xs
xsm
sm
md
lg

หาก “มาดามเดียร์”ฝ่าด่าน“กติกาพรรค”ได้ เก้าอี้หัวหน้า ปชป. ก็อยู่แค่เอื้อม **เอาให้สุดซอย "ไอดอลวิทยาศาสตร์" ฉาวคุกคามทางเพศ อย่าให้มีที่ยืน!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว




** หาก “มาดามเดียร์”ฝ่าด่าน“กติกาพรรค”ได้ เก้าอี้หัวหน้า ปชป. ก็อยู่แค่เอื้อม


การประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และหัวหน้าพรรคคนใหม่ จะมีขึ้นที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ ตั้งแต่ เวลา 8.30 น.วันที่ 9 ธันวาคมนี้

เรื่ององค์ประชุมที่เคยเป็นปัญหา เพราะในกฎหมายพรรคการเมือง ระบุว่าจะต้องมีไม่น้อยกว่า 250 ท่าน แต่ในส่วนของข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์รอบนี้ ได้มีการเตรียมองค์ประชุมไว้เบื้องต้น 346 คน ซึ่งนับรวมองค์ประชุมสำรอง 150 คนแล้ว จึงเชื่อว่าคงไม่ล่มเป็นครั้งที่ 3

สำหรับผู้ที่จะชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เปิดตัวมาแล้ว 2 คน คนแรกคือ “นราพัฒน์ แก้วทอง” รักษาการรองหัวหน้าพรรค ภาคเหนือ อดีต สส.ปาร์ตี้ลิสต์ และ อดีตสส.พิจิตร พรรคประชาธิปัตย์ บุตรชายคนโตของ “ไพฑูรย์ แก้วทอง” บ้านใหญ่เมืองพิจิตร อดีต สส.หลายสมัย

คนที่ 2 ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา คือ “มาดามเดียร์” วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมืองกรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ที่เพิ่งเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ได้เพียงปีเศษ ไม่เคยเป็น สส. หรือ รัฐมนตรี ในนามพรรคประชาธิปัตย์ และไม่เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์

วทันยา บุนนาค
“นราพัฒน์” มีข้อได้เปรียบเรื่องคุณสมบัติ ที่ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเป็นสส.ประชาธิปัตย์ มาหลายสมัย อยู่พรรคนี้มาเกิน 5 ปีแล้ว ... แต่ “มาดามเดียร์” ยังต้องฝ่าด่านคุณสมบัติ ที่ข้อบังคับพรรคได้เขียนล็อกเอาไว้ แต่ไม่ถึงกับเป็นทางตัน เพราะกุญแจที่จะไขเปิดทางให้ “มาดามเดียร์” เดินต่อไปได้ ก็คือ มติของที่ประชุมพรรค

ข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ ในเรื่องคุณสมบัติผู้ที่เข้ามาเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค และ หัวหน้าพรรคนั้น คือข้อที่ 31 และข้อที่ 32 ที่ระบุคุณสมบัติล็อกเอาไว้ถึง 9 ข้อ

1. สมาชิกผู้มีคุณสมบัติที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคจะต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ 2. เป็นสมาชิกพรรคติดต่อกันไม่น้อยกว่า 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง ( 9 ธ.ค.66) 3. เป็นหรือเคยเป็นกรรมการบริหารพรรค 4. เป็นหรือเคยเป็นคณะกรรมการสาขาพรรค

5.เป็นหรือเคยเป็นสส.ในนามพรรค 6. เป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรีในนามพรรค 7. เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ที่พรรคส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง 8. การเสนอชื่อผู้เป็นหัวหน้าพรรคต้องมีผู้รับรองไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของผู้ที่อยู่ในที่ประชุม (ข้อบังคับพรรค ข้อที่ 32) 9. หัวหน้าพรรคต้องมีคุณสมบัติ เป็นหรือเคยเป็น สส.ในนามพรรค

จะเห็นได้ว่า “มาดามเดียร์” ผ่านคุณสมบัติข้อ 1 มาได้ แต่พอมาเจอข้อ 2 ก็ไม่ผ่านแล้ว

 นราพัฒน์ แก้วทอง
แต่ยังมี “กุญแจ” อยู่หนึ่งดอกที่จะไขเพื่อเปิดทางให้ “มาดามเดียร์” เดินหน้าต่อไปได้ คือ ต้องมีเสียงโหวตจาก สมาชิกในที่ประชุมใหญ่ “ไม่น้อยกว่า 3 ใน 4” มีมติให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคได้!!

