ทางสองแพร่ง “ทักษิณ” เลี้ยงหลาน หรือ ศูนย์กลางขั้วอำนาจ “แก้วสรร” ชี้ “ทักษิณโกงคุกจริงหรือไม่? : ปปช.ต้องเป็นคำตอบ”

“สมชัย” เชื่อ “ทักษิณ” เหมือนยังปลงไม่ตก บนทางสองแพร่ง ระหว่างคุณตาเลี้ยงหลานอยู่บ้าน หรือทำตัวเป็นศูนย์กลางขั้วอำนาจการเมือง “แก้วสรร” เผยแพร่บทความ ชี้ชัด “ทักษิณโกงคุกจริงหรือไม่? : ปปช.ต้องเป็นคำตอบ”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(20 ก.พ.67) เพจเฟซบุ๊ก สมชัย ศรีสุทธิยากร ของ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) โพสต์ข้อความระบุว่า

“ปรากฏการณ์ ทักษิณกลับบ้าน บอกอะไรเราบ้าง

1. การใส่ปลอกคออ่อนและอุปกรณ์พยุงแขน ไม่ช่วยให้เกิดความรู้สึกว่า เขาป่วยหนัก ถึงขั้นไม่สามารถรักษาจากโรงพยาบาลในเรือนจำได้

2. นักการเมืองและข้าราชการที่ออกมายืนยันว่าเขาป่วย ไม่ว่าจะเป็นรองนายก รมว.กลาโหม หรือ อัยการ ไม่ได้ช่วยให้คนเชื่อ แต่กลับด้อยค่าตัวเองและกระบวนการยุติธรรมในประเทศ


3. สีหน้าคุณทักษิณ ทั้งในช่วงที่ออกจาก รพ. และ นั่งพักผ่อน ไม่ใช่สีหน้าที่มีความสุข มีความเครียด กังวล ตรงข้ามกับผิวพรรณที่ผ่องใส สีผมที่ดำขลับจัดแต่งเรียบร้อย

4. จากนี้ การเมืองไทยอยู่บนทางสองแพร่งจากการตัดสินใจของคุณทักษิณ จะเป็นคุณตาที่อยู่กับลูกหลานในบ้านอย่างมีความสุข หรือ ทำตัวเป็นศูนย์กลางขั้วอำนาจทางการเมือง และนำประเทศไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ สีหน้าที่เคร่งเครียดดังกล่าว เหมือนยังปลงไม่ตก”


ขณะเดียวกัน นายแก้วสรร อติโพธิ ได้โพสต์เผยแพร่บทความเรื่อง “ทักษิณโกงคุกจริงหรือไม่ ? : ปปช.ต้องเป็นคำตอบ!” โดยมีเนื้อหาดังนี้่

ถาม อาจารย์เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใน คตส.จนเอาผิดทักษิณได้ รู้สึกอย่างไรที่เขากลับไปอยู่สบายที่บ้านแล้ว

ตอบ นั่นเป็นงานตามหน้าที่ที่จบไปแล้ว หายเหนื่อยไปนานแล้วครับ วันนี้ผมแค่ติดใจเหมือนชาวบ้านทั่วไปเท่านั้นว่า เขาโกงคุกครึ่งปีจริงหรือเปล่า

ถาม โกงคุกครึ่งปียังไงครับ

ตอบ คือเขาหนีคดีไป ๑๗ ปี พอกลับมาโทษจำคุกที่ไม่ขาดอายุความก็เหลือแค่ ๘ ปี พอได้อภัยโทษอีกเด้งหนึ่งก็เหลือ ๑ ปี ครั้นผ่านไปครึ่งปีก็ได้พักโทษอีก ตรงครึ่งปีที่ผ่านไปที่อยู่ในอำนาจหมายขัง แต่ขังไว้ในชั้น ๑๔ โรงพยาบาลตำรวจนี่แหละครับ ที่ติดใจกันทั่วไปหมดว่า เขาโกงคุก คือเจ็บป่วยจอมปลอมหรือเปล่า

