ตามไปดูสายสัมพันธ์นักเรียนไทยในต่างแดน “กฤตัชญ์ กรรณิกา” ดีกรีเหรัญญิกสมาคมนักเรียนไทยในสหรัฐอเมริกา เยาวชนไทยผู้ไม่ลืมความเป็นคนไทย
อาจกล่าวได้ว่าการศึกษาที่ดีเป็นแหล่งบ่มเพาะความรู้ความสามารถให้เด็กและเยาวชนของชาติก้าวไปเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีคุณภาพ ดังนั้นจังหวะก้าวในการศึกษาจึงเป็นโอกาสสำคัญที่เด็กหลายคนตักตวงไขว่คว้าหาความรู้กันเต็มที่เพื่อแสดงศักยภาพในตัวเองออกมาให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเองและส่วนรวม
ดังเช่น นายกฤตัชญ์ กรรณิกา หรือ น้องมิว นักเรียนไทยในสหรัฐอเมริกาด้วยวัย 19 ปี ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ลูกชายของ ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพลและนักวิชาการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ชื่อดัง เปิดความในใจต่อสายสัมพันธ์นักเรียนไทยในต่างแดนที่ครั้งหนึ่งตนเองรู้สึกต่างคนต่างอยู่โดดเดี่ยวแบบ Bowling Alone ในประเทศอันกว้างใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาและสะท้อนให้เห็นระบบการศึกษาที่แตกต่างไปจากระบบการศึกษาของประเทศไทยว่าการศึกษาไทยที่เคยประกาศปฏิรูปมาร่วม 30 ปีแล้วควรเปลี่ยนแปลงให้ทันโลกยุคดิจิทัลและก้าวล้ำไปข้างหน้า แต่ไม่ลืมความเป็นคนไทยควบคู่กับสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างผู้เรียนรู้ในโลกใบใหญ่นี้
น้องมิว เกิดที่รัฐมิชิแกน สหรัฐอเมริกา สมัยที่คุณพ่อ คือผศ.ดร.นพดล กรรณิกา เรียนที่นั่น และชีวิตแห่งการเรียนก็ไปกลับไทย-อเมริกา ตอนมาไทยก็เรียนโรงเรียนเซนต์คาเบรียล ไปเรียนไฮสกูลที่ Walter Johnson รัฐแมรี่แลนด์ เรียกว่าเกาะติดตามคุณพ่อไปทุกที่ที่คุณพ่อไปเรียน
ปัจจุบันน้องมิวกำลังเรียนที่คณะบริหารธุรกิจ สนใจการเงินการบัญชีและความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่มหาวิทยาลัยจอร์ชวอชิงตัน สหรัฐอเมริกาชั้นปีสอง เรียกว่าตามรอยคุณพ่อมาติดๆ ตอนจบปีหนึ่งได้มีโอกาสฝึกงานด้านการเงินการบัญชี ช่วงปิดภาคฤดูร้อนที่บริษัท RSM ประเทศไทยในส่วนหนึ่งของ RSM International บริษัทอันดับห้าของสหรัฐอเมริกาและอันดับหกของโลกมีความเชี่ยวชาญด้านบริการตรวจสอบบัญชี ภาษีและที่ปรึกษา มีความมุ่งมั่นเข้าใจความต้องการลูกค้า รักษาคุณภาพและช่วยผลักดันให้ลูกค้าประสบความสำเร็จ ด้วยค่านิยมหลักคือ ความซื่อตรง ซื่อสัตย์สุจริต ความเป็นหุ้นส่วนกัน และความเป็นเลิศ
