่างกับรัฐบาลเดิม และที่เคยพูดเอาไว้ว่ามีความพร้อมในการบริหารงาน ตกลงยังมีความพร้อมจริงหรือเปล่า สุดท้ายก็จะเกิดคำถามในเรื่องความเป็นเอกภาพภายในพรรคเพื่อไทยว่าตกลงนายเศรษฐาไม่เชื่อมือนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.และฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยหรือไม่

นายรังสิมันต์ กล่าวว่าไม่คิดว่ากรณีเหล่านี้ของพรรคเพื่อไทยจะกลายเป็นผลดี ทำคะแนนให้กับพรรคก้าวไกล โดยคิดว่าพรรคก้าวไกลโฟกัสในเรื่องการทำงานทั้งเรื่องการทำงานในกรรมาธิการ การเป็น ส.ส. เป็นบุคลากรของพรรคก้าวไกล ก็พยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดไม่ได้รอว่าใครก้าวพลาดพลั้งอะไร แต่สนใจเรื่องการทำงานของตนเองดีกว่า แต่ถ้าเราพิสูจน์ออกมาแล้วเป็นประโยชน์และประชาชนให้เครดิตกับเราซึ่งเชื่อว่าจะดีต่อพรรคก้าวก่ายทั้งระยะสั้นและระยะยาวเอง


กำลังโหลดความคิดเห็น