ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “ข้าว 10 ปี” ไปต่อหรือพอแค่นี้!? “เฮียอ้วน” ไม่ให้ราคาผลตรวจ“อาจารย์อ๊อด” พ้อโดนให้ร้ายจนกระทบภาพลักษณ์ “ข้าวไทย” วอนหยุด“อคติ” ชี้นำความจริง
ยังคงดรามาไม่เลิก กรณี“ข้าวเก่า 10 ปี” มรดกโครงการรับจำนำข้าวสมัย ”รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ซึ่งเหลืออยู่ 2 โกดังสุดท้าย ที่ทางกระทรวงพาณิชย์ โดย “เฮียอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ตั้งใจจะนำออกมาประมูลขาย นำรายได้กลับคืนคลัง
ทว่าในการลงพื้นที่ตรวจสอบ และมีการทดลองนำมาหุงกิน ปรากฏสีสันของข้าวที่ออกไปทางเหลืองๆ ไม่ค่อยน่าอภิรมย์ แถมต้องซาวกันถึง 15 น้ำ จนถูกร้องทักว่าอาจมีอันตราย แต่ “เฮียอ้วน ชวนชิม” ก็ยืนยันว่ารับประทานได้ แถมยังหอบมาหุงให้ “นายกฯนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลองรับประทานถึงทำเนียบรัฐบาล อีกด้วย
ซึ่งทั้ง “นายกฯนิด-เฮียอ้วน” ก็ประสานเสียงว่า สามารถรับประทานได้ตามปกติ แม้จะสีไม่สวย และไม่ค่อยมีกลิ่นหอมของข้าวก็ตาม พร้อมย้ำว่าหากมีการนำออกมาจำหน่ายจริง ก็ต้องตรวจสอบคุณภาพโดยละเอียดอีกครั้ง
แต่ในขณะที่หน่วยงานภาครัฐยังไม่ได้เริ่มทดสอบ ก็มีสื่อบางสำนักนำตัวอย่าง “ข้าว10 ปี” ไปให้ทาง "อาจารย์อ๊อด" รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ทำการทดสอบเบื้องต้น ปรากฏผลที่ออกมาไม่สู้ดี พบว่า มี “สารก่อมะเร็ง” อยู่ในระดับไม่ปลอดภัย ไม่ควรนำมารับประทานเด็ดขาด
อย่างไรก็ดี “อาจารย์อ๊อด” บอกว่า จะมีการนำตัวอย่างข้าวไปตรวจด้วยเทกนิกขั้นสูง เพื่อตรวจหา “สารอะฟลาท็อกซิน” ที่เป็นสารก่อมะเร็ง โดยละเอียดอีกครั้ง
ดูเหมือนดรามาเรื่องนี้จะกวนใจ “ภูมิธรรม” ไม่น้อย จนอดไม่ได้ต้องให้สัมภาษณ์ชี้แจง และยังโพสต์อธิบายยาวเหยียดมาแล้วหลายรอบ
ล่าสุด “ท่านรองฯอ้วน” โพสต์อีกหน สาระสำคัญระบุประมาณว่า ข้าวที่นำไปทดสอบนั้น ยังไม่ผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพข้าวให้ได้เกณฑ์ food safety ตามมาตรฐานสากล ซึ่งหากมีการนำออกจำหน่าย จะต้องมีการปรับปรุง และตรวจสอบโดยบริษัทเซอร์เวย์เยอร์ระดับมาตรฐานโลกอยู่แล้ว
ส่วน “สารก่อมะเร็ง” ที่มีการอ้างถึงนี้ ส่วนใหญ่จะพบในรำข้าวที่เกาะอยู่ในเมล็ดข้าว โดยยังไม่ได้มีการปรับปรุง หากมีการปรับปรุง เเละขัดสีแล้ว สารตัวนี้จะมีปริมาณลดลงกว่านี้มาก จนอยู่ในปริมาณที่ปลอดภัยต่อการบริโภค
ฟังว่า “เฮียอ้วน” ก็ยังไม่ลดละความพยายาม และคงเดินหน้านำออกมาประมูลขายอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะไม่เพียงอธิบายกระบวนการตรวจสอบ แต่ยังตัดพ้อถึงกระแสเชิงลบที่สาดใส่เจ้าตัวแบบฉ่ำๆ ด้วย
