เมืองไทย 360 องศา
จะเป็นเพราะ “หลุดปาก” แบบไม่ตั้งใจพูด หรือว่ามีเจตนาอะไรก็แล้วแต่ สำหรับการยอมรับของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ถูกมองว่า เป็น “เจ้าของพรรคก้าวไกล” ตัวจริง ว่า ตัวเขาได้พบกับนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษที่กำลัง “เจ็บป่วยเรื้อรัง” ด้วยโรคลึกลับ จนมีอาการน่าเป็นห่วงมานานกว่า 90 วันแล้ว โดยเขาบอกว่า เป็นการพบกันที่เขตเศรษฐกิจพิเศษฮ่องกง แต่อ้างว่า เป็นการพูดคุยกันเรื่อง “การเลี้ยงหลาน” ไม่มีเรื่องการเมือง แต่อย่างใด
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้ให้สัมภาษณ์ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ในรายการ “กรรมกรข่าว คุยนอกจอ” ตอนหนึ่ง ยอมรับว่า ในช่วงก่อนการจัดตั้งรัฐบาลได้เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เกาะฮ่องกง จริง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่นายธนาธร ยอมรับในเรื่องนี้ หลังจากมีกระแสข่าวสะพัดในช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
นายธนาธร กล่าวกับนายสรยุทธ ว่า เป็นปกติที่เราพบปะพูดคุยกับนักการเมืองทั่วไป แต่ยอมรับว่า ก่อนจัดตั้งรัฐบาลเสร็จ ได้มีการพบปะพูดคุยกันจริง แต่คุยเรื่องชีวิต เช่น ชีวิตมีหลานแล้วเป็นอย่างไรบ้าง เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ไปต่อรองเรื่องจัดตั้งรัฐบาล “เพราะผมเองไม่มีตำแหน่งในการเมือง และก็อาจจะโดนยุบพรรค ถ้าไปต่อรอง” นายธนาธร กล่าว
เมื่อถามว่า นายธนาธร ไม่มีอำนาจเหนือพรรคก้าวไกล ใช่หรือไม่ นายธนาธร ได้ตอบเลี่ยงไปว่า วันนี้ตนภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่เห็นพรรคก้าวไกลเติบโตโดยไม่มีธนาธร และ ปิยบุตร ภูมิใจมาก และอยากให้เป็นแบบนั้น มันทำให้เห็นว่า พรรคก้าวไกล เป็นสถาบันการเมือง ไม่ใช่เป็นของใครคนใดคนหนึ่ง ตนอยากให้เป็นแบบนั้น
นายธนาธร ยังกล่าวอีกว่า รู้สึกเสียใจและเจ็บปวดที่สุด ที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล แต่ก็เข้าใจข้อจำกัดของพรรคเพื่อไทย ดังนั้น ถึงแม้จะเสียใจ แต่สำหรับตน พรรคเพื่อไทย คือมิตร และทางออกที่จะทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าต้องมี 2 พรรคนี้ ฝากถึงเพื่อนในพรรคก้าวไกล และแกนนำพรรคเพื่อไทยด้วย อนาคตของประเทศไทย อยู่ในมือคุณทั้งสอง
นายธนาธร กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพราะเชื่อว่า หากจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาหนี้ครัวเรือน ต้องทำให้คนมีรายได้ สร้างความมั่นคงในการสร้างงาน และสร้างอุตสาหกรรมให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันได้ ตนยินดีจะไปแชร์ข้อมูลเรื่องการใช้เงิน 5 แสนล้าน ตามโครงการที่คิดขึ้นมา เช่น น้ำประปาดื่มได้ และการจัดทำระบบจัดการขยะทั่วประเทศ
นายธนาธร ยังย้ำว่า พันธมิตรระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล จะเป็นพันธมิตรทำให้ประเทศก้าวหน้าที่สุด และกลับมาเป็นประชาธิปไตย ที่ตนพูดเมื่อวันก่อน ก็ไม่ได้พูดถึงพรรคเพื่อไทยเลย เพียงแต่พยายามเสนอสิ่งที่อยากทำ ไม่รู้คนอื่นคิดอย่างไร แต่พรรคเพื่อไทย คือมิตร แม้จะอยู่คนละฝั่ง เพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราเป็นฝ่ายค้าน ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน
เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่า นายธนาธร บินไปพบนายทักษิณ ที่ฮ่องกง เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการจัดตั้งรัฐบาล ระหว่างพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทย แต่ถูกคนในพรรคก้าวไกล และคณะก้าวหน้าปฏิเสธเสียงแข็งว่านายธนาธรไม่ได้เดินทางไปพบนายทักษิณ ตามที่มีกระแสข่าวดังกล่าว
