xs
xsm
sm
md
lg

“อดีตรองอธิการ มธ.” ชี้ แก้หนี้นอกระบบ “เบี่ยงเบน” เงินดิจิทัล “สมชัย” จี้ รมว.คลัง บังคับในระบบดอกร้อยละ 15 ด้วย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน จากแฟ้ม
“อดีตรองอธิการ มธ.” ชี้ รัฐบาลโหมกระแสแก้หนี้นอกระบบ เบี่ยงเบน “เงินดิจิทัล” ส่อไม่รอด ระบุ ไม่มีอะไรใหม่ แนะ ตั้งกองทุนปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้มีรายได้น้อย “สมชัย” จี้ รมว.คลัง บังคับแก้หนี้ในระบบดอกไม่เกินร้อยละ 15 ด้วย

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (1 ธ.ค. 66) รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล ม.ธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า

“แม้ว่าการแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคการเกษตร ภาคธุรกิจและภาคประชาชนจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าจะดำเนินการแก้ไข แต่ที่เน้นในการแถลงก็คือ การพักหนี้เกษตรกรเท่านั้น หนี้นอกระบบต้องถือว่าเป็นปัญหาใหญ่มากปัญหาหนึ่งของประเทศ แต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้เน้นเรื่องนี้ในการแถลงต่อรัฐสภาแต่อย่างใด แต่จู่ๆ นายกรัฐมนตรีก็ลุกขึ้นมาให้ข่าวและแถลงข่าวว่าจะดำเนินการแก้หนี้นอกระบบอย่างจริงจัง จึงทำให้น่าสงสัยว่า ที่ลุกขึ้นมาทำเรื่องหนี้นอกระบบในช่วงนี้เพื่อต้องการเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมจากเรื่อง digital wallet ที่ทำท่าจะไปไม่รอดหรือไม่

ฟังจากการแถลงของนายกรัฐมนตรีแล้ว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ก็คือ ไม่มีอะไรใหม่ที่แตกต่างจากรัฐบาลชุดก่อนๆ ที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่มีรัฐบาลใดสามารถแก้ปัญหาหนี้นอกระบบได้สำเร็จ นอกจากจะไม่มีอะไรใหม่แล้ว ยังดูเหมือนว่า รัฐบาลยังไม่ได้วิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา และเลือกวิธีแก้ปัญหาที่ตรงจุด และวางแผนการดำเนินงานอย่างเป็นระบบมาก่อน ไม่ต่างอะไรกับ digital wallet ที่เพิ่งมาคลำหาวิธีการดำเนินการเมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้ว จนบัดนี้ก็ยังคงคลำอยู่

อย่าลืมที่ Albert Eistein เคยกล่าวไว้ว่า เราไม่อาจทำอะไรเหมือนเดิมทั้งหมด แต่ยังหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง ดังนั้นน่าจะอนุมานได้ว่า หากรัฐบาลยังไม่มีมาตรการใหม่ๆเพื่อแก้หนี้นอกระบบ ผลลัพธ์ก็ยังจะเป็นเช่นเดิมกับรัฐบาลชุดก่อนๆ

ภาพ รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร จากแฟ้ม
การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เท่าที่ผ่านมาเป็นเหมือนกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เจรจาเป็นรายๆ ไป จบแล้วจบกัน ตราบใดที่ยังไม่มีแหล่งเงินกู้ถาวรที่เป็นทางเลือกให้กับผู้กู้รายย่อย เพื่อทำให้ผู้ปล่อยกู้นอกระบบหมดความหมาย ผู้ที่เดือดร้อนเรื่องเงินก็ไม่มีทางเลือกอื่น เนื่องจากโอกาสที่จะกู้เงินจากสถาบันการเงินหลัก เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก จึงต้องกลับไปหาผู้ปล่อยกู้นอกระบบที่คิดอัตราดอกเบี้ยมหาโหดเช่นเดิม

หากรัฐบาลมีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้ได้แบบยั่งยืน ไม่ใช่เพียงต้องการคะแนนเสียง รัฐบาลต้องไม่เพียงให้ลูกหนี้มาลงทะเบียน แต่ต้องหาข้อมูล จัดทำบัญชีรายชื่อผู้ปล่อยเงินกู้ เช่นเดียวกับที่ทำกับผู้มีอิทธิพล และหลังจากการเจรจาประนอมหนี้แล้ว หากยังมีผู้ปล่อยเงินกู้ที่คิดอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าที่กฎหมายกำหนด และมีวิธีการทวงหนี้ที่ขัดต่อกฎหมาย ต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

รัฐบาลควรจัดตั้งกองทุนขึ้นโดยเฉพาะ เช่นเดียวกับกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา เพื่อปล่อยเงินกู้ให้ผู้กู้รายย่อยที่มีรายได้น้อยโดยไม่ต้องมีหลักประกันเงินกู้และคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำมากๆ โดยกำหนดวงเงินสูงสุดไว้ไม่ให้สูงจนเกินไป ที่เรียกว่า micro หรือ nano lending กองทุนดังกล่าวนี้อาจให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้ดูแล หรือจัดตั้งองค์กรขึ้นใหม่เป็นการเฉพาะก็ได้ และอาจเปิดให้บุคคลทั่วไปที่ต้องการช่วยผู้มีรายได้น้อยที่มีความเดือดร้อน สามารถใช้เงินตัวเอง ซึ่งเป็นเพียงหลักหมื่น ส่งเงินให้กู้ผ่านกองทุนนี้ได้ โดยดอกเบี้ยที่ได้รับไม่ต้องเสียภาษี

ไม่ว่ารัฐบาลจะใช้วิธีใดก็ตามในการแก้หนี้นอกระบบ มีวิธีใหม่หรือใช้วิธีเดิมๆก็ตาม หากทำได้สำเร็จจริง ก็ขออนุโมทนาด้วย เพราะดังที่กล่าวแล้วว่า หนี้นอกระบบเป็นปัญหาใหญ่มากของประเทศปัญหาหนึ่ง ใครสามารถแก้ปัญหาได้สำเร็จ ก็สมควรปรบมือให้ด้วยใจจริง”

ภาพ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร จากแฟ้ม
ขณะเดียวกัน นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)โพสต์เฟซบุ๊ก สมชัย ศรีสุทธิยากร ระบุว่า

“เรียน รมว.คลัง ทราบ

เงินกู้ในระบบ ซึ่งกระทรวงการคลังสร้างกลไกขึ้นมา ที่เป็นเงินกู้รายย่อย จำนวนเงินไม่เกิน 50,000 บาท ให้กู้ได้ในจังหวัดที่เรียกว่า พิโกไฟแนนซ์ (PICO Finance) มีอัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 33-36 ต่อปี น่าจะสวนทางกับการที่นายกบอกว่า เงินกู้นอกระบบต้องไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี ช่วยให้กระทรวงการคลังดำเนินการแก้ไขเพื่อประโยชน์ในการลดภาระหนี้ของประชาชนด้วย

อนึ่ง ยังมีเครื่องมืออื่นอีก เช่น ไมโครไฟแนนซ์ โดยธนาคารพาณิชย์ ที่มีดอกเบี้ยถึง ร้อยละ 28 ต่อปี และนาโนไฟแนนซ์ที่ดอกเบี้ย ร้อยละ 33 อีกด้วย

เมื่อบังคับแก้หนี้นอกระบบ เป็นไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปีว่าผิดกฎหมาย กรุณาบังคับแก้หนี้ในระบบเหล่านี้ ให้เป็นไม่เกินร้อยละ 15 ด้วย”


กำลังโหลดความคิดเห็น