xs
xsm
sm
md
lg

หมอสันติ พร้อมมาก ผุดโปรเจกต์ขอ งบ 1.5 แสนล้าน ผลิตแพทย์ 3 หมื่นคน "ลุงป้อม" กดไลค์ให้เบย **ปิดตำนาน บิ๊กคมช. “สพรั่ง กัลยาณมิตร” ผู้ไม่ยอมอยู่ร่วมโลกกับ “ระบอบทักษิณ”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**หมอสันติ พร้อมมาก ผุดโปรเจกต์ขอ งบ 1.5 แสนล้าน ผลิตแพทย์ 3 หมื่นคน "ลุงป้อม" กดไลค์ให้เบย

กระทรวงสาธารณสุขยุค “หมอชลน่าน ศรีแก้ว” รัฐมนตรีว่าการ และ "หมอสันติ" สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ผลงานออกจะเงียบๆ หงิมๆ จะมีเฮฮานิดหน่อยก็ช่วง "หมอชลน่าน" ปะทะฝีปากออกสื่อกับ "หมอจอมถีบ-ตบ" อาจารย์เอก ฝ่ามือพลังจิต

ขณะที่ “หมอชลน่าน”ง่วนกับเรื่องรับมือฝ่ามือพลังจิต "หมอสันติ" ที่ขึ้นชื่อเป็นคน "พร้อมมาก" ในเรื่องผุดไอเดียปั้นโปรเจกต์ ตั้งแต่อยู่ช่วยคลัง ก็ดีดลูกคิดรางแก้วว่าแล้วก็ภูมิใจนำเสนอโครงการให้ฮือฮาเลื่อนลั่นไปถึงป่ารอยต่อ

นั่นก็คือ...พร้อมมาก! ที่จะปั้นโครงการผลิตแพทย์ 30,000 คน โดยจะเสนอของบประมาณ 1.5 แสนล้านบาท

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว
“สันติ พร้อมพัฒน์” ผู้ที่อยากจะให้สื่อใส่ชื่อนำหน้าว่า “ดอกเตอร์” อธิบายว่า โครงการนี้เป็นการผลิตแพทย์เพื่อป้อนให้กับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือ รพ.สต. แห่งละ 3 คน

คำนวณแล้วว่า ทุนการผลิตแพทย์ 1 คน จะใช้เงินราวๆ 5 ล้านบาท เรียน 6 ปี หากผลิตให้ รพ.สต. แห่งละ 3 คน ก็เท่ากับว่าต้องผลิตแพทย์ทั้งหมด ประมาณ 3 หมื่นคน

เมื่อการเรียนแพทย์ ต้องใช้เวลานาน 6 ปี หารแล้วปีหนึ่งจะผลิตได้ 5,000 คน รวมแล้วใช้งบประมาณ 1.5 แสนล้านบาท

ถามว่า งบประมาณ 1.5 แสนล้านบาท สำหรับนโยบายนี้จะเข้า ครม.เมื่อไหร่ จะขอครั้งเดียว หรือเป็นงบผูกพัน "หมอสันติ" บอกว่า เป็นงบผู้พัน ปีละประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

สันติ พร้อมพัฒน์
ถามว่า งบประมาณ 1.5 แสนล้าน มากไปหรือไม่ “หมอสันติ” ว่าจริงๆ ก็ไม่มาก เมื่อเทียบกับค่ารถที่ประชาชนต้องจ้างรถไปหาหมอ หากคิดเฉลี่ย 1 คนไป 1 ครั้งต่อปี จะอยู่ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาท

งบประมาณที่ใช้จะถูกมองว่ามากหรือน้อยก็ว่ากันไป “หมอสันติ” โนพรอมแพลม บอกว่า พยายามที่จะให้เริ่มในปี 2567 แต่งบปี 67 ค่อนข้างตึงตัว แต่ก็จะผลักดัน อย่างช้าที่สุดคือปี 2568

นี่ถ้าไม่ได้คนระดับดอกเตอร์สันติที่คิดไวคำนวณไว เป็นคนอื่นอาจจะตอบคำถามอ้ำๆ อึ้งๆ ไปไม่เป็น

ที่สำคัญพอมุดเข้าถ้ำป่ารอยต่อ รายงานให้ "ลุงป้อม" พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถึงกับเอ่ยปากชม กดไลค์ รัวๆ บอกให้เร่งทำ

งานนี้ เมื่อได้แรงหนุนจากท่านหัวหน้า บอกเลยว่า หมอสันติ พร้อมมาก!

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
** ปิดตำนาน บิ๊กคมช. “สพรั่ง กัลยาณมิตร” ผู้ไม่ยอมอยู่ร่วมโลกกับ “ระบอบทักษิณ”

“พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร” อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก และ“อดีตบิ๊กคมช.” ผู้มีสีสัน มีบุคลิกเฉพาะตัว ได้เสียชีวิตอย่างสงบ หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยจากโรคมะเร็งปอด ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

กำหนดการสวดอภิธรรม วันที่ 23 -27 พ.ย. และฌาปนกิจ วันที่ 27 พ.ย. ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร

“พล.อ.สพรั่ง” เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2491 ที่ ต.สบตุ๋ย อ.เมืองฯ จ.ลำปาง เป็นบุตรคนที่ 7 ในจำนวน 8 คน ของ พันโทศรี (เป็นบุตรของ พระยาสุจริตรักษา (เชื้อ) โดยมีทวด คือ หลวงเดชนายเวร (ทองอยู่) และ นางเพ็ญแก้ว กัลยาณมิตร มีชื่อเล่นว่า "เปย"

“พล.อ.สพรั่ง” จบโรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 7 และโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้ารุ่นที่ 18 เริ่มรับราชการเมื่อปี 2512 เป็นผู้บังคับหมวดปืนเล็ก ร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 3 กรมผสมที่ 4 เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 4, ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 19 , ผู้บังคับการกรมนักเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร, ผู้บังคับการกรมนักเรียนนายร้อยรักษาพระองค์ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ข้ามมาเป็นผู้บัญชากองพลกองพลทหารราบที่ 15 เมื่อ พ.ศ.2540, ดำรงตำแหน่งแม่ทัพน้อยที่ 3 เมื่อ พ.ศ.2546 , ตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 3 เมื่อพ.ศ.2548

ช่วงที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 3 นี่เอง ที่ “พล.อ.สพรั่ง” มีบทบาทเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ด้วยบุคลิกเป็นคนตรงไปตรงมา ใช้คำพูดที่ดุดัน ตามสไตล์นักรบ “สายบู๊” แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนทางการเมือง ในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชัน และมักจะส่งสัญญาณว่า กองทัพพร้อมออกมาแก้ไขวิกฤตบ้านเมือง ที่เกิดขึ้นจาก“ระบอบทักษิณ”

พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร
เมื่อ “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ. ขณะนั้น ได้ทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจ รัฐบาล“ทักษิณ ชินวัตร”ในปี 2549 “พล.อ.สพรั่ง”ก็เป็นหนึ่งนายทหาร ที่มีบทบาทสำคัญในการรัฐประหาร ได้รับการแต่งตั้งเป็น ผู้ช่วยเลขาธิการคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย (คปค.) หลังการยึดอำนาจ และ เป็น 1 ในสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) โดยมี พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็นประธาน คมช.

หลังจากนั้น “พล.อ.สพรั่ง” ได้ขึ้นเป็น “5 เสือทบ.” ในตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก เข้าไลน์ที่จะชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. ในปี 2550 ซึ่งในครั้งนั้น มีแคนดิเดต อยู่ 3 คน ประกอบด้วย “พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร” ผู้ช่วย ผบ.ทบ. อาวุโสลำดับที่ 1 “พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ผู้ช่วย ผบ.ทบ. อาวุโสลำดับที่ 2 และ “พล.อ.มนตรี สังขทรัพย์” เสนาธิการทหารบก

โดยในช่วงโค้งสุดท้าย ตามหน้าสื่อฯ จะเหลือคู่ชิงดำแค่ 2 คน ระหว่าง “พล.อ.อนุพงษ์” กับ “พล.อ.มนตรี” โดย“พล.อ.สพรั่ง” หลุดโผ ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นคนที่มีบุคลิกแข็งกร้าว ไม่ประนีประนอม แบบว่าอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้กับ “ระบอบทักษิณ”

และในที่สุด “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ส่วน“พล.อ.สพรั่ง” ถูกโยกไปเป็น รองปลัดกระทรวงกลาโหม และเกษียณอายุราชการ ในตำแหน่งนี้

หลังจากนั้น “พล.อ.สพรั่ง” ก็เก็บตัวเงียบ ไม่ไปออกงาน หรือพบปะกลุ่มนายทหาร หรือเพื่อนร่วมรุ่นเลย ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย กับครอบครัวที่บ้านพักย่านพหลโยธิน จนวาระสุดท้ายของชีวิต สิริรวมอายุ 75 ปี

“ข่าวปนคน คนปนข่าว” ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ “พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร” มา ณ โอกาสนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น