ก่อนหน้านั้น น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า “กระแสที่บอกว่านายธนาธร เดินทางไปพบนายทักษิณนั้น รู้สึกว่าตอนนี้มีการปั่นข่าวกันเยอะ ยืนยันว่า เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ ซึ่งขณะนี้นายธนาธร อยู่เมืองไทย และอยู่ในกรุงเทพมหานคร”
ขณะเดียวกัน ประเด็นดังกล่าว ยังมีความเห็นที่น่าสนใจ จากนายสมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่โพสต์ข้อความเมื่อ 28 กรกฎาคม 2566 หัวข้อ “ธนาธร ต้องตอบคำถามกรณีซูเปอร์ดีล” มีเนื้อหาดังนี้
ในฐานะที่เป็น “โหวตเตอร์” คนหนึ่ง กรณีเกิดคำถามว่า คุณธนาธร ไปร่วมเจรจาซูเปอร์ดีลหรือไม่ เป็นคำถามที่ต้องให้คำตอบอย่างชัดเจน เพราะการนิ่งเงียบ หรือหลบหลีกไม่ตอบคำถามนี้ จะสั่นคลอนต่อความเชื่อมั่นในแนวทางของพรรค/นักการเมือง ที่ผู้คนคิดว่าจะแตกต่างจากพรรคการเมืองดั้งเดิม
ในฐานะพลเมือง ผมคาดหวังจะเห็นการทำงานการเมืองที่ตรงไปตรงมา ไม่ใช่การ “เล่นการเมือง” ที่ใช้การเจรจาแบบลับๆ นอกจากสายตาของสาธารณะ หากพรรคก้าวไกลจะไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล, คุณพิธา ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี, ข้อเสนอ 112 ต้องตกไป ฯลฯ ก็ต้องทำให้เห็นว่า เป็นผลมาจากพลังอำนาจของฝ่ายอนุรักษ์นิยม และรัฐธรรมนูญที่วิปริต หากจะมีดีลลับระหว่างพรรคการเมืองอื่นๆ นั่นก็เป็นแนวทางที่ไม่ควรต้องเข้าไปแปดเปื้อนด้วย
ถ้าไม่ได้ไป ก็ต้องปฏิเสธให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้คนมั่นใจว่าแนวทางการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยยังคงเดินไปอย่างโปร่งใส ถ้าไปจริง ก็ต้องอธิบายว่า อะไรคือเหตุผล อะไรคือเป้าหมายของการเจรจา แน่นอนถ้าเห็นว่าเป็นจังหวะก้าวที่ผิดพลาด ก็ควรต้องยอมรับ และเป็นบทเรียนต่อไปในภายภาคหน้า”
แน่นอนว่า ความเคลื่อนไหวของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เคยมีข่าวไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร ในช่วงการจัดตั้งรัฐบาล และมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำในเวลานั้น ซึ่งหลายคนก็รับรู้ เพียงแต่ว่ามีการปฏิเสธมาตลอด จนกระทั่งมีการเปลี่ยนแปลงแกนนำรัฐบาล เป็นพรรคเพื่อไทย เรื่องจึงค่อยเงียบหายไป
อย่างไรก็ดี แม้ว่าในเวลานี้พรรคก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้าน และยังประกาศว่าพวกเขาจะเป็น “ฝ่ายค้านเชิงรุก” แต่เท่าที่เห็นบทบาทในสภา กลับกลายเป็นว่า ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน จนแทบไม่ระคายฝ่ายรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย ได้เลย หากจับสังเกตในเรื่องสำคัญอย่าง นโยบาย “แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต” พรรคก้าวไกล ยังไม่เคยมีท่าทีที่ชัดเจนเลย จนแทบจะไม่มีใครออกมาพูด หรือวิจารณ์เลย อาจจะมีเพียง น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ออกมาวิจารณ์ แบบ “เป็นเนื้อเป็นหนัง” นอกนั้น แทบจะเรียกว่า “พับเพียบค้าน” กันเลยทีเดียว โดยเฉพาะ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค และเป็นผู้นำฝ่ายค้าน ไม่เคยมีท่าที รวมไปถึงพวก ส.ส.ของพรรค ที่เคยทำ “ปากกล้า” ในเรื่องอื่น แต่กับเรื่องแบบนี้ กลับเงียบกริบ
จนกระทั่งมาวันนี้ ที่ “ความลับแตก” ทุกคนถึงบางอ้อ ว่า ทำไมทั้งสองพรรคนี้จังมีลักษณะเป็น “การละคร” ได้อย่างแนบเนียน ไม่ต่างจาก “แยกกันชั่วคราว” แบบวินวิน เพราะอีกคนที่บอกว่า “นอนป่วย” อยู่นอกเรือนจำ อีกไม่นานก็จะได้พ้นโทษ ขณะที่อีกคนหนึ่งก็กำลังลุ้นเรื่อง “กฎหมายนิรโทษกรรม” รวมไปถึงอีกไม่นาน “โทษแบน” จากการถูกตัดสิทธิการเมืองกำลังกำลังเดินไปเรื่อยๆ จนเหลือเวลาอีกไม่นาน แต่หากมีนิรโทษกรรม ก็มีลุ้น ดังนั้น หากเทียบเคียงระหว่างคนสองคนที่ฮ่องกงมันอาจจะไม่ต่างจาก “เจ้าของคอก” คุยกัน พวกเด็กๆ และบรรดา “ด้อมผู้บริสุทธิ์” พวกมองโลกสวยไม่เกี่ยว อะไรประมาณนั้น !!