โฆษก ปชป. มั่นใจ 9 ธ.ค. ได้หัวหน้าประชาธิปัตย์แน่ หลังเตรียมองค์ประชุม 346 เสียง พร้อมสำรองเพิ่มอีก 150 เสียง เผย ใช้เสียง 3 ใน 4 ขององค์ประชุมเปิดทางผู้สมัครคุณสมบัติไม่ครบลงแข่งได้
วันนี้ (2 ธ.ค.) นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงแนวทางการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ ในการประชุมใหญ่วิสามัญ ว่า ขณะนี้ได้มีการจัดเตรียมสถานที่ และกำหนดองค์ประชุมตามข้อบังคับพรรคประชาธิปัตย์ ข้อที่ 81 และที่ได้กำหนดไว้ในกฎหมายพรรคการเมืองว่าจะต้องมีไม่น้อยกว่า 250 คน แต่ข้อบังคับพรรคได้มีการเตรียมองค์ประชุมไว้เบื้องต้น 346 คน และมติรักษาการกก.บห.ที่ให้มีการกำหนดองค์ประชุมสำรองอีก 150 ท่าน ซึ่งจะเป็นบุคคลที่จะไปร่วมประชุมเป็นองค์ประชุมในการประชุมดังกล่าว
นายราเมศ กล่าวว่า แม้ขณะนี้จะมีความเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรคที่ได้เปิดตัวกับสื่อมวลชนไปบ้างแล้ว และอาจจะมีสมาชิกพรรคอื่นที่ยังไม่เปิดตัวต่อสาธารณะ เรียกว่าเป็นผู้แสดงเจตจำนงในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ยังไม่เรียกว่าเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นหัวหน้าพรรค เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการตามข้อบังคับพรรคก่อน โดยในวันที่ 9 ธ.ค. เมื่อมีการเข้าสู่ระเบียบวาระการเลือก กก.บห.ชุดใหม่ สมาชิกซึ่งเป็นองค์ประชุมจะเสนอชื่อของผู้แสดงเจตจำนง หรือบุคคลใดบุคคลหนึ่งต่อที่ประชุม พร้อมกับมีผู้รับรอง และเมื่อมีการตรวจสอบคุณสมบัติถูกต้อง ผู้แสดงเจตจำนงเหล่านั้น ก็จะเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งหัวหน้าพรรค อย่างเป็นทางการ
นายราเมศ กล่าวว่า ข้อบังคับพรรคระบุว่าคนที่ได้รับการเสนอชื่อต้องมีเสียงรับรองไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของที่ประชุม ซึ่งคิดว่าไม่น่ามีปัญหาเพราะโดยทั่วไปการเสนอชื่อบุคคลใดก็จะมีผู้รับรองให้อยู่แล้ว ส่วนกรณีที่ผู้แสดงเจตจำนงลงสมัครรับเลือกตั้งหัวหน้ามีคุณสมบัติไม่ครบตามข้อบังคับพรรค เช่น เป็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่น้อยกว่า 1 ปี นั้น ไม่ได้เป็นการยกเว้นหรือแก้ไขข้อบังคับ แต่จะให้สมาชิกที่เสนอชื่อต้องขอที่ประชุมใหญ่มีมติไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของที่ประชุมใหญ่ อนุญาตให้ลงสมัครได้ โดย กกต. เลือกตั้งของพรรคจะสั่งให้นับองค์ประชุม เพื่อคำนวนให้ได้ตามจำนวนดังกล่าว
”ผมมีความมั่นใจว่า ในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ พรรคจะได้หัวหน้าพรรคคนใหม่ และเชื่อมั่นว่า จะนำพาพรรคก้าวเดินต่อไปในอนาคต และต้องยึดหลักการของพรรคมุ่งมั่นฟื้นฟูพัฒนาพรรคให้เข้ากับสภาพสังคม เศรษฐกิจ การเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นำพาพรรคให้เกิดความร่วมมือร่วมใจกันพัฒนาพรรคให้มีความยั่งยืนในอนาคตต่อไป และจะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพประชาชนและประเทศ พร้อมกับจัดการบริหารพรรคควบคู่กันไป” นายราเมศ กล่าว
