“พิธา” พอใจแจงศาล รธน.ยันแสดงเจตนาสละไม่รับมรดกหุ้นไอทีวี ก่อนร่วมพรรคอนาคตใหม่ มั่นใจกลับทำหน้าที่ ส.ส.ทันที หากพ้นข้อกล่าวหา คาด ศาลนัดชี้ขาดสถานะ 24 ม.ค. 67
วันนี้ (20 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการไต่สวนพยานคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้พิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) หรือไม่ จากกรณีเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์ หรือสื่อสารมวลชนใดๆ อยู่ในวันที่สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อนั้น มีรายงานว่า บุคคลที่ศาลเรียกไต่สวนมี 3 ปาก คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล กับ นายคิมห์ สิริทวีชัย ผู้ทำหน้าที่ประธานในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นไอทีวี เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 66 และยังเป็นผู้เซ็นรับรองในรายงานบันทึกการประชุม และ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. พยานฝั่งผู้ร้อง
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาในการไต่สวนประมาณ 2 ชั่วโมง โดย นายพิธา ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า บรรยากาศระหว่างการไต่สวน เป็นไปตามที่คาดหวัง รู้สึกพอใจกับกระบวนการ และได้ไต่สวนตามข้อเท็จจริงที่ตั้งใจไว้ทุกประการรู้สึกพอใจ ส่วนรายละเอียดในการชี้แจงคงให้สัมภาษณ์ไม่ได้เพราะเป็นการละเมิดศาล แต่ในส่วนข้อเท็จจริงที่สื่อมวลชนได้เคยนำเสนอเกี่ยวกับการยุติจากประกอบกิจการไอทีวี หรือสถานะผู้จัดการมรดกของตนเองก็ได้รับการไต่สวนจากศาลและฝ่ายกฎหมายของผู้ร้องและผู้ถูกร้องครบถ้วนแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
“สิ่งที่ให้สัมภาษณ์ได้ คือ พอใจและเป็นไปตามที่หวังไว้ทุกประการ รายละเอียดขอให้รอการสรุปอย่างเป็นทางการจากทางสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากนี้ไม่มีการนัดไต่สวน จะมีการนัดตัดสินหรือการอ่านคำวินิจฉัยเลย ผมยังมั่นใจเหมือนเดิม มั่นใจว่าได้ทำตามหน้าที่ในฐานะผู้ถูกฟ้องอย่างเต็มที่แล้ว และมั่นใจว่าจะได้รับความเป็นธรรมและความยุติธรรม หากคำพิพากษาเป็นคุณ ก็จะกลับไปทำหน้าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทันที” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่า ก่อนลงสมัคร สส.ได้ถือหุ้นไอทีวีไว้หรือไม่ นายพิธา ระบุว่า เป็นการถือแทนในฐานะผู้จัดการมรดก แต่ในส่วนรายละเอียดอยู่ในชั้นศาลตนไม่อยากที่จะละเมิดศาล แต่ก็ยืนยันว่า เป็นการถือแทนน้องชาย ซึ่งตนได้สละเจตนาตั้งแต่ก่อนอยู่พรรคอนาคตใหม่ และมีการปันทรัพย์มรดกกัน ตนจะตอบมากกว่านี้ไม่ได้ แต่ข้อนี้ก็เป็นหนึ่งในข้อที่มีการพูดคุยกัน ถ้าตอบไปจะเป็นการชี้นำสังคมและเป็นการละเมิดศาล
เมื่อถามต่อว่า ไอทีวี ได้ยุติการออกอากาศแล้วสามารถกลับมาทำสื่อได้อีกครั้งหรือไม่ นายพิธา ระบุว่า เรื่องนี้ขอให้ถามนายคิมห์ น่าจะเหมาะสมมากกว่า ส่วนตัวจะไปพูดแทนไม่ได้ แต่ถ้าได้ดูตามเอกสารที่ออกมาก็จะเห็นว่าไอทีวีได้ยุติการประกอบกิจการไปตั้งแต่ปี 50 ทรัพยากรอีกครึ่งหนึ่งก็ไปอยู่ไทยพีบีเอส แล้วตอนนี้ใบอนุญาตก็ไม่มี เพราะฉะนั้นการจะกลับมาประกอบกิจการเดิมก็ต้องมีทั้งคดีความที่เกี่ยวโยงกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือ สปน. ที่ศาลปกครองสูงสุด รวมถึงคลื่นความถี่ที่ไม่มีแล้ว ใบอนุญาตประกอบกิจการ ที่สอบถามไปยัง กสทช. ก็ไม่มี
สำหรับคำพิพากษาผู้จัดการมรดกต้องมาจากศาลแพ่งส่วนที่เหลือเป็นการปันทรัพย์ ที่มีการส่งข้อมูลทางดิจิทัลที่สามารถเห็นได้ ว่าฝ่ายนั้นถูกสร้างขึ้นมาเมื่อไหร่ และเรื่องของแสตมป์อากรก็ได้ชี้แจงไปแล้วครบทุกอย่าง
ทั้งนี้ ได้รับการรายงานว่าศาลรัฐธรรมนูญจะนัดคู่กรณีฟังคำวินิจฉัยคดีนี้ในวันพุธที่ 24 ม.ค. 2567 เวลา 14.00 น.