ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ดรามาไล่หลัง “กฤษฎา” ไขก๊อก “จุลพันธ์” เชื่อ“พิชัย” แบ่งงาน เหมาะสม ขรก.คลัง ไม่สะเทือน ?!
ดรามามาตั้งแต่มีข่าวว่าจะลา แล้วก็ลาออกจริงๆ ตามกระแส พอหลังจากลงจากเก้าอี้ก็ทิ้งประเด็นให้ดรามากันต่อ สำหรับ "กฤษฎา จีนะวิจารณะ" ที่ตอนนี้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยคลัง กลายเป็นอดีตไปเรียบโร้ย
ดรามาที่ว่า นั่นหรือก็คือ เหตุผลในหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งของกฤษฎาที่ส่งถึง "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรีที่ถูกเปิดออกมาโดยความตอนหนึ่งว่า...
“เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยมีแนวคิดในการทำงานที่แตกต่างกัน รวมทั้งการไม่ให้เกียรติต่อกันในการปฏิบัติงานอย่างเหมาะสม กระผมจึงเห็นว่าคงไม่สามารถที่จะทำงานร่วมกันให้เกิดประโยชน์แก่เศรษฐกิจของประเทศต่อไปได้”
ประเด็นนี้ ทำให้สปอร์ตไลต์ ส่องไปที่ " พิชัย ชุณหวชิร" ขุนคลังคนใหม่ป้ายแดงโดยพลัน เพราะคำ "ไม่ให้เกียรติ" และ "ความคิดต่าง" หากถูกตีความไปในทางลบ “พิชัย” ดูเหมือนจะเป็น "ผู้ไม่ดี" ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ถ้ามองอย่างเป็นธรรมโดยหลักเมื่อเป็นเบอร์ 1 ของกระทรวงฯ ย่อมเป็นเรื่องปกติที่จะจัดการบริหารงานได้เต็มที่
นี่ไม่นับว่า“พิชัย ชุณหวชิร”นั้นมาจากภาคธุรกิจเอกชน เคยเป็นประธานกรรมการบางจาก ประธานตลาดหลักทรัพย์ฯ
ส่วน “กฤษฎา จีนะวิจารณะ” ตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่จะขึ้นเป็นรัฐมนตรีช่วยคลัง คือ ปลัดกระทรวงการคลัง ทั้งชีวิตอยู่กับวงราชการมาตลอด
ระหว่างข้าราชการกับนักธุรกิจ เป็นธรรมดาที่แนวทางการทำงานต่างกัน ไม่น่าเป็นประเด็นดรามาได้ ซึ่ง “กฤษฎา” ที่ระบุเหตุผลนี้ไว้ในหนังสือ ย่อมมีเจตนาอะไรซ่อนเร้นอยู่ จึงไม่พูดตรงๆ ออกมาหรือเปล่า !?
ข้าราชการในกระทรวงคลัง เขาหยิบเอาไปเมาต์มอยว่า เหตุผลจริงไปก็คือ “น้อยใจ” ดูออกที่ไม่ได้แบ่งงานตามที่หวัง ซึ่งก็อีกนั่นแหละ เจ้าตัวก็น่าจะยอมรับได้ เพราะที่รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ อีกสองคนล้วนมาจากพรรคเพื่อไทย ทำงานสอดประสานกันอยู่แล้ว
เรียกว่าไม่มีประเด็นพอที่จะทำให้เป็นเรื่องขึ้นมาได้ จึงเป็นข้อสงสัยที่ใครๆ ก็อยากรู้เหตุผลที่แท้จริงของ อดีต รมช.คลัง ทิ้งทุ่นจากกระทรวงด้วยสาเหตุใดกันแน่ !?
รวมไปถึงเหตุผลในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่เหมือนกับใครๆ ก็พากันเก็บของออกจากพรรคกันในช่วงนี้พอดี
"จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รัฐมนตรีช่วยคลัง ที่อยู่มาพร้อมๆ “กฤษฎา” บอกล่าสุดจนถึงตอนนี้ ยังไม่ได้พูดคุยกันแต่อย่างใด และไม่รู้สึกตกใจกับดรามา ที่เกิดขึ้น
ขณะที่เหตุผลการลาออกของ “กฤษฎา” ที่ว่าขุนคลังคนใหม่ "ไม่ให้เกียรติ" และ "แนวทางต่างกัน" นั้น จุลพันธ์ ส่ายหัว ไม่เห็นหนังสือ รู้เพียงจากสื่อ แต่ก็ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ เพราะจดหมายลาออกไม่ผ่านโต๊ะตัวเอง
สุดท้ายยืนยันว่า การลาออกของ “กฤษฎา” จะไม่มีแรงเขย่าไปถึงข้าราชการประจำ ซึ่ง “จุลพันธ์” ย้ำว่าข้าราชการกระทรวงการคลัง ทำงานอย่างมืออาชีพอยู่แล้ว
เอ..แล้วกรณี “กฤษฎา” ที่เคยเป็นอดีตข้าราชการกระทรวงการคลังมาทั้งชีวิต และเป็นถึงปลัดกระทรวงฯ จัดว่าทำงานอย่างมืออาชีพด้วยมั้ย!? ทั่นจุลพันธ์
