“เศรษฐา” ใช้ยาแรง พรุ่งนี้ รวบแก๊งปล่อยกู้ทวงหนี้โหดชัยนาท ลั่นรับไม่ได้ บ้านเมืองมีขื่อมีแป อย่ามาอุกอาจ ซัดท้าทายไปหน่อยไหม หลังเพิ่งประกาศเป็นวาระแห่งชาติ
วันนี้ (6 ธ.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยระหว่างเข้าร่วมสัมมนาพรรคเพื่อไทย ว่า ได้เรียก พลตำรวจโท ฐากูร นัทธีศรี ผู้บัญชาการตํารวจภูธรภาค 3 พลตำรวจโท จิรสันต์ แก้วแสงเอก ภาค 1 และพลตำรวจตรี ณรงค์ฤทธิ์ ด่านสุวรรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เพื่อมาพูดคุยในประเด็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยเฉพาะกรณีเจ้าของร้านส้มตำแห่งหนึ่ง ในจังหวัดชัยนาท ถูกเจ้าหนี้ทวงหนี้โหด หลังการสอบถาม และพูดคุย
หลังจากได้รับรายงานการทวงหนี้โหดที่จังหวัดชัยนาท นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ตนเองได้เรียกผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 2 ภาค 3 ที่ดูแลในพื้นที่ให้มารับนโยบาย ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ถือเป็นการท้าทายเจ้าหน้าที่ ต้องจัดการให้เด็ดขาด และสาวถึงต้นตอให้ได้ ซึ่งเรื่องนี้เป็นกรณีตัวอย่าง ว่า หากเกิดขึ้นมาแล้ว ตนเองในฐานะนายกรัฐมนตรี ซึ่งผลักดันนโยบายนี้ ต้องทำให้สำเร็จให้ได้ พี่น้องประชาชนถูกรังแก มีการคิดดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม เขาก็ไม่มีขวัญ และกำลังใจในการทำงาน อาจหันไปพึ่งยาเสพติด หรือเป็นอาชญากรรม ซึ่งตนเองจะมีการแถลงข่าวเรื่องนี้ในวันที่ 8 ธ.ค. นี้ ถือเป็นนโยบายที่ให้ความสำคัญอย่างสูงสุด
ส่วนการคิดดอกเบี้ยที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด นายกรัฐมนตรี ระบุว่า มีการคิดดอกเบี้ยเกินกว่ากำหนดอยู่แล้ว กรณีนี้ไม่มีเรื่องเชิงชู้สาวอย่างที่ข่าวออกไป ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปสืบหาพยานหลักฐานว่าเป็นเรื่องที่เกิดจากหนี้ โดยสองวันก่อนการประกาศให้เรื่องหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ และมาทำอย่างนี้ ถือว่าท้าทายไปหน่อยไหม บ้านเมืองมีขื่อมีแป โดยจะมีการจับกุมในวันพรุ่งนี้ ก็ว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย หากสามารถแถลงข่าวได้โดยไม่เสียรูปคดีก็ทำได้ ตนเองได้กำชับไปแล้ว และฝากไปบอกผู้บัญชาการในภาคต่างๆ ด้วย
ส่วนหลังจากที่กำชับกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแล้ว ประชาชนชาวอุ่นใจเรื่องนี้มากขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า กรณีนี้ เราต้องดับไฟตั้งแต่ต้นลม เพราะเป็นกรณีที่มีการข่มขู่ หากกลัว และไม่กล้ามาบอก เราก็จะไม่ทราบว่ามีหนี้นอกระบบหรือไม่ พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็จะดูแลคุ้มครอง หากถูกข่มขู่สามารถเดินไปแจ้งตำรวจได้เลย
ส่วนหนี้นอกระบบส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับข้าราชการ หรือผู้มีธิพลนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า แต่ละกรณีมีความพัวพันที่แตกต่างกัน ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวโทษด้วย แต่ยืนยันว่าหากมีความพัวพันจริง ก็จะจัดการ อย่าไปมีข้อสรุปหรือมีธงว่าใครอยู่เบื้องหลัง
ส่วนความกังวลให้การแก้ปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบ นายเศรษฐา ระบุว่า บ้านเมืองมีขื่อมีแป เราต้องจัดการให้ได้ เพราะเป็นปัญหาตั้งต้นของอะไรหลายหลายอย่าง หลายคนก็ทำงานมาเหนื่อย แต่ไม่มีเงินเก็บ เพราะใช้หนี้ไม่หมด และเกิดปัญหาอื่นตามมา
เมื่อถามถึงมาตรการหรือแนวนโยบายในการซัพพอร์ตให้ชาวบ้านเข้าถึงแหล่งเงินทุน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ทุกอย่างต้องเข้าถึงเงินทุนได้ เดี๋ยวจะเป็นหนี้ในระบบที่เราต้องมีการแก้ไขต่อไป วันนี้เอาเรื่องนี้ให้จบก่อน ซึ่งผู้ที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนไม่ได้ ก็ต้องทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนให้เร็วที่สุด และต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ให้กู้ด้วย ต้องรับทั้งความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ต้องเหมาะสม
ทั้งนี้ ในตอนท้ายของการสัมภาษณ์ นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความยินดีหลังจากยูเนสโก ประกาศให้สงกรานต์ไทยเป็นมรดกโลกอีกด้วย