ถ้า “มาดามเดียร์” ไม่ผ่านด่านนี้ก็จบเห่... แต่ถ้าผ่านด่านนี้ นั่นแสดงว่า สมาชิกให้การต้อนรับคนรุ่นใหม่ที่จะมาเปลี่ยนแปลง กอบกู้พรรค โอกาสที่จะผ่านด่านต่อไปก็มีมากขึ้น

ซึ่งด่านต่อไป คือการโหวตชิงหัวหน้าพรรค ที่ประชาธิปัตย์มีการให้น้ำหนักการลงคะแนนต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ คือให้น้ำหนักส.ส.ในสัดส่วน 70% ส่วนองค์ประชุมอื่นๆที่เหลืออีก18 กลุ่ม จากทั้งหมด 19 กลุ่ม ให้ถือเป็นสัดส่วน 30% ของคะแนนเสียงขององค์ประชุมของที่ประชุมใหญ่

ขณะนี้ ประชาธิปัตย์มี สส. 25 คน แต่เดิมส่วนใหญ่อยู่ในความดูแลของ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รักษาการเลขาธิการพรรค และรักษาการหน้าพรรคซึ่งพร้อมที่จะเทเสียงให้ “นราพัฒน์”

แต่เมื่อเวลาเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ส.ส.สายใต้ ก็มีการแตกกลุ่ม โดยส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับ “เดชอิศม์ ขาวทอง” สส.สงขลา รักษาการรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ อีกส่วนหนึ่งอยู่กับ “ชัยชนะ เดชเดโช” สส.นครศรีธรรมราช รักษาการรองเลขาธิการพรรค

เดชอิศม์ ขาวทอง
ทั้ง “เดชอิศม์” และ “ชัยชนะ” ต่างต้องการขึ้นนั่งตำแหน่งเลขาธิการพรรค ซึ่งตำแหน่งนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเสียงโหวตของที่ประชุม แต่ขึ้นอยู่กับว่า หัวหน้าพรรคคนใหม่ จะจิ้มเอาใครไปทำหน้าที่ “แม่บ้านพรรค”

มีการจับคู่ คาดหมายกันว่า ถ้า “นราพัฒน์” เป็นหัวหน้าพรรค “เดชอิศม์” ก็ลอยลำเป็นเลขาฯ แต่ถ้า “มาดามเดียร์”ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค โอกาสที่จะเลือก“ชัยชนะ”ก็มีมากกว่า

ช่วงนี้ “มาดามเดียร์” จึงต้องออกเดินสายเพื่อขอเสียงสนับสนุนจากกลุ่ม 30% ที่เป็นสมาชิก เป็นหัวหน้ากลุ่ม หัวหน้าภาคต่างๆ ให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็มีตัวแทนไปล็อบบี้ขอเสียงหนุนจากสส. ด้วยเช่นกัน

ศึกชิงหัวหน้าพรรคครั้งนี้ คนวงในมองว่า ถ้า “มาดามเดียร์” ผ่านด่านคุณสมบัติ โดยมีสมาชิกในที่ประชุมถึง 3 ใน 4 โหวตรับรองแล้ว นั่นแสดงว่าเก้าอี้หัวหน้าพรรคก็อยู่แค่เอื้อม!!

ชัยชนะ เดชเดโช
**เอาให้สุดซอย "ไอดอลวิทยาศาสตร์" ฉาวคุกคามทางเพศ อย่าให้มีที่ยืน!!

โลกโซเชียลฯระอุเป็นเรื่องอยู่ครึ่งค่อนวัน ควานหาตัวการให้ควักว่าเป็นใคร? ใครหว่า "ไอดอลวิทยาศาสตร์"

เนื่องเพราะ "ไอดอลวิทยาศาสตร์" ผู้นี้ ภายนอกกับพฤติกรรมตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

หลังจากผู้ใช้เฟซบุ๊กนามว่า “Plai Fon Bys” โพสต์เตือนภัยถูกบุคคลในวงการวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง ซึ่งเป็น “ไอดอล”ของหลายๆคน มีพฤติกรรมคุกคามทั้งร่างกาย และ จิตใจ จน“ใจพัง”

เธอระบุตัดสินใจอยู่นาน ว่าจะออกมาพูดดีมั้ย ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นและพบว่า การออกมา Call Out มันช่วยเซฟน้องๆ หรือคนรอบตัวได้เยอะมาก

พี่ๆในวงการวิทย์เลยชี้ให้เราเห็นถึงความผิดปกติของผู้ชายคนนี้ เราสอบถามน้องๆ พี่ๆ ในวงการที่มีชื่อเสียง หรือ อาจารย์หลายคน ก็ค้นพบคำตอบที่น่าตกใจในรูปแบบเดียวกัน

เราไม่คิดว่าเขาจะกล้าทำกับผู้หญิงได้มากขนาดนี้ บางคนยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ!!

ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์
คนคนนี้มาในรูปแบบของ "ไอดอล" คนฉลาด มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ พูดจาน่าฟัง มีหลักการ แม้แต่เด็กโอลิมปิก หรือคนระดับ PhD หรือ ป.เอก รวมถึงอาจารย์หลายๆคนยังมองเขาไม่ออก

มารู้ตัวอีกทีก็โดนเขาเล่นงาน และจิตใจพังกันแล้ว!

เธอยืนยันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง

เพราะฉะนั้น อยากให้หลายๆองค์กรตรวจสอบพฤติกรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณของผู้ชายคนนี้ คนที่เรียกตัวเองว่าเป็น "อาจารย์" หรือ "นักสื่อสารวิทยาศาสตร์" ถึงการวางตัวไม่เหมาะสมระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์"

พลันนั้น มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็น และให้กำลังใจสาวผู้ถูกกระทำจำนวนมาก โดยขอบคุณที่ช่วยตีแผ่

เรื่องราวนี้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ขณะที่นอกจากชาวเน็ต ยังมีบรรดาอาจารย์ สายวิทยาศาสตร์ ก็เข้ามา เช่น “ดร.แทนไท ประเสริฐกุล” อาจารย์คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ ม.มหิดล “ผศ.ดร.ป๋วย อุ่นใจ” อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้กำลังใจ

เซเลปในโลกโซเชียลฯ ก็ปั่นป่วนว้าวุ่นหนัก เพราะเกรงจะถูกจับโยงและ"ชี้เป้า" ว่าคือ "ไอดอลวิทยาศาสตร์" คนนั้น

ระหว่างนั้นอีกด้านนักสืบโซเชียลฯ ก็ทำงานกันหัวหมุน ชื่อคนดังถูกพาดพิงมีอาทิ "อาจารย์อ๊อด".. "หมอแลปแพนด้า" "อาจารย์เจษ" หรือ "ป๋องแป๋งใดๆในโลกล้วนฟิสิกส์"

หมอแลปแพนด้า
“ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์” อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ บอกเลยว่า ไม่ใช่

เพจ "หมอแล็บแพนด้า" ก็โพสต์ถามลูกเพจเช่นกันว่า ไม่เกี่ยว เป็น “สมาชิกท่านใด” พร้อมไปกับ "เพจวิทย์ออกตัวกันพรึ่บ”

สุดท้าย “เดอะสแตนดาร์ด” ได้ออกแถลงการณ์ เรื่องการยุติและระงับการเผยแพร่รายการ ‘ใดๆในโลกล้วนฟิสิกส์’

เดอะสแตนดาร์ด ในฐานะผู้ผลิตรายการ “ใดๆ ในโลกล้วนฟิสิกส์” แจ้งว่า บริษัทฯ ได้รับทราบข้อมูลที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันดังกล่าวแล้ว และได้สอบถามข้อเท็จจริงกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเป็นการภายในอย่างเร่งด่วนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงมีมาตรการยุติการเผยแพร่รายการ “ใดๆ ในโลกล้วนฟิสิกส์” โดยมีผลทันที

ระงับการเผยแพร่เนื้อหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคคลดังกล่าวในทุกช่องทาง โดยมีผลย้อนหลังจนถึงปัจจุบัน

ยุติการร่วมงานกับบุคคลดังกล่าว

สำหรับพนักงานที่ได้รับผลกระทบ บริษัทฯให้ความสำคัญกับสภาพจิตใจ และมีมาตรการเยียวยาอย่างรอบด้าน ตามกระบวนการที่เหมาะสม

หากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย บริษัทฯพร้อมที่จะให้ความร่วมมือตามกระบวนการ

 ผศ.ดร.ป๋วย อุ่นใจ
งานนี้ “ผศ.ดร.ป๋วย อุ่นใจ” อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นดังกล่าว ผ่านเพจ “Puey Ounjai” ระบุว่า

“อ่านเรื่องนี้แล้วสะเทือนใจ…

แม้จะเคยได้ยินมาบ้างว่า มีนักสื่อสารท่านหนึ่งที่มีปัญหา เเต่ไม่รู้อะไรมากมายในรายละเอียด

ส่วนใหญ่ที่ได้ยินมาจะมีแต่เรื่องเงิน กับเนื้อหา แต่คราวนี้หนักมาก เข้าข่าย harassment ซึ่งเป็นเรื่องซีเรียสมาก ควรจะต้องมีการจัดการบางอย่าง เพื่อให้เรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นอีก

ขอบคุณน้องคนโพสต์ที่กล้าออกมาแจ้งเตือนว่า ไอดอลแสบๆ ก็มีนะ”

นี่เป็นพฤติกรรม “ไอดอลนักวิทยาศาสตร์” ที่ก่อปัญหาทำเรื่องสะเทือนใจให้สังคม ต้องเอาให้สุดซอย อย่าให้มีที่ยืน!


กำลังโหลดความคิดเห็น