“ทักษิณ”ตัวอย่าง! “จตุพร” ท้า “เพื่อไทย” ใจใหญ่พอ ออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง 112 ให้คนอื่นด้วย “ดร.นิว” ซัด “ทนายสามนิ้ว” ปั่นกระแสบิดเบือน “ขายของออนไลน์อยู่ดีๆก็โดน ม.112” ชี้ เป็นการฟอกขาวผู้ต้องหาหมิ่นสถาบันฯ
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(7 ธ.ค.66) นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ ช่วงหนึ่ง ระบุถึงการนิรโทษกรรมว่า
ในปี 2566 เข้าใจว่า ทักษิณ ชินวัตร คนเดียวได้รับการอภัยโทษเฉพาะราย แต่ขณะนี้พรรคเพื่อไทยแสดงความต้องการออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยเสนอตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญมาศึกษาก่อนนำเข้าสภาวาระแรก ซึ่งสะท้อนถึงการนำไปเป็นปัญหาการเมืองมากกว่ามุ่งลดความขัดแย้งในสังคม
“เรื่องนี้ไม่ควรนำมาเล่นการเมืองกันอีก เมื่อทักษิณ คนชั้น 14 เป็นตัวอย่างแสดงถึงความเป็นสองมาตรฐาน กลับมาไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว ก็ควรให้คนอื่นได้เช่นกัน รวมทั้งคดี 112 ด้วย ดังนั้น ถ้าเพื่อไทยใจใหญ่พอต้องออกเป็น พ.ร.ก.(พระราชกำหนด) เพื่อให้ทุกคนได้ประโยชน์เลย”
“จตุพร” กล่าวด้วยว่า การจะออกเป็น พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น ต้องการผลออกมาอย่างไร ถ้าให้เกิดผลสำเร็จเพื่อบ้านเมืองได้เริ่มนับหนึ่งกัน โดยไม่ต้องสร้างความขัดแย้ง หรือมีปัญหาให้เกิดขึ้นใหม่อีก เพราะศัตรูวันนี้เป็นความไม่ถูกต้องของประเทศ”
ขณะเดียวกัน ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ ดร.นิว นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า
“ตลกมากเลยครับ เครือข่ายทนายสามนิ้วปั่นกระแสบิดเบือนว่า “ขายของออนไลน์อยู่ดีๆ ก็โดนมาตรา 112” ซึ่งถือเป็นการฟอกขาวผู้กระทำความผิดให้กลายเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะความจริง ผู้กระทำความผิดได้แชร์โพสต์บิดเบือนให้ร้ายสถาบันจำนวน 3 โพสต์ รู้แบบนี้แล้วคิดว่าเครือข่ายทนายสามนิ้วสกปรกไหมครับ?”
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดฟังคำพิพากษาในคดีของ “จิรวัฒน์” (สงวนนามสกุล) พ่อค้าขายของออนไลน์วัย 32 ปี ซึ่งถูกฟ้องในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3), (5) กล่าวหาว่า แชร์โพสต์เฟซบุ๊กทั้งหมด 3 โพสต์เมื่อปี 2564 โดยเป็นโพสต์ของบุคคลทั่วไป 1 โพสต์ (คำปราศรัยของ ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ ‘มายด์’) และเป็นโพสต์จากเพจ “KTUK – คนไทยยูเค” จำนวน 2 โพสต์ ศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุกกระทงละ 3 ปี รวม 3 กระทง จำคุก 9 ปี เนื่องจากจำเลยให้การเป็นประโยชน์จึงลดเหลือ 6 ปี ไม่รอลงอาญา