xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณเมินนิรโทษ มีทางรอดสบายแล้ว!?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ทักษิณ ชินวัตร
เมืองไทย 360 องศา

อาจจะเป็นช็อตต่อเนื่อง สำหรับนายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย หากใครก็ตามที่เชื่อว่าทั้งสองส่วนนี้มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน ขณะเดียวกันก็จะสังเกตเห็นว่า เวลานี้พรรคเพื่อไทยและคนในรัฐบาลตั้งแต่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมไปถึงแกนนำพรรคหลายคนที่แสดงท่าทีเฉยเมยหรือไม่มีท่าทางกระตือรือล้น กับการผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ไม่ว่าจะเป็นการผลักดันในนามรัฐบาล หรือว่าผลักดันในฐานะพรรคการเมือง

ต่างกับพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคก้าวไกล หรือแม้แต่กลุ่มการเมือง นักเคลื่อนไหวหลายคน ที่มีท่าทีสนับสนุนการนิรโทษกรรมกับผู้ที่เคยต้องโทษจากการเคลื่อนไหวทางการเมืองในอดีต และแม้ว่าในการสนับสนุนดังกล่าวนั้น อาจมีรายละเอียดต่างกัน เช่น ไม่สนับสนุนให้นิรโทษกรรมกับความผิดด้านความมั่นคง เช่น มาตรา 112 ความผิดการทุจริต คดีที่ก่อความรุนแรงประทุษร้ายชีวิต สถานที่ราชการ เป็นต้น

แน่นอนว่าแต่ละฝ่ายที่สนับสนุนและคัดค้านล้วนมีหลักการและเหตุผล แต่หากพิจารณาแบบโฟกัสแต่ละพรรคการเมืองก็เหมือนกับว่ามีที่มาและสาเหตุในการเคลื่อนไหวผลักดันต่างกันด้วย

เริ่มจากพรรคก้าวไกล ที่นาทีนี้เหมือนกับว่ามีการเคลื่อนไหวในลักษณะที่เรียกว่า “ร้อนรน” กว่าใครเพื่อน สำหรับการผลักดันร่างกฎหมายนิรโทษกรรม โดยเนื้อหามองว่ามีลักษณะที่ “ครอบคลุม” นั่นคือ คลุมไปถึงความผิดตามมาตรา112 ไปด้วย ซึ่งอาจเป็นเพราะ มีแกนนำพรรค หรือเรียกว่า “เจ้าของพรรค” ตัวจริง ส.ส.ของพรรค และผู้สนับสนุนพรรค ที่ถูกเรียกว่า “ม็อบสามนิ้ว” ถูกดำเนินคดีในความผิดอาญาตามมาตราดังกล่าวมากมาย และคดีกำลังมาถึงจุดชี้ขาด ที่ศาลกำลังทยอยอ่านคำพิพากษา หลายคนต้องติดคุก จึงต้องร้อนรนเป็นพิเศษหรือเปล่า

อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลในสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนไป หลังจากที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา วางมือทางการเมืองไป ทำให้ “เงื่อนไข” ในเรื่อง “เผด็จการสืบทอดอำนาจ” อะไรนั่นลดดีกรีลงไปด้วย ทำให้ความร้อนแรงในการเคลื่อนไหวทั้งกรณีของ “ม็อบสามนิ้ว” ที่แม้ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะแกนนำหลายคนกำลังถูกตัดสินจำคุก พรรคก้าวไกลเกิดเรื่อง “อื้อฉาว” ที่น่าอับอายต่อเนื่อง แต่เชื่อว่าส่วนสำคัญก็คือ “ไร้เงื่อนไข”ลงไป กลายเป็นการต่อสู้แย่งชิงกันระหว่างพรรคเพื่อไทย กับก้าวไกล อารมณ์ของสังคมกำลังเปลี่ยนเป็นตรงกันข้าม ล่าสุดร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกลที่กำลังจะเสนอเข้าสภาในสมัยประชุมนี้ ก็ไม่ผ่านประชาพิจารณ์เสียอีก ถือว่าลดทอนน้ำหนักลงไปมากทีเดียว

ขณะที่อีกด้านหนึ่ง หันมาทางพรรคเพื่อไทยในฐานะที่เป็นแกนนำรัฐบาลบ้าง ที่เวลานี้มองได้ว่า “ไม่มีความกระตือรือล้น” กับการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเอาเสียเลย ผิดกับในยุคก่อนหน้านี้ ที่มักจออกแอ็กชันร้อนแรงเสมอ แต่คราวนี้ผิดสังเกตมาก ล่าสุดท่าทีจากแกนนำพรรค

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึง กรณีที่พรรคมีการเรียกร้องให้เสนอร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ประกบร่างของฝ่ายค้าน ว่า เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทยจะต้องพิจารณา และยอมรับว่าเรื่องนี้พรรคเพื่อไทยค่อนข้างจะวางตัวลำบาก ไม่เหมือนพรรคอื่น ดังนั้น หากวางตัวผิดจะกลายเป็นเหยื่อทางการเมือง แต่ท่าทีของพรรคไม่ว่าจะเสนอร่างกฎหมายหรือไม่ ก็ไม่คัดค้าน โดยหากดูเนื้อหาสาระร่างกฎหมายเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายสังคมเข้าใจได้ ก็สนับสนุน

