xs
xsm
sm
md
lg

ดีเดย์เขย่ารัฐบาล “เทวดา”นอนสะดุ้ง!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สว.ยื่นญัตติ ขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาล ตามมาตรา 153 ของรัฐธรรมนูญ
เมืองไทย 360 องศา

แม้ว่ายังไม่ถึงขั้นกำหนดวันอภิปรายชัดเจน แต่ก็ถือว่าทุกอย่างแน่นอนแล้วสำหรับญัตติขอเปิดอภิปรายรัฐบาลแบบทั่วไปโดยไม่ลงมติ ตามมาตรา 153 ของรัฐธรรมนูญ โดยเป็นการยื่นญัตติของฝ่ายส.ว. ที่ล่าสุดสามารถรวบรวมรายชื่อได้จำนวน 98 คน จากที่ต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือ 84 คน และเมื่อวันที่ 22 มกราคมที่ผ่านมา ก็ได้มีการยื่นญัตติดังกล่าวต่อ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ไปเรียบร้อยแล้ว

โดยนายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา พร้อมด้วย สว. อาทิ นายสมชาย แสวงการ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม นายเฉลิมชัย เฟื่องคอน ว่าที่ร้อยตรี วงศ์สยาม เพ็งพานิชภักดี นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ เข้ายื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ

เนื้อหาในญัตติดังกล่าว ระบุว่า คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 10 ก.ย.66 และได้เข้าบริหารราชการแผ่นดิน มาจนถึงบัดนี้ ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ประมาณ 4 เดือน รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินแก้ไขปัญหาสำคัญตามนโยบายที่แถลงไว้ รวมถึงปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้แถลงนโยบายไปแล้ว ซึ่งมีทั้งหมด 7 หัวข้อ คือ

1.ปัญหาด้านเศรษฐกิจของชาติและปัญหาปากท้องของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นแนวทางในการสร้างงานสร้างอาชีพและสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนที่ยั่งยืน การทำให้ประชาชนมีรายได้ และมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และเป็นการแก้ปัญหาความยากจน รัฐบาลมีแนวทางที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมอย่างไร รวมถึงสภาพปัญหาการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท ชอบด้วยกฎหมาย และไม่สร้างภาระหนี้สินให้กับประชาชนจะดำเนินการได้จริงหรือไม่ รวมถึงการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่รัฐบาลทำอยู่ไม่ได้มุ่งแก้ปัญหาจากต้นตอ

2. ปัญหาด้านกระบวนการยุติธรรม และการบังคับใช้กฎหมาย ในการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามคำพิพากษาที่สะท้อนให้เห็นถึงกระบวนการยุติธรรม 2 มาตรฐาน การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ ช่วยพวกพ้องหาผลประโยชน์ส่วนตัว สร้างมาตรฐานในกระบวนการที่บิดเบี้ยว ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ไม่เท่าเทียม

3. ปัญหาด้านพลังงาน ไม่สามารถแก้ปัญหาโครงสร้างปัญหาของประเทศ และการบริหารจัดการราคาพลังงานทั้งค่าไฟ ก๊าซหุ้งต้ม และน้ำมัน นอกจากนั้น จะแก้ปัญหากลุ่มทุนพลังงาน มีอิทธิพลกับการเมือง ทำให้กลุ่มทุนกำหนดราคาพลังงานในอัตราที่สูงเกินความจำเป็น จนทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระราคาเชื้อเพลิงที่สูงเกินจริง

4. ปัญหาด้านการศึกษาและสังคม ไม่เร่งปฏิรูปการศึกษาเพิกเฉยต่อการผลักดันการตราพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติฉบับใหม่ ให้เข้าสู่การพิจารณาของสภา เพื่อให้เป็นกฎหมายบังคับใช้เป็นแม่บทในการพัฒนาการศึกษาให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก

5. ปัญหาด้านการต่างประเทศและการท่องเที่ยว รัฐบาลจะแก้ไขอย่างไรกับผู้กระทำความผิดที่เป็นจีนเทา เพราะจะกระทบกับความสัมพันธ์และความรู้สึกของชาวจีน รวมถึงการวางตัวเป็นกลาง และการเลือกข้างของรัฐบาลกับความขัดแย้งของประเทศต่างๆ จะวางตัวอย่างไร ให้เหมาะสม

6. ปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่รัฐบาลอยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการทำประชามติ ต้องมีความชัดเจน เพื่ออธิบายให้ได้ว่ามีความจำเป็นในการดำเนินการอย่างไร โดยชอบด้วยกฎหมาย เกิดประโยชน์ของประชาชน และการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศได้อย่างไร

และ 7. ปัญหาการดำเนินการปฏิรูปประเทศ และการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ ตามที่วุฒิสภาได้เสนอแนะเร่งรัดต่อรัฐบาลไปแล้วนั้น รัฐบาลมีนโยบายและแนวทางดำเนินการตามข้อเสนอแนะอย่างไร

