xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อ“ดีล”ของทักษิณถูกสั่นคลอน ทางออกของฝ่ายอนุรักษ์อยู่ที่ไหน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

ในที่สุดอัยการสูงสุดคำสั่งฟ้องทักษิณ ในคดีมาตรา 112 หลังจากทักษิณยื่นขอความเป็นธรรมในประเด็นที่พูดพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ประเทศเกาหลีใต้ในระหว่างที่ยังหลบหนีคดีอยู่ที่ต่างประเทศ น่าสนใจว่าจากนี้ศาลจะให้ประกันหรือไม่เพราะทักษิณเคยมีพฤติกรรมเคยหลบหนีคดีมาก่อน หรือทักษิณจะอยู่ถึงวันนัดหมายส่งฟ้อง 18 มิถุนายนไหมหรือจะหลบหนีไปอีกครั้ง

ประเด็นสำคัญที่ต้องปุจฉาก็คือ “ดีล” ที่เชื่อกันว่ามีระหว่างทักษิณกับผู้มีอำนาจนั้นจะผันแปรไปอย่างไร


ก่อนหน้านี้หลังออกจากคุกทักษิณเริ่มเคลื่อนไหวหนักขึ้น แม้จะมีสถานภาพเป็นนักโทษผู้ได้รับการพักโทษ และยังต้องไปรายงานตัวต่อกรมคุมประพฤติทุกเดือนจนกว่าจะพ้นโทษ พรรคเพื่อไทยก็คงคาดหวังว่า ทักษิณนี่แหละที่จะมากอบกู้พรรคที่พ่ายแพ้ต่อพรรคก้าวไกลไปแบบเหนือความคาดหมายในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่ดูผลโพลของสถาบันพระปกเกล้าล่าสุดแล้วกลับมีแนวโน้มว่าจะพ่ายแพ้หนักยิ่งกว่าเก่า

แม้จะมีคนที่ยังภักดีกับทักษิณ ยังมีคนไปยกป้ายเชียร์และให้กำลังใจเวลาลงพื้นที่ แต่นั่นคงเป็นแรงเฉื่อยที่กำลังจะโรยแรง คือวงรอบของทักษิณยังหมุนอยู่แต่ก็คงจะอ่อนแรงเต็มทีแล้ว มิหนำซ้ำภาพของกระบวนการยุติธรรมไร้มาตรฐานที่ช่วยกันให้ทักษิณไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียวนั้นมันยิ่งบั่นทอนวิกฤตศรัทธาของสังคมไทยต่อความเชื่อมั่นในสถาบันที่เป็นโครงสร้างหลักของประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งกระบวนการยุติธรรม ก็ยิ่งทำแต้มให้พรรคก้าวไกลที่ชูธงเปลี่ยนโครงสร้างและรื้อล้างสังคมไทยมากยิ่งขึ้น

ดังนั้นโพลของสถาบันพระปกเกล้าที่ออกมาว่า เมื่อนำตัวเลขประมาณการที่นั่งที่พรรคการเมืองแต่ละพรรคมีโอกาสได้รับจากการเลือกตั้งทั้งสองระบบคือระบบเขตและบัญชีรายชื่อมารวมกัน พบว่า หากมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเวลานี้ พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่มีโอกาสได้ที่นั่งมากที่สุด รวม 208 ที่นั่ง รองลงมาเป็นพรรคเพื่อไทย 105 ที่นั่ง พรรคภูมิใจไทย 61 ที่นั่ง พรรครวมไทยสร้างชาติ 34 ที่นั่ง พรรคพลังประชารัฐ 30 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ 22 ที่นั่ง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 ที่นั่ง และพรรคประชาชาติ 9 ที่นั่ง ตามลำดับ ส่วนที่นั่งที่เหลือจะกระจายไปยังพรรคการเมืองอื่น ๆ รวม 21 ที่นั่ง ตัวเลขนี้อาจจะไม่ไกลจากความเป็นจริง

แต่อย่าลืมว่า นี่เป็นบรรยากาศที่รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยเพิ่งจะบริหารประเทศมาได้ไม่ถึงปี ถ้าหากครบ 4 ปีแล้ว โอกาสที่จะเพิ่มความนิยมให้พรรคก้าวไกลก็จะยิ่งมีมาก เพราะพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านยังไม่ได้ลงมือทำย่อมง่ายกว่าที่จะหยิบฉวยติติงตีกินเอาประโยชน์ ในขณะที่รัฐบาลที่เป็นฝ่ายลงมือทำย่อมจะมีโอกาสที่ผิดพลาดมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของทักษิณที่ท้าทายความถูกต้องดีงามทั้งมวลที่จะกลายเป็นยิ่งเพิ่มคะแนนให้พรรคก้าวไกล

และหากพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งถึงสองครั้งแล้วยังไม่ได้เป็นแกนนำรัฐบาลก็อาจจะนำความวุ่นวายมาสังคมไทยเช่นเดียวกัน ซึ่งก็อาจเป็นสัญญาณว่าความพยายามที่จะทัดทานความร้อนแรงของพรรคก้าวไกลนั้นอาจจะยังเหลือเวลาและเรี่ยวแรงของฝ่ายอนุรักษนิยมและอำนาจเก่าอยู่ได้อีกไม่นานนัก

หลังออกจากคุกความลำพองของทักษิณที่คิดว่า ถือดีลที่จะนำพาอำนาจเก่าและเครือข่ายอนุรักษนิยมเพื่อรับมือกับพรรคก้าวไกลนั้นดูแล้วมีแต่จะนำพาไปสู่เส้นทางที่ถดถอยมากยิ่งขึ้น เพราะทักษิณยังเป็นทักษิณคนเดิมที่เมื่อมีอำนาจแล้วก็ใช้อำนาจอย่างไม่บันยะบันยัง ทักษิณไม่แคร์สังคมไทยและกระบวนการยุติธรรมที่พังทลายย่อยยับลงเพราะช่วยกันอุ้มตัวเองไม่ให้ต้องติดคุก แต่กลับยิ่งแสดงให้เห็นเหมือนกับท้าทายว่า ข้าไม่ติดคุกแล้วเอ็งจะทำไม ใครจะมาทำอะไรข้าได้ ความรู้สึกและท่าทีของทักษิณที่แสดงให้เห็นมันสะท้อนออกมาอย่างนั้น กลายเป็นการเหยียบย่ำหัวใจของคนจำนวนมาก และยิ่งจะทำให้คนกลางๆ หันไปเทคะแนนให้พรรคก้าวไกลมากยิ่งขึ้น แม้แต่ฝ่ายอนุรักษนิยมไม่น้อยที่เปลี่ยนใจตัวเอง

การย่ามใจตั้ง พิชิต ชื่นบาน ทนายถุงขนม มาเป็นรัฐมนตรีก็คงเป็นบัญชาของทักษิณที่ต้องการตอบแทนคนที่จงรักภักดี และทักษิณคงจะถือดีว่ามี “ดีล” อยู่ในมือ คิดว่าคงไม่มีใครกล้าขัดใจ แต่แล้ว 40 ส.ว.ก็แสดงให้ทักษิณเห็นว่า อย่าย่ามใจจนเกินไป เพราะประเทศนี้ไม่ใช่ของทักษิณคนเดียว และแสดงให้เห็นว่า พลังของฝ่ายที่ต่อต้านทักษิณยังมีอยู่ อย่าคิดว่าถือ”ดีล”อยู่แล้วจะทำอะไรก็ได้ในประเทศนี้

พลังของฝ่ายอนุรักษนิยมที่ไม่เอาทักษิณและไม่ไว้วางใจทักษิณยังมีอยู่แน่ แม้จะไม่แข็งแกร่งเหมือนเก่า แต่ทักษิณก็คงไม่กล้าประมาทอีก ถ้าได้เรียนรู้บทเรียนเก่ามาบ้าง เพราะในอดีตนั้นความพ่ายแพ้ของทักษิณจนต้องพลัดแผ่นดินก็เพราะดูแคลนฝ่ายตรงข้ามของตัวเอง และมั่นใจในพลังของตัวเองและมวลชนของตัวเองจนมากเกินไปนั่นเอง แต่ถ้าดูถึงตอนนี้ก็เหมือนกับทักษิณยังไม่สำนึกกับบทเรียนในอดีตเลย

