MGR Online - สำนักงาน ปปง. ร่วม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จัดประชุมหารือแนวทางการบังคับใช้กฎหมายฟอกเงินแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นวาระเร่งด่วน
วันนี้ (4 ธ.ค.) นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมายและโฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) เปิดเผยว่า ตามที่ นายกรัฐมนตรีได้กำหนดให้การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นนโยบายสำคัญที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน โดยได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมบูรณาการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว นั้น
นายวิทยา เผยว่า ล่าสุด วันนี้ พล.ต.ต.พุฒิเดช บุญกระพือ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะคณะทำงาน/เลขานุการศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน. ตร.) เข้าประชุมเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางในการบังคับใช้กฎหมายตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ที่เกี่ยวกับหนี้นอกระบบกับผู้แทนสำนักงาน ปปง.
นายวิทยา เผยอีกว่า โดย นายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการ ปปง. ได้มอบหมายให้ นายกมลสิษฐ์ วงศ์บุตรน้อย ผู้ช่วยเลขาธิการ ปปง. , นายวิทยา นีติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมาย , นายสุทธิศักดิ์ สุมน ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านกฎหมาย ร่วมประชุมฯ ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อหารือแนวทางในการบังคับใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกับแนวนโยบายของนายกรัฐมนตรี
โดยผลการหารือมีแนวทาง ดังนี้ 1. การกำหนดให้ความผิดเกี่ยวกับการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายว่าด้วยการห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราเป็นความผิดมูลฐาน โดยสำนักงาน ปปง. ได้แจ้งว่า ตามร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่..) พ.ศ. ....(ร่าง พรบ.) มาตรา 10 ได้มีการเพิ่มมูลฐานความผิดเกี่ยวกับการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราตามกฎหมายว่าด้วยการห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราซึ่งได้ทวงหนี้โดยวิธีการอันฝ่าฝืนกฎหมายว่าด้วยการทวงหนี้ และได้กระทำในลักษณะเป็นเครือข่ายอาชญากรรม เป็นความผิดมูลฐานแล้ว ทั้งนี้ ร่าง พรบ. ดังกล่าว คณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว ปัจจุบันสำนักงาน ปปง. ได้ส่งร่าง พรบ. ดังกล่าวไปยังเลขาธิการ ครม. ให้เสนอร่างต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ต่อไป
2. ในระหว่างที่ร่าง พรบ. ดังกล่าวยังไม่ได้ตราเป็นกฎหมาย เห็นควรนำความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น ความผิดเกี่ยวกับการกรรโชก หรือรีดเอาทรัพย์ที่กระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี่ หรือซ่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดเกี่ยวกับการประทุษร้ายต่อชีวิตหรือร่างกายจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา เพื่อให้ได้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์สิน หรือความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง หรือยักยอก ตามประมวลกฎหมายอาญา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระมาบังคับใช้เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบไปก่อนเพื่อดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว