วันนี้(31 ธ.ค.)นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวอวยพรปีใหม่ให้กับประชาชนว่า ขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนได้ก้าวไปสู่ปี 2567 ซึ่งถือเป็นปีแห่งความมงคล เจริญในทุกๆด้าน ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ทั้งสติ ปัญญา และการทำมาหากิน ให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น โดยรัฐบาลจะตั้งใจทำงานเต็มที่เพื่อมอบเป็นของขวัญแก่ประชาชน สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจให้ได้ รวมถึงปัญหาที่ค้างคาสะสมจากหลายๆ ปีที่ผ่านมา
“รัฐบาลขอสัญญาว่า ปีหน้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นในทุกด้าน เพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนคนไทยทั่วประเทศ”
ในส่วนกระแสการเรียกร้องให้ยกเลิกการเกณฑ์ทหารที่เป็นนโยบายของหลายพรรคการเมืองนั้น นายสุทิน กล่าวถึงกรณีนี้ว่า การยกเลิกทหารเกณฑ์ทำได้ด้วย 2 วิธี 1.ออกกฏหมายยกเลิก หรือ 2.ยกเลิกด้วยวิธีธรรมชาติ ก็ต้องดูบริบทว่าควรเหมาะกับประเทศไหน อย่างประเทศที่มีการสู้รบกันถ้าคุณไปยกเลิกเกณฑ์ทหาร พอเกิดสงคราม มันไม่มีวิธีจะไปเรียกคนมารบช่วยได้เลย สำหรับประเทศเราไม่ต้องไปยกเลิกหรอก ไม่ต้องไปออกกฏหมายห้ามเกณฑ์ทหาร แต่ยกเลิกโดยธรรมชาติคือ ชวนคนสมัครใจมาเยอะๆ พอครบตามเป้าก็ไม่ต้อง นี่มันเป็นวิธีสมูทและไม่ปิดหนทางตัวเอง
แต่การจะให้คนสมัครใจก็ต้องสร้างแรงจูงใจ
“วันนี้เราสร้างแรงจูงใจอยู่ เช่น การปรับขบวนทัพใหม่ พี่น้องประชาชนที่คิดว่าลูกหลานมาเป็น ทหาร 2 ปีคือ 2 ปี ที่เสียโอกาส แต่จากนี้จะเป็น2 ปีแห่งการได้โอกาส ส่วนทหาร กองทัพ เป็น2 ปีกับการเอาลูกชาวบ้านมาฝึกเตรียมรบ ต่อไปนี้ ต้องเป็น 2 ปี แห่งการพัฒนา ทรัพยากรมนุษย์ เอาลูกชาวบ้านมาพัฒนาเป็นทรัพยากรมนุษย์ ผมมั่นใจว่าปีหน้าจะมีทหารสมัครใจทั้งผ่านออนไลน์ และสมัครตรงครบตามเป้า 50% อย่างแน่นอน“นายสุทิน กล่าว
รัฐมนตรีกลาโหม กล่าวย้ำว่า แรงจูงใจที่กระทรวงกลาโหม ได้ปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม เริ่มตั้งแต่ เงินเดือนของทหารเกณฑ์ที่จากนี้ไปจะได้รับเต็มจำนวน โดยไม่มีการหักค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น การศึกษาต้องไม่มีการหยุดเรียนกลางคัน เพราะทหารเกณฑ์สามารถเรียนต่อได้ ทั้ง กศน. มหาวิทยาลัย และเรียนวิชาชีพ โดยใช้ช่องทางออนไลน์ และยังเปิดโอกาสให้หารเกณฑ์ที่สนใจจะเป็นทหารอาชีพสอบเป็นข้าราชการนายสิบต่อได้ ด้วยการเพิ่มโควต้าจาก 10 % เป็น 80% ซึ่งแรงจูงใจเหล่านี้จะเห็นเป็นรูปธรรมทันการเกณฑ์ทหารในเดือนเมษายน ปี 2567 ได้ทันที
ขณะเดียวกัน สิ่งที่กระทรวงกลาโหม กำลังเร่งดำเนินการสร้างแรงจูงใจอย่างต่อเนื่องขณะนี้ คือการเพิ่มสวัสดิการในการรักษาพยาบาลให้กับทหารเกณฑ์ โดยจะครอบคลุมไปถึงบุคคลในครอบครัว ไม่ต่างกับสวัสดิการข้าราชการ ซึ่งนโยบายแรงจูงใจเหล่านี้ นายสุทิน ในฐานะรัฐมนตรีกลาโหม ยืนยันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับฝ่ายใด แต่เป็นนโยบายที่คิดขึ้น และทำจริง ด้วยความเห็นชอบจากทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล กองทัพ และหน่วยงานด้านการศึกษา