ถาม ผมว่าเขาน่าจะกลับบ้าน โดยนอนในรถพยาบาลจะดูดีกว่านะครับ

ตอบ วันที่ ๑๗ กุมภา เขาอาจได้ยาวิเศษ กินวันเดียว ลุกจากเตียงเดินขึ้นรถได้ปร๋อเลยก็ได้ คุณอย่าพึ่งไปสรุปอะไร

ถาม เรื่องอย่างนี้ไม่มีทางสอบสวนทวนความได้เลยหรือ

ตอบ ไม่ยากเลยครับ เรียกเอกสารจากเรือนจำและโรงพยาบาลตำรวจมาให้ครบ ตรวจแค่วันเดียวก็รู้เรื่องแล้ว

ถาม เอกสารอะไรบ้าง

ตอบ มาตรฐานที่ต้องปฏิบัติในวงการแพทย์มันมีบังคับเป็นเรื่องเป็นราวอยู่ว่า ในกระบวนการทั้งหมด ต้องมีต้องเก็บรักษาเอกสารใดบ้าง เอกสารดังต่อไปนี้นี่แหละครับ ที่ต้องเรียกมาไขความจริงให้ได้

๑. บันทึกเวชระเบียนในชั้นตรวจร่างกายรับเข้าเรือนจำ พร้อมบันทึกแพทย์ดูไบ

ถึงแพทย์ไทย

๒. บันทึกเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินยามวิกาลของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เช่น ถ้าเส้นเลือดหัวใจตีบตัน ก็ต้องมีผลตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือรายงานความดันโลหิตสูงถึงขั้นวิกฤต หรือถ้าหกล้มเอ็นหัวไหล่ขาดดิ้นเร่าๆ เหล่านี้ต้องมีอยู่ในบันทึกของโรงพยาบาล และมีอยู่ในใบส่งต่อ ( Refer ) คนไข้ทั้งสิ้น หลักฐานข้อนี้ถ้าไม่มี ก็แสดงว่ามั่วกันแน่นอน

๓. บันทึกในฟากโรงพยาบาลตำรวจ ก็ต้องมีบันทึกผู้ป่วยนอก ระบุอาการป่วยเจ็บและข้อบ่งชี้ที่ต้องรับรักษาเป็นผู้ป่วยใน เมื่อรับไว้แล้วก็ต้องมีบันทึกแสดงพัฒนาการของอาการป่วยเจ็บ โดยหมอเจ้าของไข้ ( Progress Note ) ถ้าต้องปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง ก็มีบันทึกปรึกษาไข้ ( Consultation Note )อีก บวกด้วยบันทึกการตรวจพิเศษทั้งปวง ทั้ง X-Ray, CT.Scan, MRI แล้วแถมด้วยบันทึกการพยาบาล,บันทึกวิสัญญี,บันทึกการใช้ยาฯ ทั้งหมดในข้อนี้ ได้มาแล้ว ก็ขอผู้ชำนาญจากแพทยสภา มาตรวจสอบ ก็จะรู้ได้โดยพลันเลยว่า ปรากฏมูลคดีแหกตาชาวบ้านหรือไม่ ควรตั้งข้อกล่าวหาใครได้บ้าง มีพยานบุคคลใดต้องเรียกมาสอบ ทั้ง แพทย์,พยาบาล,เภสัช,นักกายภาพ

ถาม กระบวนการตรวจสอบข้างต้นนี้ ใครมีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบได้บ้าง

ตอบ ในชั้นผ่านไป ๑๒๐ วัน จนรายงานรัฐมนตรียุติธรรมนั้น รัฐมนตรีน่าจะตรวจสอบได้แล้ว แต่ก็ไม่ทำกันให้เป็นที่กระจ่าง หรือเมื่อนายกฯเปลี่ยนรองพีรพันธุ์ มาดูแลกระทรวงยุติธรรม ผมก็นึกว่าจะมีการสั่งการให้ตรวจสอบ ก็กลับไม่มีอีก มันชัดเจนว่าทุกอย่างในอำนาจบริหาร ไม่ได้รับผิดชอบเลย

ถาม นายกฯคนปัจจุบันก็ฟิตมากนะครับ เรื่องหมูเถื่อนก็เคยล้วงลึก เรียก ดีเอสไอ มาว๊ากคาสนามบินทีหนึ่งแล้ว มาคดีโกงคุกนี่ชาวบ้านสงสัยกันทั้งประเทศ ยังผลทำลายความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมทั้งกระบวน ทำไมท่านไม่กล้าสั่งให้สะสาง

ตอบ วันนี้ผมเห็นเหลืออยู่หน่วยงานเดียวว่าจะกล้าหรือไม่กล้า

ถาม ใครครับ?

