รมช.มท. ลั่นป่วนขบวนเสด็จ ไม่ใช่ธรรมชาติ แต่เกิดจากคนไม่หวังดีนอกประเทศหนุน ชูเอกสารเบื้องหลังทุนหนุนแก๊งทะลุวัง ปูดผู้ช่วย ส.ส.มีเอี่ยว ลั่นถึงเวลาดำเนินคดีแน่ ก.ก.บีบดึงเรื่องเข้า กมธ.มั่นคงฯ หวังให้คายข้อมูล ด้านสภามีมติสรุปเนื้อหาส่ง รบ.-กมธ.นิรโทษฯ พิจารณาด้วย
วันนี้ (14 ก.พ.) นายชาดา ไชยเศรษฐ รมช.มหาดไทย และ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย อภิปรายว่า 4 ปีที่ผ่านมา ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ตนนั่งดูมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา และดูการกระทำของเด็กๆ ที่เกี่ยวเนื่องกันมาตลอด หากขบวนการต่างๆ เกิดขึ้นจากเด็ก เกิดจากความรู้สึก หรือสิ่งที่เป็นธรรมชาติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ปัญหาคือ มีผู้อยู่เบื้องหลังมอบเงินให้เด็ก และบางทีมีต่างชาติไปทำเรื่องประกันตัวที่โรงพัก กดดันต่างๆ มากมาย ตนเห็นว่า ไม่ได้เกิดจากการกระทำของเด็กและไม่ใช่พื้นที่ที่จะทำให้เกิดสันติภาพ หรือการพูดคุยที่ชัดเจน ในฐานะคนไทยก็เจ็บปวดพอสมควรเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นการปะทุครั้งหนึ่งของคนไทย ส่วนหนึ่งจึงเป็นที่มาของญัตติในวันนี้
“สิ่งสำคัญคือมันมีเบื้องหลังมีเงินสนับสนุน ผมไม่อยากจะพูดจากบางคน หรือจากกลุ่มมันทำให้ปัญหาไม่จบสิ้นประเทศไทยอยู่มาได้ ไม่เคยมีปัญหาเหล่านี้ จะเกิดจากอะไรผมก็ไม่สามารถรู้ได้สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เกิดในชีวิตจิตใจของคนไทยทั้งชาติ แต่เป็นความรู้สึกของคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามจะเข้ามาข้องเกี่ยว และสร้างความเสื่อมให้กับสถาบันฯ ถ้าจะเอาพื้นที่พูดคุยต้องด้วยความต้องการของคนไทย เป็นความรู้สึก แต่นี่มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นความรู้สึกของคนที่เข้าใจคำว่าประมุขของประเทศ” นายชาดา กล่าว
นายชาดา กล่าวว่า บางประเทศเวลาผู้นำไปไหนแม้แต่นกก็ยังไม่ให้ผ่าน เช่น อเมริกา เพราะทุกคนยอมรับตรงนี้ว่าสิ่งที่เสด็จไปไหนไม่ได้ไปเพื่อพระองค์ หรือไปเที่ยว แต่เพื่อพระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องและช่วยเหลือประชาชน เป็นความรู้สึกที่คนไทยทุกคนยอมรับและมีมาในหัวใจของคนไทยมาหลายร้อยปี แต่ตนคิดและเข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เกิดจากความไม่หวังดีจากคนนอกประเทศหรือไม่ หรือจากคนกลุ่มหนึ่งอันนี้ก็ต้องมาดูด้วย เราจะมาพูดว่าเด็กหรือใครก็ตาม หรือในนามของประชาชนก็ตามถามว่าเกิดจากจิตใจเขาจริงๆหรือไม่ หรือเกิดจากปลุกปั่นยุยงเป็นขบวนการคนไทย ต้องนึกว่าใครอยู่เบื้องหลังเด็กเหล่านี้ทำอย่างนี้เพื่ออะไร ปัญหาที่ว่ามันอยู่ในหัวใจคนไทยมานาน คนไทยรับได้กับขบวนเสด็จหรือขบวนใดๆ ก็ตาม แต่วันนี้มันไม่ได้เกิดจากธรรมชาติหรือความกดดัน แต่เกิดจากขบวนการ จากบุคคลที่หาเหตุ
“หากจะพูดเรื่องนี้ต้องพูดกันยาว และตนเชื่อว่า ถ้าเรามีจิตที่บริสุทธิ์ต่อประเทศนี้ พื้นที่ที่จะพูดคุยกันมันมี แต่ไม่ใช่พฤติกรรม แม้แต่วันตรุษจีนที่ผ่านมาก็ไปจาบจ้วง ทำอะไรต่างๆ ไม่เคยหยุดยั้ง ไม่เคยเบา ไม่ได้แสดงออกเจตนารมณ์ในการที่จะสร้างสรรค์บ้านเมืองนี้ แต่เป็นการกระทำที่พยายามสร้างความปั่นป่วน สร้างความเสื่อมเสียต่อองค์พระประมุขต้องไปทำความเข้าใจคำว่า “องค์พระประมุขของประเทศ” คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร หลายเรื่องที่ต้องแก้ไขทำไมไม่ทำ ทำไมไม่คิด อย่านำโยงไปสู่ความเสื่อมเสียของประมุขประเทศ มันจะนำมาซึ่งความเสียหาย ต้องพูดด้วยความจริงใจพูดด้วยคำพูดและพฤติกรรมเดียวกัน อย่าพูดอย่างทำอย่างผม ไม่อยากพูดว่ามีหลักฐานเอกสารอยู่ในมือผมว่าใครสนับสนุนเงินทองอะไรก็ตาม” นายชาดา กล่าว
หลังจากสมาชิกอภิปรายเสร็จสิ้น นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานในที่ประชุม ได้ให้เจ้าของญัตติอภิปรายสรุป จากนั้น นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ตั้งข้อสังเกตว่า หากย้อนฟังจะพบว่าวันนี้มีเนื้อหาไปทางเฮดสปีดค่อนข้างมาก หลายครั้งมีการกล่าวหาใส่ร้ายป้ายสี เสียดสีบุคคลภายนอก โดยที่เขาไม่มีโอกาสมาชี้แจง จึงกังวลว่าเนื้อหาทั้งหมดจะออกมาเป็นอย่างไร หากมีการใส่ร้ายป้ายสีว่าการกระทำทั้งหมดมีกระบวนการอยู่เบื้องหลัง หรือมีกำลังสนับสนุน หากมั่นใจว่าไม่ได้ใส่ร้ายป้ายสี อยากให้ส่งเอกสารหลักฐานที่มีไปให้ ครม. หรือคณะกรรมาธิการสามัญชุดอื่นๆ ด้วยก็จะเป็นประโยชน์ เช่นคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง หรือความมั่นคง เพราะหลายคนมองว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติด้วย
ด้าน นายวันนอร์ กล่าวว่า ที่ประชุมสภาจะสรุปเพียงเนื้อหาญัตติและแนวทางบางส่วนเท่านั้น จะไม่ลงลึกในรายละเอียด ว่าใครอภิปรายอย่างไร เพราะมีการอภิปรายเยอะมาก และอาจจะตรงบ้างไม่ตรงบ้าง ตนคิดว่าไม่จำเป็นเพราะรัฐบาลจะรับญัตตินี้ไปดำเนินการอย่างไรก็เป็นเรื่องของรัฐบาล ส่วนกรรมาธิการวิสามัญก็จะพิจารณาเพื่อประกอบเท่านั้นไม่ได้เป็นสารถะ เหมือนกฎหมาย
นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่า ไม่ต้องลงรายละเอียดว่าใครอภิปรายอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นที่มีการพูดว่ามีคนอยู่เบื้องหลัง มีการสนับสนุนการเงิน ไม่เป็นธรรมชาติ ก็จะดีถ้ามีการตรวจสอบก่อนที่จะส่งไปไม่ว่าที่ใดก็ตาม เพื่อสอบถามผู้อภิปรายว่ามีหลักฐานอะไรบ้างจะได้ส่งไปประกอบการพิจารณาให้รอบคอบขึ้น และยืนยันว่า เรื่องนี้มีบางคนอภิปรายว่าเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของชาติ จึงควรส่งให้คณะกรรมาธิการความมั่นคงพิจารณาด้วยก็จะเป็นประโยชน์
