“ก้าวไกล” รุมสับงบกลาโหม วอน “สุทิน” หยุดเป็นตรายาง

ก้าวไกลรุมยำงบกลาโหม วอน “สุทิน” หยุดเป็นตรายางกองทัพ หวั่น “สุทิน ดาวน์น้อย” สร้างหนี้ผูกพันซื้ออาวุธก้อนโต ทวงถามจุดยืน ปมจีนทำผิดสัญญาส่งมอบเรือดำน้ำล่าช้า

วันนี้ (4 ม.ค.) นายเอกราช อุดมอำนวย ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล อภิปรายงบประมาณกระทรวงกลาโหม ว่า ตนทราบว่า นายสุทิน คลังแสง จะเป็นพลเรือนคนแรกในประวัติศาสตร์ที่มาเป็น รมว.กลาโหม ดีใจมากที่จะมีพลเรือนคุมทหาร ไม่ใช่นายกฯมานั่งควบ รมว.กลาโหม เหมือนที่ผ่านมา คาดหวังนายสุทินจะขับเคลื่อนกองทัพมีประสิทธิภาพ เข้าใจมุมมองประชาชนต่อกองทัพ แต่จะทำได้จริงหรือไม่ ชักลังเล เพราะในร่างงบรายจ่ายปี 2567 ไม่รู้จะได้กองทัพรูปโฉมใหม่ที่ดูดีทันสมัยหรือไม่ กระทรวงกลาโหมได้งบเกือบ 1.98แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,800 ล้านบาท การที่รัฐบาลบอกจะลดกำลังพล แต่ปี2567 กลับมีงบกำลังพลเพิ่มขึ้น 1,725ล้านบาท สะท้อนว่า กลาโหมกำลังขยายขนาดหรือไม่

“นายสุทิน ต้องอธิบายการจัดสรรงบย้อนแย้งนโยบายเรื่องลดกำลังพล งบประมาณกองทัพส่วนใหญ่อยู่ใรายจ่ายที่ใช้กับทหารกองประจำการ อาทิ ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเครื่องแต่งกาย ค่าตอบแทนทหารกองประจำการ สูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาท แต่ทหารกองประจำการส่งเสียงมาว่า จะจัดซื้อเสื้อผ้า อาหาร ขอเป็นของมีคุณภาพหน่อย ไม่ใช่ของจับฉ่าย ที่ค่ายทหาร จ.นครพนม มีทหารร้องเรียน มีนายพล นายพันเก็บบัตรเอทีเอ็มทหารเกณฑ์ไว้ ต้องยอมให้เขาเก็บ เพราะไม่อยากมาเฝ้าแต่หญ้า ฆ่าแต่มดในค่าย แถมตั้งรหัสเอทีเอ็ม 1111 เหมือนกันหมด นายสุทินทรายหรือไม่ หากเป็นแบบนี้ใครอยากมาเป็นทหารแบบสมัครใจ”

นายเอกราช กล่าวว่า กองทัพควรเปลี่ยนเคพีไอค่าชี้วัดความสำเร็จ ควรชี้ให้ชัดว่า จำนวนทหารกองประจำการควรเป็นเท่าใด จะมีคนสมัครจริงเท่าใด และบังคับเกณฑ์เท่าใด ถ้าไม่ตั้งเป้าให้ชัด จะวัดผลการทำงานอย่างไร จะได้รู้จะยกเลิกบังคับเกณฑ์ทหารกี่โมง นายสุทินต้องไม่ปล่อยให้กองทัพจัดการกันเอง อย่าให้รัฐมนตรีเป็นแค่ตรายาง อย่างทหารเกณฑ์ในช่วงโควิด กองทัพสามารถลดทหารกองประจำการ ลดงบลงได้ แต่ช่วงนี้ทหารเกณฑ์ยังคงใช้อัตราใกล้เคียงแบบเดิม ลดลงเล็กน้อย เป็นนโยบายเรือธงหรือไม่ ขอให้นายสุทินตอบว่า ต้องมีทหารกองประจำการ ทหารอาชีพและนายพลเท่าใด นายสุทินยังจะลดนายพลอยู่หรือไม่ หรือจะไปร้องเพลงอย่างเดียว ส่วนงบลับกลาโหม เหตุใดเท่ากันทุกปี อัตราเบิกจ่ายรวดเร็ว ครบถ้วน100% ถ้าปรารถนาจะปฏิรูปกองทัพด้วยงบลับ เพื่อสานสัมพันธ์ทหารเกือบ 500ล้านบาท ที่มีบรรทัดเดียวอิ่มกันถ้วนหน้าหรือไม่

ด้าน นายชยพล สท้อนดี ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล กล่าวว่า งบกลาโหมจัดซื้ออาวุธลดลงกว่า 2.4 พันล้านบาท สาเหตุที่ลดลงมาจากการ “สุทิน ดาวน์น้อย” แต่ผ่อนนานขึ้น พบว่างบประมาณปี2566 ดาวน์ซื้ออาวุธ 13% ปี 2567 ดาวน์ 9% หากรักษาวินัยการคลัง ไม่ให้ผ่อนหนักนานๆ ต้องรักษาสัดส่วนการดาวน์อยู่ในระดับ 20% การทีรัฐบาลชุดนี้มียอดดาวน์น้อย จะทำให้ยอดก่อหนี้ผูกพันต้องผ่อนยาวๆ รวมมูลค่า 5.78 หมื่นล้านบาท มากกว่าปี 2566 อยู่ 2-3 เท่า ซ่อนหนี้ก้อนโตไปไกลๆ ถ้าตรวจสอบปีต่อปีจะมองไม่เห็น แต่ถ้ามองอนาคตจะเห็นความพินาศชิ้นใหญ่รออยู่ ส่วนการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือนั้น จีนทำผิดสัญญา เลยการส่งมอบเรือไปแล้ว 94 วัน นับแต่วันครบกำหนด 2 ต.ค. 2566 ขอถามนายสุทิน และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและ รมว.คลัง จะทำอย่างไร จุดยืนพรรคเพื่อไทยยังเหมือนเดิมสมัยที่เป็นฝ่ายค้านหรือไม่ ตั้งแต่ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อภิปรายไว้ในสภา และตอนนี้ได้เป็นที่ปรึกษานายกฯแล้ว ขอให้นายกฯฟังความเห็นของนายยุทธพงศ์ด้วย