“ภูมิธรรม” ระบุว่าในฐานะที่เป็น รมว.พาณิชย์ มีเจตนาเพียงต้องการนำเอาข้าวที่ตกค้างอยู่ในสต็อก 2 โกดังสุดท้าย ที่มีการเก็บมานานเป็นเวลาประมาณ 10 ปี และได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของโกดังเก็บข้าว ออกมาประมูลเพื่อนำรายได้กลับคืนคลัง ดีกว่าปล่อยให้ค้างเน่าเสีย (จริงๆ) จนไม่มีราคา
และได้มีการเปิดให้มีการพิสูจน์ข้าว เพียงต้องการที่จะสะสางปัญหาที่คั่งค้างอยู่อย่างโปร่งใส โดยมีทุกฝ่ายร่วมตรวจสอบ แต่กลับเกิดกระแส “ให้ร้าย” ประเด็นต่างๆ โดยขาดความเข้าใจกระบวนการเก็บข้าว การประมูล การตรวจสอบคุณภาพข้าว และการส่งออกของประเทศ
“ผมมีความเสียใจอย่างยิ่งที่การตั้งใจสะสางงานในหน้าที่ให้แล้วเสร็จเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวมในครั้งนี้กลับถูกแปรเจตนาเป็นอื่น และใช้อคติหรือการแบ่งฝักฝ่ายมาด้อยค่าคุณภาพข้าวไทย จนก่อให้เกิดกระแสความไม่ไว้วางใจในคุณภาพสินค้าข้าวของไทย”
“เฮียอ้วน“ ทิ้งท้ายท้ายด้วยว่า เรื่อง “ข้าว 10 ปี” หากวิพากษ์วิจารณ์ โดยมี“อคติทางการเมือง” และ “จินตนาการ” มาชี้นำ “ความจริง” จนกลายเป็นการด้อยค่าข้าวไทย จนทำให้ประเทศเสียประโยชน์ และทุกท่านคงไม่อยากเห็นการสร้างวาทกรรมเปลี่ยนข้าวดีเป็นข้าวเน่า ทำให้รัฐเสียประโยชน์มหาศาลอย่างที่แล้วมา
ฟังความฝั่ง “เฮียอ้วน-ภูมิธรรม” แล้วก็เชื่อเหลือเกินว่า มีความตั้งใจในการขาย “ข้าว 10 ปี” เพื่อประโยชน์ของชาติจริงๆ มากกว่าที่จะ “ฟอกขาว” ให้กับโครงการรับจำนำข้าวของ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์” ตามที่ถูกกล่าวหา
แต่ในความตั้งใจของ “เฮียอ้วน” ก็ควรอยู่บน “ความเป็นจริง” ที่ว่าคุณภาพ“ข้าว 10 ปี” อาจไม่ควรนำออกมาขายเพื่อบริโภค ไม่ว่าจะเป็นคน หรือสัตว์
ด้วยต้องยอมรับว่า การหุงข้าวกินโชว์ และคำอธิบายของ “เฮียอ้วน” ยังไม่เพียงพอ เพราะเมื่อคะเนด้วยสายตา รวมทั้งข้อมูลจาก“อาจารย์อ๊อด” เชื่อว่า ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครกล้าวัดดวงกิน “ข้าว 10 ปี” อย่างแน่นอน โดยแทบไม่ต้องมี “อคติ” ชี้นำ
ก็แค่ กระทรวงพาณิชย์ เป็นเจ้าภาพ เชิญหน่วยงานรัฐ-เอกชน ที่น่าเชื่อถือ มาร่วมทดสอบข้าวที่ผ่านกระบวนการปรับคุณภาพแล้วให้สิ้นสงสัยกันไปเลย โดยที่ทั้ง “นายกฯนิด-เฮียอ้วน” ไม่ต้องมากินโชว์ ให้เสี่ยงเจ็บป่วยด้วยซ้ำ
หากผลทดสอบอย่างเป็นทางการออกมาว่า มีความปลอดภัยเพียงพอที่จะนำออกประมูลขาย โกยรายได้เข้ารัฐ สุดท้ายก็อาจจะ “วิน-วิน” เจ็บแต่จบ“เฮียอ้วน” ก็รับโล่ประกาศเกียรติคุณแบบเท่ๆ ในตอนท้าย
**รังสิมันต์ โรม" สอบหน่อย "ผู้ช่วย" ทำอะไรงามไส้ไว้ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ชาวบ้านถึงกับม็อบไล่!?