น้องมิว ด้วยวัยเพียง 19 ปี บอกว่า แม้จะได้สัญชาติอเมริกันและได้โอกาสเรียนกับนักศึกษานานาชาติในสหรัฐอเมริกา แต่ไม่เคยลืมความเป็นคนไทย พร้อมยังสำนึกรู้คุณชาติกำเนิดของเราที่เป็นคนไทย นอกจากนี้ยังมีโอกาสร่วมงาน วันชาติของราชอาณาจักรไทย และวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร หรือวันพ่อของประเทศไทย ที่วอชิงตัน ดี.ซี. ได้มีโอกาสถ่ายภาพกับเพื่อนสนิทนักเรียนไทยและท่านเอกอัครราชทูต นายธานี แสงรัตน์ ผู้มีจิตใจโอบอ้อมอารีดูแลพวกเราเสมือนเป็นลูกหลานอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง ในงานนั้นได้มีโอกาสพบปะกับ พันเอก มาร์ค มิลลิแกน (Col. Marc Milligan) และรองศาสตราจารย์ ดร.ณัฐชา ทวีแสงสกุลไทย แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และท่านผู้ใหญ่ใจดีอื่น ๆ อีกด้วย
น้องมิวยังเล่าให้ฟังต่อว่า วันนี้ดีใจมากที่ พี่ ๆ และเพื่อน ๆ รวมถึงผู้ใหญ่คนไทยให้ความไว้วางใจ และมอบตำแหน่ง เหรัญญิกหรือตำแหน่งนี้ภาษาอังกฤษคือ Treasurer ของสมาคมนักเรียนไทยในสหรัฐอเมริกา หรือ Association of Thai Students in the United States of America, ATSA ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร ที่น้องมิวต้องหลอมรวม สติ สมาธิและปัญญาให้เป็นตัวเดียวกันในการจัดการระบบการบัญชีและภาษีด้วยความซื่อตรงและรักษาผลประโยชน์ของสมาคมและของสมาชิกทุกคนด้วยการจัดการข้อมูลทางการเงิน บัญชีและทักษะทางเทคโนโลยีที่ต้องมีความปลอดภัยของข้อมูล (Information Security) ตามความสนใจของน้องมิวเรื่อง ความปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วย
สมาคมนักเรียนไทยในสหรัฐอเมริกานี้เป็นองค์กรที่มีคณะบริหารองค์กรและบอร์ดอำนวยการเชื่อมประสานและทำกิจกรรมร่วมกันของนักศึกษาไทยเปิดกว้างทุกมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกามีภารกิจสำคัญหลายอย่าง เช่น มุ่งเน้นการสร้างชุมชน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการสนับสนุนทางการศึกษา โดยภารกิจคือการสร้างเครือข่ายสนับสนุนสำหรับนักศึกษาไทย เพื่อส่งเสริมการตระหนักรู้ทางวัฒนธรรมและการพัฒนาทั้งทางส่วนบุคคลและวิชาชีพผ่านกิจกรรมและโครงการต่างๆ น้องมิวบอกว่าส่วนตัวคือไม่ลืมความเป็นคนไทย สำนึกรักบ้านเกิดเมืองนอน และเชื่อว่านักศึกษาไทยทุกคนก็คิดแบบนี้เช่นกัน
สำหรับบทบาทของน้องมิวในฐานะเหรัญญิกของ ATSA คือจัดการด้านการเงินขององค์กรด้วยความโปร่งใสและปฏิบัติตามกฎระเบียบขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร รวมถึงการจัดทำงบประมาณ การวางแผนทางการเงิน และแหล่งทุนเพื่อรักษากิจกรรมในภารกิจบทบาทของเราเชื่อมสายสัมพันธ์นักเรียนไทยในต่างแดนให้ยั่งยืน
น้องมิวเล่าให้ฟังต่อว่า หลังจบการศึกษา มีเป้าหมายจะได้รับโอกาสร่วมงานในฐานะส่วนหนึ่งของการรักษาผลประโยชน์สูงสุดของประเทศไทยและขององค์กรบนความเชี่ยวชาญผสมผสานระหว่างการเงินการบัญชีและเทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างเช่น ความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม อยากฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่เห็นความสำคัญของอนาคตชาติ และต้องการสนับสนุนอนาคตนักเรียนไทยที่จะกลับมาทำคุณประโยชน์ให้ส่วนรวมได้อีกมากให้กับประเทศด้วย