 การลุกขึ้นมาของ 40 ส.ว.ยังสะท้อนให้เห็นว่า “ดีล” ของทักษิณนั้นไม่ใช่ฉันทานุมัติของฝ่ายอนุรักษนิยมทั้งหมด หรือไม่ก็มีอีกหลายคนไม่เชื่อว่า การ “ดีล” กับทักษิณนั้นจะเป็นทางออกของสังคมไทย หรือกระทั่งไม่เชื่อว่า ทักษิณจะมีความภักดีและจริงใจกับเจ้าของดีล ถ้าใครไปย้อนคำพูดเก่าๆ ของทักษิณที่แสดงความเหิมเกริมออกมาทั้งในตอนที่อยู่ในอำนาจและอยู่ในต่างแดนก็อาจจะคิดได้ว่าไม่อาจไว้วางใจทักษิณได้เลย

รวมไปถึงข่าวคราวการไปพบกันของธนาธรและทักษิณที่ฮ่องกงก่อนที่ทักษิณจะกลับมา และบทบาทของพรรคก้าวไกลที่แสดงบทของฝ่ายค้านได้อย่างไม่สมน้ำสมเนื้อและมีท่าทีที่พยายามหลีกเลี่ยงที่จะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลเพื่อไทยอย่างตรงไปตรงมา

 และเมื่อทักษิณถูกสั่งฟ้องในคดี 112 แล้ว จะทำให้ข้อตกลงใน “ดีล” เปลี่ยนแปลงไปไหม หรือว่า พรรคเพื่อไทยจะหันไปจับมือกับพรรคก้าวไกลที่ต้องการให้มีการนิรโทษกรรมมาตรา 112 ในความผิดทางการเมืองด้วย เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยเอาด้วยทักษิณก็จะได้อานิสงส์พ้นผิดไปด้วย

หากถามว่า เกมที่ทักษิณถูกบ่วงมาตรา 112 รัดคออยู่นั้นจะส่งผลดีต่อฝ่ายอนุรักษนิยมไหม คำตอบคือไม่ เพราะวันนี้กำลังของฝ่ายอนุรักษนิยมนั้นไม่อาจต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้เลยทั้งในและนอกสภา ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่า การเชื่อมั่นใน “ดีล” ของทักษิณนั้นทำให้เขาลำพองและไม่ได้ส่งผลดีอะไรต่อฝ่ายอนุรักษนิยมเลย และทำให้คนจำนวนมากยิ่งอยากเห็นความเปลี่ยนแปลงเพื่อให้หลุดพ้นจากการเมืองเก่ามากขึ้นด้วยซ้ำไป

บางคนนึกไปว่าต้องรัฐประหารอีก ไม่ต้องไปแคร์โลกและสังคม แต่ถามว่า รัฐประหารแล้วยังไง รัฐบาลประยุทธ์อยู่มา 9 ปีแล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร มันจะหยุดวันเวลาได้หรือ อะไรที่ตั้งมั่นอยู่ได้ก็อาจจะพังครืนลงมาทันใด ที่พรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งและพรรคฝ่ายอนุรักษนิยมพ่ายแพ้อย่าย่อยยับไม่ใช่เพราะพล.อ.ประยุทธ์หรอกหรือ พูดแบบนี้อาจจะไม่ถูกใจคนรักลุงตู่ แต่ถ้าคิดว่าไม่ใช่แล้วคิดว่าเป็นเพราะอะไรถึงแพ้กันขนาดนี้ก็อภิปรายมา

จริงแล้วผมก็ไม่เชื่อหรอกว่า พรรคก้าวไกลจะเข้ามาบริหารประเทศแล้วจะทำให้ประเทศดีขึ้นกว่าเดิม มิหนำซ้ำยังกลัวว่า ประเทศไทยไม่เหมือนเดิมที่พวกเขาประกาศก้องนั้นจะนำพาประเทศไทยแย่ลงไปยิ่งกว่าเก่า เมือเห็นหนทางที่พวกเขาจะนำพาประเทศไป บุคลากรที่อยู่ในพรรคของพวกเขา และคนที่ซ่อนตัวอยู่เบื้องหลัง แต่การรับมือกับพรรคก้าวไกลที่ฝากความหวังไว้กับทักษิณนี่แหละที่จะนำพาชัยชนะของพรรคก้าวไกลให้มาถึงเร็วขึ้น กว่าจะรู้ตัวก็อาจจะสายเกินจะแก้ไขแล้ว

 แต่หาก “ดีล” ขาดสะบั้นก็ยังมองไม่เห็นหนทางเหมือนกันว่า ฝ่ายอนุรักษนิยมจะรับมือกับความร้อนแรงของพรรคก้าวไกลที่ท้าทายระบอบของรัฐอย่างไร

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น