ส่วนที่วิปรัฐบาลจะเสนอ สภาให้ตั้งคณะกรรมการวิสามัญขึ้นมาศึกษากฎหมายนิรโทษกรรมก่อนเสนอร่างกฎหมาย นายสุทิน กล่าวว่า ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่รอบคอบ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสุ่มเสี่ยงที่จะก่อให้เกิด ผลไปในทางที่เกิดความขัดแย้งได้ ดังนั้นหากศึกษาก่อนก็เป็นเรื่องดี

สำหรับกรณีที่เกรงจะมองเป็นการซื้อเวลาหรือไม่นายสุทิน กล่าวว่า อยู่ที่การอธิบายและอยู่ที่เจตนา หากจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องศึกษา ก็ต้องอธิบายให้คนเข้าใจ แต่ถ้าอธิบายไม่ดีก็อาจถูกมองว่าซื้อเวลาแน่นอน

ส่วนที่มีบางส่วนมองว่า แทนที่จะสร้างความปรองดองแต่เป็นการสร้างความแตกแยกนั้น นายสุทิน ย้ำว่า ตรงนี้คือความละเอียดอ่อนที่ทุกคนต้องระมัดระวัง รวมทั้งพรรคเพื่อไทยที่ต้องระมัดระวังและคิดเรื่องนี้อย่างรอบคอบและสุขุม เช่นเดียวกับกรณีที่มีผู้วิพากษ์วิจารณ์ประกาศของกรมราชทัณฑ์ว่าเป็นการเอื้อให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงต้องระมัดระวังเพราะมีสิทธิ์โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง

ขณะที่ ท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ โดยหลักๆแล้วมีท่าทีสนับสนุน เพียงแต่ไม่เห็นด้วยกรณีความผิด มาตรา 112 คดีทุจริต คดีประทุษร้ายต่อชีวิต เป็นต้น

ผิดกับท่าทีของพรรคเพื่อไทย ที่ดูแล้ววยังอ้ำอึ้ง ไม่พูดเต็มปากเต็มคำ ซึ่งหากพิจารณาอย่างเข้าใจมันก็ต้องแสดงออกมาอย่างที่เห็น เพราะหากบอกว่ายังเข็ดเขี้ยวกับร่าง “พ.ร.บ.นิรโทษฯสุดซอย” ในอดีตยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ทำเอาพังมาแล้ว แต่หากพิจารณาเนื้อหาและเป้าหมายคราวนั้นมันก็รับรู้เจตนาได้ดีว่าต้องการ “ช่วยเหลือทักษิณให้พ้นคุกเท่านั้น” เรื่องอื่นเป็นแค่องค์ประกอบ ไม่ใช่สลักสำคัญอะไร

อย่างไรก็ดี มาถึงตอนนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไปแล้ว นั่นคือ เมื่อพิจารณาจากสถานะของนายทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังพักผ่อนอยู่ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ มานานกว่า 120 วัน หรือนานกว่า 4 เดือนแล้ว “ไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว” นาทีนี้จึงไม่จำเป็นต้องออกกฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อช่วยเหลือแล้วหรือเปล่า อีกทั้งอีกไม่นานก็คาดว่าจะได้กลับบ้านภายในเดือนธันวาคมนี้ หลังการที่กรมราชทัณฑ์ ได้ออกระเบียบใหม่เปิดทางให้ “คุมขังนอกสถานที่” นั่นคือ ความหมายแบบแคบเข้าใจง่ายๆ ก็คือ สามารถออกจากโรงพยาบาลตำรวจ ไปควบคุมต่อที่บ้าน ซึ่งก็คือ “บ้านจันทร์ส่องหล้า” นั่นแหละ

หรืออีกด้านหนึ่งก็มีความเป็นไปได้เหมือนกันว่า ได้ออกไปคุมตัวนอกสถานที่นานแล้วก็ได้ เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครตรวจสอบได้ ว่าเขายังอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ หรือไม่

ดังนั้น หากใครที่ไม่เชื่อคำพูดของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังเชื่อว่า นายทักษิณ ชินวัตร เป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย มันก็สามารถหาคำตอบได้ว่า ทำไมพรรคนี้ถึงไม่กระตือรือล้นกับการผลักดันกฎหมายนิรโทษฯ ซึ่งอธิบายได้ไม่ยาก จากคำสั่งใหม่ของกรมราชทัณฑ์ที่มีผลบังคับใช้ทันที เปิดทางให้ไปควบคุมตัวที่บ้าน (จันทร์ส่องหล้า) หรือเปล่า เพราะนายทักษิณ มีทางรอดแล้วหรือเปล่า !!


กำลังโหลดความคิดเห็น