กมธ.ตำรวจ สภาผู้แทนฯ จ่อบุกชั้น 14 รพ.ตำรวจ 12 ม.ค.นี้ หาข้อเท็จจริง ‘ทักษิณ’ ยังรักษาตัวอยู่จริงหรือไม่ ส่วน รพ.ตร.จะยอมให้ขึ้นไปตรวจหรือไม่ เป็นสิทธิที่ทำได้ พร้อมขอเอกสารกรมราชทัณฑ์เพิ่ม
นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังการประชุม กมธ.การตำรวจ วาระพิจารณาคำร้องของนายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ขอให้ทาง กมธ.ตำรวจ ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจจริงหรือไม่ ว่า ในที่ประชุมได้ข้อสรุปมาดังนี้ 1.เรื่องการวินิจฉัยให้นายทักษิณรักษาตัวที่โรงพยาบาลใดนั้น เป็นความเห็นของแพทย์ โรงพยาบาลราชทัณฑ์ว่า มีอาการป่วยอะไรบ้าง อย่างโรคไวรัสตับอักเสบบี และนายทักษิณมีอาการแน่นหน้าอกช่วงกลางดึก ซึ่งเป็นผลมาจากที่นายทักษิณเคยติดโควิดมาก่อน ทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับปอด แพทย์จึงมีความเห็นว่า ให้ส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ
2.เงินที่ใช้รักษาตัวนายทักษิณนั้น เป็นการใช้สิทธิตามสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์แจ้งว่า หากใช้เกินสิทธิ์ที่ สปสช. กำหนด ผู้ต้องขังมีสิทธิจ่ายเงินส่วนต่างได้ ตนจึงถามกลับไปว่า มีระเบียบข้อไหนที่ระบุว่า สามารถดำเนินการเช่นนี้ได้ ก็ขอให้กรมราชทัณฑ์ส่งเอกสารกลับมายัง กมธ.
3.ขอให้กรมราชทัณฑ์ส่งเอกสารข้อมูล ภาพถ่ายผู้คุมที่ปฎิบัติหน้าที่ ตั้งแต่นายทักษิณออกจากเรือนจำกรุงเทพฯ และโรงพยาบาลตำรวจ รวมทั้งการผลัดเปลี่ยนเวรต่างๆ ว่ามีจำนวนผู้คุมเท่าไหร่
4.ทางกรมราชทัณฑ์ได้ชี้แจงกับ กมธ.ว่า ให้ดูใบกรอกประวัติอิเล็กทรอนิกส์ว่า นายทักษิณได้กรอกข้อมูลเบื้องต้น ก่อนเข้ารับโทษ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อย่างถูกต้องเรียบร้อย แต่ทางผู้ร้องได้ระบุว่า ให้นำใบกรอกกระดาษ ท.ร.101 มาด้วย ซึ่งทางกรมราชทัณฑ์ก็จะรวบรวมส่งเอกสารให้เราต่อไป
5.ทาง กมธ. มีมติว่า จะเดินทางไปยังโรงพยาบาลตำรวจ ในเวลา 09.00 น. วันที่ 12 ม.ค. 2567 ก่อนวันเด็กแห่งชาติเพียง 1 วัน แต่หากในวันนั้นตรงกับการประชุม ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ก็ต้องเลื่อนออกไปก่อน
เมื่อถามว่า หาก กมธ. เดินทางไปรพ.ตำรวจ จะเชิญ พ.ต.ต.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไปด้วยหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ข้อมูลที่เราได้ในวันนี้ถือว่าครบถ้วนพอสมควร ส่วนเรื่องระเบียบที่ทางราชทัณฑ์ยังชี้แจงไม่ได้ ตนจึงบอกว่าให้ส่งเป็นเอกสารมา เมื่อได้เอกสารมาเราจะได้เห็นความกระจ่างทั้งหมด
ส่วนกรณีที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีนักโทษที่เข้าข่ายประมาณ 10,000 คนนั้น ตนยังตอบไม่ได้ และไม่ทราบว่ามีกี่คน เพราะต้องดูเอกสารก่อนว่า มีหลักเกณฑ์การพิจารณาอย่างไร และนักโทษที่เข้าข่ายมีจำนวนเท่าไหร่
เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ในวันที่ 12 ม.ค. 2567 จะมีการตรวจสอบอะไรบ้าง นายชัยชนะ กล่าวว่า ดูทั้งหมด ทั้งการรักษาตัว การปฎิบัติต่อผู้ป่วยที่เป็นผู้ต้องขังของโรงพยาบาลตำรวจ ว่าพักรักษาตัวที่ห้องใด ตึกใด และมีขั้นตอน มาตรการควบคุมผู้ต้องขังอย่างไร
เมื่อถามต่อว่า จะไปชั้น 14 ด้วยหรือไม่ นายชัยชนะกล่าวว่า ไปทุกชั้นที่มีผู้ต้องขังอยู่ เพราะเราไปศึกษาดูงาน
เมื่อถามว่า หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้เข้าชั้น 14 โดยอ้างว่าเป็นสิทธิ์ของผู้ป่วย นายชัยชนะ กล่าวว่าเราจะทำหนังสือแจ้งไปที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อเดินทางไปสืบหาข้อเท็จจริงให้สังคมไทยหายสงสัย ก็เป็นสิทธิ์ของโรงพยาบาลตำรวจที่จะตอบว่า จะอนุญาตแค่ไหน ตนไม่อาจก้าวล่วงได้
เมื่อถามอีกว่า ถ้า รพ.ตำรวจไม่อนุญาต กมธ.มีสิทธิ์ทำอะไรหรือไม่ นายชัยชนะกล่าวย้ำว่า ก็เป็นสิทธิ์ของโรงพยาบาลตำรวจที่จะต้องตอบสังคมให้ได้ว่า เพราะอะไร มีเหตุผลอะไรบ้าง
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า ในวันที่ 12 ม.ค. 2567 นายทักษิณจะยังอยู่ที่รพ.ตำรวจ นายชัยชนะ กล่าวว่า “ผมไม่ใช่เทวดาที่จะตอบได้ ถูกไหมครับ ถ้าผมเป็นเทวดา ผมจะตอบได้ว่า จะอยู่หรือไม่อยู่ แต่ 12 ม.ค. ต้องขึ้นอยู่ที่ว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบ จะให้สิทธิ์กับนักโทษคนใด อย่างไร แต่ถ้าผมไปตอบว่าอยู่ แต่เกิดไม่อยู่ ผมก็เสียหน้า ตอบว่าไม่อยู่ แต่เกิดอยู่ ผมก็เสียหน้า เพราะฉะนั้น ผมยังไม่ตอบ ผมไม่ได้เป็นซุปเปอร์แมนที่เนรมิตให้ทุกอย่างเกิดขึ้นได้”
เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีการปฏิบัติแบบสองมาตรฐาน กมธ.ได้คลายข้อสงสัยตรงนี้หรือไม่ นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ยังไม่คลาย เพราะต้องรอเอกสารที่กรมราชทัณฑ์ชี้แจงว่า ผู้ต้องหาใช้บัตรทองในการรักษาตัว ซึ่งเมื่อเกินสิทธิ์บัตรทอง มีระเบียบข้อใดรองรับ ให้สามารถใช้เงินของครอบครัวได้หรือไม่ ถ้ามีรองรับเราก็จะได้ประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนทราบว่า “ถ้านายเอ อยากใช้สิทธิ์เหนือนักโทษคนอื่น ก็สามารถใช้ได้ แต่ใช้เงินตัวเอง”