ด้าน นายอัครเดช กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นผู้ยื่นญัตตินี้ มีการพูดคุยกันแล้วว่าครั้งนี้จะเสนอส่งให้รัฐบาลดำเนินการโดยมีการขมวดปมเนื้อหา ว่า ผู้อภิปรายอยากให้รัฐบาลดำเนินการอย่างไร หากต้องการให้มีการสืบสวนสอบสวนผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการกระทำของบุคคลกลุ่มนี้ด้วย ตนก็เห็นด้วยตนก็ยินดีจะได้หาว่าใครเป็นอยู่ร่วมขบวนการ ส่วนญัตติของนายจุรินทร์ ลักษษวิศิษฎ์ จะส่งให้คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาแนวทางกฎหมายนิโทษกรรมด้วย ก็เป็นการดี จะได้ประกอบการพิจารณาเรื่องการนิรโทษกรรมได้ถูกต้อง
ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ตนในฐานะประธานกรรมาธิการความมั่นคง เมื่อที่ประชุมแห่งนี้ให้ความสำคัญและอยากให้การพิจารณาเรื่องนี้เป็นไปด้วยความละเอียดรอบคอบ สอดคล้องกับความมั่นคงของชาติ และกติกา ซึ่งตนก็ทำหน้าที่ในเรื่องความมั่นคงอยู่แล้ว ก็ยินดีที่จะรับเรื่องนี้เข้าสู่คณะกรรมาธิการ และจะเชิญ นายชาดา มาให้ข้อมูลกับกรรมาธิการด้วย เนื่องจากเป็นผู้ใช้สิทธิในการอภิปรายค่อนข้างมาก หากเป็นแบบนี้ตนก็พร้อมที่จะเป็นตัวกลางที่จะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ในการพิจารณาในคณะกรรมาธิการ
ด้าน นายชาดา กล่าวว่า ตนมีข้อมูลอยู่ในมือ ถ้าใครอยากดู แต่เรียนด้วยความเคารพว่าตนไม่อยากสร้างความขัดแย้ง แต่ท่านเริ่มก่อนและสิ่งที่ตนพูดมีหลักฐาน แต่ยังจับไม่ได้ ถ้าถึงเวลาเขาดำเนินคดีแน่นอน ถ้าถามว่าใครถ้าอยากจะรู้เดี๋ยวจะตอบให้ว่าเป็นผู็ช่วย ส.ส ท่านใดที่ส่งเงินให้ขบวนการพวกนี้ ตนบอกว่า อย่าเอาตนเข้าไปสู่องค์ประกอบให้มันครบ
“คนอย่างผมถ้าไม่ใช่ความจริงไม่พูด และสิ่งสำคัญมันอยู่ระหว่างที่เขารวบรวมหลักฐาน แต่ผมกล้าพูดว่ามันเป็นเรื่องจริง ไม่ต้องห่วงความจริงมันต้องเปิด ออกมาแน่นอน ถ้าท่านจะใช้กลไกทางสภาก็ดีเพียงแต่ว่าวันนี้จะทำเพื่ออะไรและอยากรู้อะไร ข้อมูลมันเป็นเอกสารของทางราชการ ความจริงย่อมเป็นความจริงอยู่วันยังค่ำ” นายชาดา กล่าวพร้อมกับชูเอกสารให้ดู
จากนั้นที่ประชุมได้มีมติให้ส่งเนื้อหาทั้ง 2 ญัตติ ให้กับรัฐบาล และ.คณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัติ( พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม รวมทั้ง คณะ กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร พิจารณาต่อไป โดย นายวันนอร์ ขอให้ส่งให้คนดูก่อนที่จะส่งต่อไปยังส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยยืนยันว่าไม่ได้ต้องการจะเซ็นเซอร์ แต่ต้องการให้เรื่องมันจบ และป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่มีการตกลงกันว่าจะส่งญัตติด่วนด้วยวาจาทั้ง 2 ญัตติไปให้ฝ่ายใดพิจารณานั้น นายชาดา ได้เดินไปยังฝั่งที่ของ ส.ส.พรรคก้าวไกล และพูดคุยกับ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และ น.ส.รักชนก ศรีนอก ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ที่ได้เดินมาสมทบพูดคุยด้วย เพราะก่อนหน้านี้ ได้ลุกขึ้นประท้วงนายชาดา และปะทะวาจากัน โดยมีการพูดคุยกันประมาณ 5 นาที ก่อนจะแยกย้ายกันไป