** “บิ๊กแจ๊ส” นายกอบจ.ปทุมฯ ลาออกแล้วสมัครใหม่ เดี๋ยวรู้แดงของแทร่ จะเลือกใคร
ในแวดวงการเมืองท้องถิ่นถือว่า ฮือฮาพอสมควร เมื่อนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดถึง 3 คน ประกอบด้วย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง หรือ “บิ๊กแจ๊ส” นายกอบจ.ปทุมธานี พล.ต.อ.สมศักดิ์ จันทะพิงค์ นายกอบจ.นครสวรรค์ และ นายสุรเชษ นิ่มกุล นายกอบจ.อ่างทอง ประกาศลาออก ทั้งที่เหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะครบวาระ
เหตุผลที่ยกมาอ้างคือ ในช่วงฤดูฝนที่จะมีน้ำหลาก เป็นช่วงเวลาใกล้เคียงกับการเลือกตั้งผู้บริหารท้องถิ่น ทำให้ไม่สามารถอนุมัติงบประมาณ เพื่อช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากอาจผิดกฎหมายเลือกตั้งฯ จึงเลือกที่จะลาออก
อย่างไรก็ตาม การลาออกของทั้งสามคน ถูกมองว่าแฝงนัยทางการเมือง เพราะในการเลือกตั้งใหญ่ที่ผ่านมา ทั้งสามจังหวัดกำลังถูกกระแส “สีส้ม” รุกหนัก
โดยเฉพาะที่ จ.ปทุมธานี พรรคก้าวไกลได้ส.ส. 6 คน จากทั้งหมด 7 คน ที่ จ.อ่างทอง พรรคก้าวไกล ได้คะแนนบัญชีรายชื่อถึง 66,558 คะแนน และที่ จ.นครสวรรค์ พรรคก้าวไกล ได้คะแนนบัญชีรายชื่อมากที่สุด ถึง 210,202 คะแนน
แบบนี้นักการเมืองท้องถิ่นก็นั่งไม่ติด ต้องหาทางแก้เกมด้วยการลาออก เพื่อให้เกิดการเลือกตั้งใหม่ ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าตัวเองมีโอกาสชนะอีกครั้ง จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
การเลือกตั้งรอบพิเศษนี้ กำหนดเปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 13-17 พ.ค. แล้วไปเลือกตั้งกัน วันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย.67
วันวาน “บิ๊กแจ๊ส” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ก็ไปสมัครเพื่อลงชิงตำแหน่งเดิม ที่ตัวเองเพิ่งลาออกไป ได้หมายเลข 3 ขณะที่ “ชาญ พวงเพชร์” อดีตนายกอบจ.ปทุมธานี 3 สมัย มาลงชื่อสมัครเป็นคนแรก ได้เบอร์ 1 ส่วน “อธิวัฒน์ สอนเนย” ได้หมายเลข 2
งานนี้มีกองเชียร์ทั้งเสื้อส้ม เสื้อแดง ผู้พิการนั่งรถวีลแชร์ มาชูป้าย โดยกองเชียร์ของ “บิ๊กแจ๊ส” นั้นมีจุดขายว่ากลุ่มตนเองเป็น "แดงขอแทร่" ขอกลับมาสานงานต่ออีกสมัย
“บิ๊กแจ๊ส” บอกว่า ชีวิตที่เหลือเพื่อชาวปทุมธานี ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น อยากให้โครงการที่ทำไว้ มีความต่อเนื่อง หลายสิ่งหลายอย่างที่ได้ต่อสู้กันมา 3 ปี 3 เดือน ทุกอย่างมีการวางแผน เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ หากปล่อยให้เหตุการณ์ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ประสบภัย สิ่งที่ทำที่ผ่านมา ถือเป็นการเยียวยา เป็นการป้องกัน เช่น ปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้น ใครไม่เคยเจอน้ำท่วมไม่รู้หรอก ในปี 54 น้ำท่วมใหญ่ พี่น้องชาวปทุมธานี เดือดร้อนเยอะ ในปี 64 ปี 65 ปี 66 เราก็วางแผนป้องกัน แม้น้ำจะมาแค่ไหน เราก็ผ่านพ้นมาได้ สู้กับโรคระบาดมา เราได้ผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 มาด้วยกัน พี่น้องประชาชนชาวปทุมธานีเสียชีวิตกันมาก เผาศพจนเมรุระเบิด แต่เราก็ผ่านพ้นมาได้ เป็นการเอาวัคซีนซิโนฟาร์มมาฉีดให้
วันนี้เข้ามาสมัครชิงตำแหน่งนายก อบจ. เพื่อสานงานต่อ ฝากพี่น้องประชาชนขอให้ไว้ใจผม เราจะใช้สโลแกนในการหาเสียงครั้งนี้ว่า “NEXTปทุมธานี” ปทุมธานีต้องไปต่อ และต้องไปต่อกับผม คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ชีวิตที่เหลือเพื่อปทุมธานี
สำหรับการเลือกตั้ง นายกอบจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.63 “พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” ได้คะแนนเสียงจากประชาชน 252,499 คะแนน ส่วน “ชาญ พวงเพ็ชร์” ได้ 222,211 คะแนน
ก็ต้องติดตามกันว่า วันอาทิตย์ที่ 30 มิ.ย.นี้ “แดงของแทร่” ปทุมธานี จะเลือกใคร!!