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดเรื่องที่กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ที่ จ.สงขลา เมื่อชาวบ้านได้นัดชุมนุมขับไล่กรรมการศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสงขลา ถ.นางงาม ย่านเมืองเก่าสงขลา
โดยผู้ชุมนุมพร้อมถือป้ายประท้วง "เราไม่เอา ผู้จัดการศาลเจ้าและผู้ตรวจตราศาลเจ้า เนื่องจากผู้บริหารศาลเจ้าฯ ไม่โปร่งใส และมีพฤติกรรมไม่ชอบมาพากล ดูถูกชาวบ้านบริเวณศาลเจ้าไม่เคยเข้าไปไหว้พระ สแกนเงินทำบุญชุดไหว้เข้าบัญชีตัวเอง
ก่อนที่เรื่องจะลุกลามบานปลาย ปลัดอำเภอเมืองสงขลา ที่เป็นตัวกลางก็พยายามมาพูดคุยไกล่เกลี่ยกับชาวบ้าน แต่ตกลงกันไม่ได้ ชาวบ้านจึงใช้กุญแจล็อกปิดประตูศาลเจ้า จนกว่าจะแก้ปัญหาได้
สำหรับศาลเจ้าพ่อหลักเมืองของ จ.สงขลา มีอายุกว่า 182 ปี เป็นที่เคารพศรัทธาอย่างกว้างขวาง และเป็นที่รู้จักในฐานะศาลหลักเมืองแห่งเดียวในไทยที่อยู่ภายในศาลเจ้าแบบจีน
มีข้อมูลด้วยว่า กรรมการศาลเจ้าหลักเมืองชุดนี้ได้หมดวาระแล้ว แต่ยังไม่ยอมออกจากตำแหน่ง ทั้งที่มีประเด็นการบริหารศาลเจ้าที่ไม่โปร่งใส และหลายเรื่องก็ได้กลายเป็นคดีความ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า
มีการเปิดเผยด้วยว่า หนึ่งในกรรมการศาลเจ้าที่ถูกชาวบ้านขับไล่ มีชื่อ “สักกพันธุ์ อนันต์พงค์” อดีต ผู้สมัครสส.สงขลา พรรคก้าวไกล ซึ่งปัจจุบันมากินตำแหน่ง ผู้ช่วย สส. ของ “รังสิมันต์ โรม” สส.คนดังแห่งพรรคก้าวไกล รวมอยู่ด้วย
ในเวลาไล่เลี่ยกัน แฟนเพจเฟซบุ๊ก “วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร” ได้โพสต์ภาพชายคนหนึ่งสวมเสื้อตราสัญลักษณ์พรรคก้าวไกล เข้าไปติดต่อสาขาธนาคาร พร้อมระบุว่า “ชาวบ้านร้องเพจ พบบุคคล คล้าย ผช. สส. โรม เข้าไปถอนเงินประมาณ 300,000 บาท คาดว่าเป็นเงินของสมาคมแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา ที่บุคคลดังกล่าวหมดสมัยไปแล้ว“
เอ้า.. “สส. โรม พรรคก้าวไกล” ช่วยตรวจสอบด้วย!!