อดีตรองโฆษก ปชป.เย้ย ขำขันต้นปี กรมคุกอ้างนักโทษเทวดาโคมา-กมธ.ตำรวจ ไม่เจอแม้เงา “ทักษิณ” ถามกำลังเคาะกะลาต่อรองประโยชน์อยู่หรือเปล่า แนะ ย้อนเกล็ด ใช้ ป.วิฯ อาญา ม.246(2) จำเลยมีอันตรายถึงชีวิต ให้ศาลสั่งทุเลาการจำคุกไว้ก่อน พร้อมหยุดนับวันคุมขัง หายป่วยค่อยเอากลับเข้าคุกต่อ
นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง หยุดความอหังการนักโทษเทวดาชั้น 14 ด้วยอำนาจศาลฎีกาฯ สั่งทุเลาโทษจำคุกตาม วิอาญา มาตรา 246 มีเนื้อหาระบุว่า ปัญหาการรับโทษจำคุกของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร ที่ได้รับการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่รัฐเยี่ยงเทวดา สร้างความสั่นคลอนต่อระบบยุติธรรมไทยอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน ล่าสุด หลังผ่าน 120 วัน กรมราชฑัณฑ์ ชี้แจงว่า “ขณะนี้ นายทักษิณ ชินวัตร ได้ออกไปรับการรักษาตัวยังโรงพยาบาลตำรวจเกินระยะเวลา 120 วัน โดยเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ดำเนินการประสานไปยังโรงพยาบาลตำรวจเพื่อรับทราบถึงอาการป่วยของนายทักษิณ ซึ่งแพทย์ได้รายงานอาการเจ็บป่วยในหลายประการที่ต้องเฝ้าระวังโดยแจ้งความเห็นว่า ผู้ป่วยอยู่ระหว่างการรักษาของแพทย์เฉพาะทางและต้องดูแลอย่างใกล้ชิดถึงอาการป่วย เพื่อให้พ้นจากสภาวะอันตรายแก่ชีวิต”
นายเชาว์ ระบุต่อว่า ฟังได้แค่ขำๆ เพราะไม่มีใครเขาเชื่อ เช่นเดียวกับ กมธ.ตำรวจ สภา ไปตรวจงานที่โรงพยาบาลตำรวจ มีการส่งตัวแทน คือ นายชัยชนะ เดชเดโช ประธาน กมธ. เป็นตัวแทนขึ้นไปชั้น 14 ที่นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร พักรักษาตัวอยู่ แต่ไม่ได้เห็นแม้แต่เงาของนักโทษชายทักษิณ จนอดขำไม่ได้เช่นกัน เพราะภารกิจนี้ของ กมธ. ไม่สมเหตุสมผลมาตั้งแต่แรก จึงถูกตั้งข้อสงสัยว่าสถานการณ์แบบนี้รู้อยู่แล้วหรือไม่ว่า สิ่งที่ได้จากภารกิจนี้จึงมีเพียงแค่ โหนกระแสนักโทษชายทักษิณให้ได้เป็นข่าวเท่านั้น
ขณะที่บางคนคิดไปไกลถึงขั้นว่า มีใครกำลังเคาะกะลา เรียกเรตติง สร้างราคาให้ตัวเอง เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองประโยชน์อะไรอยู่หรือเปล่า จึงเป็นห้วงเวลาแห่งความสิ้นหวังต่อระบบยุติธรรมไทย แต่ละองค์กรและเทะไปหมดในยุคนักโทษชายครองเมือง ผมเคยทำจดหมายเปิดผนึกถึง ป.ป.ช. และอัยการสูงสุด ในฐานะโจทก์แต่ละคดีทั้งสามคดี ในฐานะผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงให้ใช้สิทธิยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ให้ศาลไต่สวนพฤติการณ์ การจำคุกของนักโทษชายทักษิณ ว่า ถูกต้องตามบทบัญญัติของกฎหมาย หรือไม่ เพราะเชื่อว่าไม่ได้ป่วยจริง แต่ ป.ป.ช.และอัยการสูงสุดก็ไม่ขยับ แต่ก็มีคนเคยนำประเด็นนี้ไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาโดยตรงแต่ศาลยกคำร้องอ้างเหตุเป็นอำนาจของราชทัณฑ์ ภายหลังจากที่กรมราชฑัณฑ์แถลงหลังนอนอยู่ รพ.ตำรวจ เกิน 120 วันของนักโทษชายทักษิณ ว่า “อยู่ระหว่างการรักษาของแพทย์เฉพาะทางและต้องดูแลอย่างใกล้ชิดถึงอาการป่วย เพื่อให้พ้นจากสภาวะอันตรายแก่ชีวิต”
“ผมจึงเห็นว่า กรณีเจ็บป่วยของนักโทษชายทักษิณจึงน่าจะเข้าหลักเกณฑ์เรื่องการทุเลาโทษจำคุกตาม ป.วิฯ อาญา มาตรา 246(2) บัญัตติว่า เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก ให้ศาลมีอำนาจสั่ง ให้ทุเลาการบังคับให้จำคุกไว้ก่อนจนกว่าเหตุ อันควรทุเลาจะหมดไป ดังนั้น เมื่อเป็นการทุเลาโทษจำคุก จึงถือว่านักโทษชายทักษิณยังไม่ได้รับโทษจำคุก จนกว่าจะหายป่วย และส่งตัวเข้าเรือนจำตามปกติจึงจะเริ่มรับโทษจำคุกใหม่ การพักโทษที่นักโทษชายทักษิณกำลังจะได้รับก็ยังไม่เริ่มนับเช่นเดียวกัน”
“ผู้เกี่ยวข้องควรเริ่มดำเนินการทันที เพราะหากไม่ทำอะไรเลย เท่ากับตอนนี้นับถอยหลังรอวันนักโทษเทวดาพ้นคุกแบบชิลๆ เนื่องจากเหลืออีกเพียงเดือนเศษ ก็จะเข้าหลักเกณฑ์ขอพักโทษแล้ว หากปล่อยให้ถึงวันนั้น ระบบยุติธรรมไทยคงเสื่อมถอยมากในสายตาของประชาชน และผมเชื่อเลยว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่นายทักษิณพ้นคุก สุขภาพของเขาจะแข็งแรงขึ้นมาทันที รวมถึงจะกลับมามีบทบาททางการเมืองอย่างเข้มข้น คนที่เป็นนายกฯ อยู่ในปัจจุบัน ก็จะเหลือค่าแค่นอมินีเท่านั้น ไม่แตกต่างจากในอดีต ผมขอย้ำว่า คนทำผิดต้องติดคุก คนทำร้ายชาติบ้านเมืองต้องไม่ได้ดี” นายเชาว์ ระบุ ทิ้งท้าย