แน่นอนว่า หากพิจารณาจากทั้ง 7 เรื่องราว หรือ 7 หัวข้อ ที่ฝ่ายส.ว.นำมาเป็นประเด็น “ซักฟอก” รัฐบาล ที่นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน ที่น่าจับตาก็น่าจะมีอยู่ 2 เรื่อง คือ ข้อ 1 และ ข้อ 2 ที่ระบุถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจ มีการกล่าวถึงเรื่องโครงการแจก “เงินดิจิทัล” กับ “ยุติธรรมสองมาตรฐาน” โดยเฉพาะอย่างหลังนั้น รับรองได้เลยว่า ต้องพาดพิงไปถึง “นักโทษเทวดา” นายทักษิณ ชินวัตร ที่ยังอ้างว่าป่วยหนักและยังรักษาอาการอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจมานานเกิน 4 เดือน กำลังย่างเข้าสู่เดือนที่ 5 แล้ว โดยที่ไม่มีใครเคยเห็นสภาพอาการป่วย เพราะทุกอย่างถูกปิดลับมาตลอด รู้แต่ว่าเขาเป็นนักโทษคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่ไม่เคยต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว

ขณะเดียวกัน หากพิจารณาจากหัวข้อที่ฝ่ายส.ว.หยิบยกขึ้นมา ซักฟอกรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ ที่เชื่อว่าต้องเน้นไปที่ “เงินดิจิทัล” ที่ส่อเค้ามีปัญหาประเภทเดินหน้าก็ติดปัญหากฎหมายสารพัด จะถอยหลังก็ลำบาก เพราะเป็นนโยบาย “เรือธง” เคยหาเสียงรับปากกับชาวบ้านเอาไว้อย่างดี หากทำไม่ได้ หรือไม่ตรงปก ก็คงถูกด่าเปิงแน่ ที่สำคัญมีแต่เสียงคัดค้าน ทั้งความคุ้มค่า และที่สำคัญมันอาจก่อหายนะตามมา ทั้งในเรื่องหนี้สิน ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ

แต่ที่ต้องรอดูด้วยใจจดจ่อก็คือ การซักฟอกเรื่องกระบวนการ “ยุติธรรมสองมาตรฐาน” ซึ่งต้องพาดพิงไปถึง “นักโทษเทวดา” ดังกล่าวแน่นอน เพียงแต่ว่าจะสามารถอภิปรายกันได้แค่ไหน จะถูกขัดขวางหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาหากใครแตะต้องแค่ปลายเล็บ ก็จะถูกสกัดกั้นกันอย่างโกลาหลทุกครั้ง เอาเป็นว่าเป็นของต้องห้ามก็แล้วกัน

ส่วนอีกด้านหนึ่งแม้ว่าหลายคนจะมองว่าการยื่นซักฟอกของ สว.ครั้งนี้ อาจจะไม่มีน้ำยาอะไรมากนัก เนื่องจากเป็นการซักฟอกแบบไม่มีการลงมติ ไม่มีผลต่อสถานะของการเป็นรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรี แต่ถึงอย่างไรก็คงมองข้ามไปไม่ได้ เพราะนี่คือการซักฟอกครั้งสุดท้ายของส.ว.ก่อนที่จะหมดวาระ ในเดือนพฤษภาคม ดังนั้นจึงเชื่อว่าต้องมีการ “ทิ้งทวน” ไว้ชื่อกันหน่อย อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากรายชื่อแต่ละคน มีไม่น้อยที่ถือว่าเป็นระดับ “ตัวจี๊ด” มีคารมคมคายไม่เบา อย่างน้อยก็มีประสบการณ์ในสภามาอย่างยาวนานนับสิบปี ตั้งแต่เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ หรือ สนช. ต่อเนื่องกันมา มีลีลาการอภิปรายอาจจะเหนือกว่า ส.ส.ในยุคนี้หลายคนเหมือนกัน

เอาเป็นว่าการ “ยื่นญัตติซักฟอก” คราวนี้ของส.ว.แม้ว่าคงไม่ทำให้รัฐบาลต้องสั่นคลอนจนถึงขั้นวิกฤต เพราะอย่างน้อยก็ไม่มีการลงมติ ไม่มีผลต่อสถานะ แต่อีกด้านหนึ่งมันก็ย่อมสร้างแรงสั่นสะเทือนได้ไม่น้อยเหมือนกัน อย่างน้อยก็อาจสร้างอารมรมณ์ร่วมกับสังคมได้พอสมควร โดยเฉพาะหากแตะไปถึงกรณีของ “เทวดาชั้น 14 “ ที่ใครก็แตะต้องไม่ได้ ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากไทม์ไลน์แล้ว ระยะเวลาที่คาดว่าจะมีการอภิปรายก็น่าจะเป็นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่ตอนนั้นก็น่าจะถึงกำหนดการ “พักโทษ” ได้กลับบ้านตามที่มีการวางแผนเอาไว้อย่างเป็นขั้นเป็นตอน ถึงตอนนั้นอาจมีการยกระดับความโกรธขึ้นมาอีกขั้นแล้วก็ได้

ดังนั้น เชื่อว่านับจากนี้ หลังจากยื่นญัตติไปแล้ว ทุกอย่างก็เริ่มเดินตามขั้นตอน แต่ก่อนวันอภิปราย เชื่อว่ามีหลายคนที่เริ่มหวาดผวา ทั้งในทำเนียบฯ ที่บางคนหวั่นใจว่า จะสามารถ “ป้องกันนายใหญ่” ได้แค่ไหน ไม่ให้นายต้องมีอารมณ์โกรธ หรือแม้แต่ “นายใหญ่” เองที่ต้องนอนสะดุ้ง เพราะที่ผ่านมาพยายามทำให้เงียบที่สุด แต่ยิ่งนาน ยิ่งสร้างความไม่พอใจ ผิดคาดหมายไปหมด!!


กำลังโหลดความคิดเห็น