xs
xsm
sm
md
lg

“ภูมิธรรม” ลั่นรัฐบาลมุ่งให้ความเท่าเทียมด้านสุขภาพ ยกระดับ 30 บาทพลัส ให้ ปชช.เข้าถึงบริการสาธารณสุข

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ภูมิธรรม” ชี้ ขอเป็นรัฐบาลสนับสนุน มุ่งให้ความยุติธรรมเท่าเทียมด้านสุขภาพแก่ประชาชน พร้อมยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรคพลัส ให้เข้าถึงการบริการสาธารณสุข พร้อมรับฟังสังคมเห็นต่าง ตามระบอบประชาธิปไตย ขณะเตือนสติตัวเอง มีอำนาจมากต้องไม่ใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง

วันที่ 21 ธ.ค. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) กล่าวระหว่างร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 16 พ.ศ. 2566  ณ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการ คอนเวนชันเซ็นเตอร์ กรุงเทพฯ ว่า จากที่ได้เห็นวีดีทัศน์ ทำให้ตระหนักว่า อำนาจและไร้อำนาจ คือ 2 สิ่งที่คู่กันต้องบาลานซ์ให้เกิดความพอดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนที่ขณะนี้อยู่ในอำนาจจึงเป็นเครื่องเตือนสติให้คนที่อยู่ในอำนาจทุกคน แม้กระทั่งตนเองควรได้คิดและคำนึงถึงสิ่งต่างๆ ให้มาก เพราะการมีอำนาจมากก็อาจจะใช้อำนาจไปในทางที่ไม่ถูกต้อง เพราะการจะสร้างคนตัวเล็กให้มีอำนาจมากขึ้น จึงเป็นสิ่งที่เป็นพลังพลังถ่วงดุลให้อำนาจในสังคมบาลานซ์เกิดความเหมาะสมได้เป็นอย่างดี จึงต้องเริ่มต้นคิดถึงการสร้างพลังให้คนตัวเล็กที่จะมีส่วนในการสร้างชาติ สร้างประเทศตั้งแต่โบราณมา วันนี้ได้เห็นที่ประชุมสมัชชากับทุกฝ่ายจะทำให้ความหวังสู่ความเป็นจริงได้

สิ่งสำคัญ สังคมประชาธิปไตยคือการได้แสดงความคิดเห็นและอยู่ร่วมกันได้แม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน ในสังคมระบอบประชาธิปไตยซึ่งที่ผ่านมาการใช้ประชาธิปไตยอาจจะไม่ครบทุกด้านเพราะความเป็นประชาธิปไตยคือการเคารพรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างกันและมีพื้นที่ให้สามารถแสดงความคิดเห็นพร้อมดึงความคิดเห็นนั้นมาดึงจุดร่วม นำมาพัฒนาสังคมได้ ถือเป็นการเริ่มต้นของสมัชชาด้านสุขภาพ

นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า ดีใจที่สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ และเรื่องสุขภาพที่เป็นพื้นฐานมีการบูรณาการกับปัญหาต่างๆ นอกจากเรื่องสุขภาพแล้วยังมองเรื่องอื่นด้วย ซึ่งซึ่งการเชื่อมโยงนี้จะนำไปสู่ความสำเร็จที่ดีมากในอนาคตถือเป็นการเดินมาถูกทางแล้ว ทำให้เกิดความหวังที่จะก้าวไปสู่อนาคตข้างหน้า วันนี้เราเผชิญกับสังคมที่เปลี่ยนแปลงมาก ทั้งความคิดการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสุขภาพ ล้วนแต่ต้องปรับเปลี่ยนและก้าวให้ทันต่อสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปสามารถตอบสนองและแก้ไขปัญหาของสังคมที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเพราะมีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่สุขภาพและภาพรวมทั้งหมด จึงมองว่าการประชุมนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างโอกาสนำไปสู่การธรรมนูญสุขภาพแห่งชาติแสดงให้เห็นถึงความมีส่วนร่วมของภาคประชาชนและภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องที่ทำให้เป็นที่สามารถทำให้สุขภาพและสังคมพัฒนายิ่งดีขึ้นในอนาคต

ขณะที่ เราปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศไทยพบกับภัยคุกคามในหลายด้าน ทั้งทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้ประชาชนเกิดความเครียด เพราะฉะนั้นรัฐบาลและคณะกรรมการที่เกี่ยวข้อง มีหน้าที่ต้องร่วมกันแก้ไข ยืนยันว่า รัฐบาลนี้จะวางตัวเป็นรัฐที่สนับสนุนและพยายามแก้ไขกฎระเบียบเงื่อนไขต่างๆ ให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมและความจำเป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิตให้ประชาชน เพราะจะเป็นเครื่องชี้วัดสิ่งที่ประชาชนต้องการและอยากเห็น

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้นโยบายการทำงานต้องใช้ 3C
1. Comond ให้ประชาชนเป็นเป้าหมาย
2. Connectivity ต้องสร้างเครือข่ายให้เกิดความเข้มแข็งในภาคประชาชน
3. Can do สามารถทำได้หากทำอะไรได้ต้องให้ทำเลยไม่ต้องรีรอ อันไหนทำได้ทำก่อน ไม่มีคำว่าทำไม่ได้ต้องหาวิธีว่าจะทำอย่างไรให้ทำได้

นายภูมิธรรม ระบุว่า รัฐบาลมีความพยายามที่จะยกระดับนโยบาย 30 บาทพลัส ซึ่งต่อยอดจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคที่ทำมาดีอยู่แล้ว เพื่อให้ความเป็นธรรมด้านสุขภาพกับพี่น้องประชาชนซึ่งต้องวางระบบดาต้าเบส เชื่อมโยงบัตรประชาชนใบเดียวสามารถใช้ได้แสดงข้อมูลได้ทั้งหมด

วันนี้ ปัญหาใหญ่ทั้งหนี้นอกระบบและปัญหายาเสพติด ทำอย่างไรให้แก้ปัญหาไม่เป็นแบบไฟไหม้ฟาง หากมีปัญหาใหม่มาก็กระตือรือร้นที จึงอยากฝากให้ ทุกหน่วยงานบูรณาการเพื่อแก้ปัญหาให้เกิดความยั่งยืน โดยทุกภาคส่วนในสังคมมีส่วนร่วม ช่วยกันคิด ช่วยกันหาทางออก ในการแก้ปัญหา หลังจากนี้ ถือเป็นโอกาสดีที่จะช่วยกันลดปัญหาในสังคม ให้ก้าวไปอีกก้าวที่ไปถึงความหวังที่ตั้งไว้ และสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมในสังคม

พร้อมกันนี้ นายภูมิธรรม ระบุด้วยว่า รัฐบาลมุ่งให้ความเท่าเทียมด้านสุขภาพแก่ประชาชนให้เข้าถึงการบริการสาธารณสุข มากกว่านั้นต้องให้ความรู้ในการป้องกันโรคก่อนที่จะเกิด โดยใช้เครือข่ายอสม.ในพื้นที่เข้ามาช่วย เพื่อให้สุขภาพของพี่น้องประชาชนดีขึ้น ตามที่รัฐบาลได้แถลงนโยบายต่อสภา


กำลังโหลดความคิดเห็น