ตอบ เมื่อมีเหตุอันควรสงสัย และราชการละเว้นไม่สะสางให้กระจ่างเสียเองเช่นนี้ ก็เป็นอำนาจหน้าที่ของ ปปช. แล้วครับว่า จะลงมือหรือไม่ ประชุมมีมติให้ตรวจสอบเบื้องต้นก่อนเท่านั้น ก็จะยุติเรื่องทั้งปวงได้ ไม่มีอะไรยากเลยจริงๆ เอกสารหลักฐานทั้งปวงมันมีอยู่แล้ว เรียกมาตรวจโดยขอตัวแทนแพทยสภามาร่วมด้วย ก็รู้เรื่องแล้วว่ามีมูลหรือไม่

ถาม มันจะไม่เป็นการก้ำเกินสิทธิของผู้ป่วยหรือ

ตอบ ผู้ป่วยติดคุกอยู่ใต้อำนาจรัฐแล้ว ส่วนรวมก็มีส่วนได้เสียที่จะตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐได้ว่าเคารพกฎหมายหรือไม่ เรื่องนี้ ปปช. มีอำนาจกฎหมายรองรับชัดเจน

ถาม เมื่อตรวจสอบอย่างที่อาจารย์ว่า มันก็ต้องพบว่ามีการรักษาโน่น รักษานี่อยู่ดี เป็นธรรมดาผู้สูงวัยอยู่แล้ว

ตอบ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ความเจ็บป่วยที่ว่านี้ มันฉุกเฉินไหม วิกฤตถึงชีวิตไหม ถึงขนาดที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่มีเครื่องมือ ไม่มีความชำนาญเฉพาะทางอันจำเป็นเลยหรืออย่างไร มันจึงไม่ใช่อาการเจ็บป่วยทั่วไปนะครับ

ถาม เห็นมีข่าวออกมาหนึ่งชิ้นจาก รพ.ตำรวจว่า คุณทักษิณ ต้องเจาะเข็ม ผ่าตัดรักษาเอ็นหัวไหล่

ตอบ อาการอย่างนี้ผมถามพี่ชายผมที่เป็นหมอกระดูกแล้ว พี่เขาตอบว่า เป็นเรื่องความเสื่อมตามธรรมดาร่างกาย มันไม่ใช่เรื่องฉุกเฉิน นัดหมอแล้วให้ออกนอกคุกไปดมยาผ่า นอนดูอาการ ๑ คืน ก็กลับมาเรือนจำได้แล้ว

นักโทษสูงวัยเจ็บป่วยชนิดรุนแรง วิกฤต เรื้อรัง ต้องรักษายาวนานเป็น ๑๘๐ วัน นี่ ข้อมูลในเอกสารการแพทย์จะบอกเค้ามูลได้แน่นอน

ถาม เป็นไปได้หรือไม่ครับว่า เมื่อตรวจสอบกันจริงๆ เราอาจพบว่า เจ็บป่วยจริง แต่ยังเถียงกันได้ว่า จำเป็นต้องนอนรักษาตัวนอกเรือนจำหรือไม่

ตอบ ถ้าเขามีเหตุมีผลที่อธิบายได้ แต่เห็นต่างกันได้ อย่างนี้เราก็ต้องเคารพดุลพินิจโดยแท้ของเขา สิ่งที่เราต้องการตรวจสอบจริงๆ ก็คือการทุจริตประพฤติมิชอบว่า มีอยู่ในคดีนี้หรือไม่เท่านั้น ถ้าไม่มีการเลือกปฏิบัติโดยมิชอบทุกอย่างก็ต้องจบ

ถาม ถ้าเรื่องนี้ไม่มีการสะสางให้ปรากฏความจริง แล้วจะจบกันอย่างไร

ตอบ เราที่เป็นชาวบ้าน..ก็มุดหัวนอน และให้ของลับใครก็ไม่รู้ กันต่อไป