“เศรษฐา” พบหารือผู้อำนวยการใหญ่ FAO ย้ำ ความร่วมมือใกล้ชิดต่อเนื่องในการพัฒนาสิ่งแวดล้อม และการเกษตร พร้อมขอบคุณที่พิจารณาให้ไทยเป็นศูนย์กลางการจัดกิจกรรมวันดินโลก
วันนี้ (9 ม.ค.) เวลา 13.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายฉู ตง หยู (Mr. Qu Dongyu) ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization of the United Nations: FAO) และคณะ เข้าเยี่ยมคารวะ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในโอกาสเยือนไทย เพื่อติดตามการดำเนินงานของสำนักงาน FAO ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก และด้านเกษตรของประเทศไทย โดย นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า การเยือนครั้งนี้ของผู้อำนวยการใหญ่ FAO มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสานต่อความร่วมมือที่เข้มแข็งที่มีมาอย่างต่อเนื่องและยาวนานตลอดระยะเวลา 72 ปี ในฐานะที่ไทยเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกของ FAO ที่ได้รับเลือกให้เป็นที่ตั้งของสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (Regional Office for Asia and the Pacific: RAP) เป็นสำนักงานถาวร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 ไทยพร้อมร่วมมือกับ FAO อย่างใกล้ชิดเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวกับอาหารและการเกษตรที่ไทยมีศักยภาพให้แก่ประเทศอื่นๆ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้หารือกับ FAO สร้างความตระหนักในความสำคัญของทรัพยากรดินให้กับประเทศสมาชิก FAO อื่นๆ และสนับสนุนการประยุกต์ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี เพื่อผลิตสินค้าเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงสร้างความยั่งยืนด้านความมั่นคงทางอาหารในระดับชาติ ระดับภูมิภาค และระดับโลก
ผู้อำนวยการใหญ่ FAO ขอบคุณการต้อนรับ และการสนับสนุนการทำงานของสำนักงาน FAO ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกมาโดยตลอด FAO เชื่อมั่นต่อการทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรี และยินดีที่จะสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้ทางเทคนิคและวิชาการเพื่อยกระดับการทำงานด้านการพัฒนาสิ่งแวดล้อม การเกษตร และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำและดินกับไทยมากขึ้น พร้อมเชิญนายกรัฐมนตรีเยือนสำนักงานใหญ่ FAO ณ กรุงโรม ประเทศอิตาลี
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือในประเด็นความสัมพันธ์และความร่วมมือที่สำคัญร่วมกัน ดังนี้
ความร่วมมือขับเคลื่อนกิจกรรมวันดินโลก (World Soil Day) ทั้งสองฝ่ายเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรดินและน้ำเพื่อการเกษตร และย้ำว่าองค์การสหประชาชาติได้มีมติรับรองให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันดินโลก ซึ่งสำหรับประเทศไทย พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและจัดการทรัพยากรดินและน้ำเพื่อการเกษตรอย่างยั่งยืน สร้างความเป็นอยู่ที่ดีของเกษตรกร และการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน พร้อมทั้งการประกาศให้ วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันดินโลก จะเป็นการสืบสานพระราชปณิธานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาทรัพยากรดินให้เกิดความอุดมสมบูรณ์
โอกาสนี้ ไทยได้กล่าวถึงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนกิจกรรมวันดินโลก และแสดงความพร้อมในการพิจารณาข้อเสนอของ FAO ให้ไทยเป็นสถานที่ในการจัดกิจกรรมวันดินโลก เพื่อสื่อสารให้เห็นถึงความสำคัญของทรัพยากรดินให้เป็นที่รับทราบในวงกว้างและกระตุ้นให้ประเทศสมาชิก FAO ทั่วโลก ดำเนินกิจกรรมด้านการจัดการทรัพยากรดินให้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ซึ่งจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายที่ยั่งยืนด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร และการขจัดความอดอยากโลกขององค์การสหประชาชาติอีกทางหนึ่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะรับไปพิจารณา พร้อมหารือฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อไป
ความร่วมมือด้านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการผลิตทางการเกษตรของไทย จนกลายเป็นภัยคุกคามความมั่นคงทางด้านอาหาร โดย FAO เสนอให้สร้างความร่วมมือในการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีและการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคนิคในการสร้างขีดความสามารถ (Capacity Building) ให้กับไทย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตทางการเกษตรในสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางด้านภูมิอากาศ นอกจากนี้ FAO ได้เสนอแนะเพิ่มเติมในการสร้างให้คุ้งบางกะเจ้า อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ เป็นเมืองแห่งอนาคต (Future City) ที่มีสวนสาธารณะเป็นปอดยักษ์กลางใจเมืองเฉกเช่นเดียวกับสวนสาธารณะเซ็นทรัลพาร์ค ของเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา